ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 156 สู้กับอวิ๋นซู่!
แสงสีทองปะทะกับพลังมาร ทำให้เกิดคลื่นสั่นสะเทือนกระจายไปรอบๆ ทุกทิศทางและคนที่ดูการต่อสู้อยู่นั้นก็ถอยหลังไป
ทุกคนใช้โอกาสตอนนี้เว้นระยะห่างระหว่างกันและกันเพื่อระวังตัวจากทุกคน
ไม่มีใครรู้ว่าคนที่จะเข้าสู่การเป็นมารคนต่อไปจะเป็นใคร
การต่อสู้ของพระมหาอินฮูและศิษย์น้องสำนักเดียวกันมีอานุภาพรุนแรง สีทองแห่งพระธรรมนั้นต้องการจะปราบมาร แต่เหมือนว่าพลังมารสีดำจะไม่ยอมศิโรร ราบ
“พระมหาอินฮูถูกลือว่าเป็นลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในสำนักฝัวหมัว ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ดูจากตอนนี้แล้ว คำพูดนี้คงจะจริง” กงเ เสวี่ยฮวาพูดกระซิบข้างหูเจียงหลี
เจียงหลีก็พยักหน้าเห็นด้วย
ท่ามกลางการต่อสู้นี้ นางสามารถมองเห็นถึงพรสวรรค์ของพระมหาอินฮู
พลังมารกลายเป็นฝ่ามือสีดำที่น่าสะพรึงกลัว มันต้องการจะทำลายแสงแห่งพระธรรม และแสงทองแห่งพระธรรมก็รวมเข้าด้วยกันกลายเป็นฝ่ามือสีทองเช่นเดียวกั น และปะทะเข้ากับฝ่ามือสีดำกลางอากาศ
เสียงของพลังที่ปะทะกันราวกับจะทำให้ฟ้าพังทลายลงมาอย่างไรอย่างนั้น
ฝ่ามือสีดำนั้นสลายหายไป ฝ่ามือสีทองแห่งพระธรรมใช้โอกาสนี้พุ่งมาจากท้องฟ้า
อ้ากกก!
อันตรายอยู่ตรงหน้า ลูกศิษย์สำนักฝัวหมัวคนนั้นที่เข้าสู่การเป็นมารกลับไม่เกรงกลัวเลยสักนิด จิตสังหารในร่างกายกลับยิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ฝ่ามือสีทองดูแล้วเหมือนจะเคลื่อนไหวช้าลง แต่ชั่วพริบตาเดียวกับตกลงมา
ตู้มมม!
หลังจากที่เสียงดังนั้นสงบลง ลูกศิษย์สำนักฝัวหมัวคนนั้นที่เข้าสู่การเป็นมารก็ถูกโจมตีจนฟุบไป ฝ่ามือสีทองทับอยู่บนตัวเขา ฝ่ามือนั้นมั่ นคงราวกับภูเขาไท่ซาน เขาถูกกดทับอยู่ แต่กลับยังคงดิ้นรนต่อ สีหน้าโหดเหี้ยม ดวงตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดเกือบจะมีเลือดออกมา
“อิสระไร้ขอบเขต ศิษย์น้องพักผ่อนเสียเถอะ” เสียงของพระมหาอินฮูดังออกมาจากแสงทองแห่งพระธรรม ฝ่ามือสีทองนั้นกดลงมาอีกครั้ง
ทันใดนั้น พื้นดินก็จมลงไป ผู้คนที่ดูการต่อสู้อยู่ก็รับรู้ได้ถึงการสั่นสะเทือนของทุ่งราบนี้
แสงทองสลายไป บนพื้นมีรอยฝ่ามือที่ใหญ่มหึมาทิ้งไว้อยู่ และลูกศิษย์ของสำนักฝัวหมัวคนนั้นก็นอนอยู่ในหลุมกลางฝ่ามือ สลบไปไม่ได้สติ
พระมหาอินฮูหยุดคนที่บ้าคลั่งได้แล้ว ทุกคนต่างโล่งใจ
ทันใดนั้นเสียงร้องก็ดังขึ้น
จิตสังหารที่เยือกเย็นพุ่งเข้ามาหาเจียงหลีด้วยความรวดเร็ว
สายฟ้าผ่ามาอย่างรวดเร็ว เจียงหลีรีบผลักกงเสวี่ยฮวา เขาพุ่งออกไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว และเจียงหลีก็รีบถอยเพื่อหลบการโจมตีที่เข้ามาอย่า างกะทันหันเช่นกัน
เกิดอะไรขึ้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนอึ้งไป
“ฮ่าๆๆ! ข้าจะฆ่าให้หมดทุกคนนน!” เสียงที่บ้าคลั่งของอวิ๋นซู่ดังขึ้น และเขาก็ไล่ตามเจียงหลีมา
มีคนเข้าสู่การเป็นมารอีกแล้วรึ
ครั้งนี้คืออวิ๋นซู่แห่งป้อมปราการเฟยอวิ๋นอย่างนั้นรึ!
ทุกคนต่างตกใจ
กงเสวี่ยฮวาได้สติ สีหน้าเปลี่ยนไป กำลังจะตามเจียงหลีไป อวิ๋นซู่คนนั้นคือหลิงหวัง! แล้วตอนที่เขาเป็นหลิงจงก็เคยฆ่าหลิงหวังมาแล้ว พลัง การต่อสู้ของเขาใช่ว่าหลิงหวังกระจอกๆ ของสำนักพรตเสวียนหมิงจะเทียบได้
แต่ทว่าเขาเพิ่งจะขยับ ตรงหน้าเขาก็มีคนเสื้อขาวชุดฟ้าปรากฏขึ้น
ป้อมปราการเฟยอวิ๋น!
กงเสวี่ยฮวาหรี่ตาทั้งสองข้างลงทันที แล้วจ้องมองคนตรงหน้าที่มาขวางทาง เห็นเพียงแสงสีแดงในตาของเขา รอยยิ้มที่โหดเหี้ยม ทั้งตัวเต็มไปด้วยพล ลังแห่งความดุร้าย
“ฆ่าเจ้าได้ ข้าก็จะเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า!” เขาพูดจาเลอะเทอะ
กงเสวี่ยฮวาขมวดคิ้ว เข้าสู่การเป็นมารอีกคนแล้วรึ
เชอะ!
ส่งเสียงแสดงความไม่พอใจในใจ กงเสวี่ยฮวาเตรียมจะอ้อมเขาไป แต่อีกฝ่ายกลับลงมือทันที ทำให้เขาปลีกตัวไปไม่ได้
กงเสวี่ยฮวาต้องสู้อย่างไม่มีทางเลือก เขาทำได้เพียงตะโกนบอกคนจากฮวงเสินว่า “รีบไปช่วยเร็ว!” ไม่ใช่ ‘มาช่วย’ แต่เป็น ‘ไปช่วย’ ความหมายชัดเจน มาก
คนฮวงเสินเหลือแค่ไป๋หลี่เฟิ่งคนเดียว เพราะว่าหันเหยากวงและฉู่เฟยเยียนที่เข้าสู่การเป็นมาร ติดต่อกันและถูกหยุดไว้ได้แล้ว
ไป๋หลี่เฟิ่งเข้าใจความหมายของกงเสวี่ยฮวา ร่างหายแวบไปทางเจียงหลี แต่เขาเพิ่งจะขยับ ก็มีคนๆ หนึ่งเหาะมาไล่ตามเขาต่อหน้าทุกคน
ท่ามกลางการต่อสู้ กงเสวี่ยฮวาที่สนใจฝั่งนี้มาตลอดก็เข้าใจในทันที เขาแสยะยิ้มแล้วพูดกับลูกศิษย์ของป้อมปราการเฟยอวิ๋นเหล่านั้นว่า “ที่แท้พว วกเจ้าก็เสแสร้งมาตลอด!”
อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น ลูกศิษย์ของป้อมปราการเฟยอวิ๋นจะเข้าสู่การเป็นมารติดต่อกันสองสามคนเลยรึ
อีกทั้งยังขัดขวางคนที่จะไปช่วยเจียงหลีอย่างเห็นได้ชัด!
ลูกศิษย์ของป้อมปราการเฟยอวิ๋นที่ถูกเปิดโปงก็ไม่ได้อธิบายอะไร เพียงแต่ยิ้มเหยียดหยาม รอยยิ้มนั้นได้บ่งบอกทุกอย่างแล้ว
แบบนี้ไม่ดีแน่ เจียงหลีจะเป็นอันตราย! กงเสวี่ยฮวาเกิดความกลัวในใจ และเริ่มจริงจังมากขึ้น
ตอนนี้วุ่นวายไปหมดแล้ว
ไหวปี้ก็รู้สึกว่ามันดูแปลกๆ เช่นกันกับที่กงเสวี่ยฮวารู้สึก
แต่ทว่าในตอนนี้ ทั้งสามคนจากสำนักหลีหุนจงกลับขวางอยู่ตรงหน้าหญิงสาวทั้งสามของวังเวิ่นฉิง คนของวังเวิ่นฉิงทั้งห้าคน คนหนึ่งถูกฆ่า คนหน นึ่งเข้าสู่การเป็นมารแล้วสงบไป ตอนนี้สามต่อสาม มีไหวปี้อยู่ก็น่าจะเอาอยู่
แต่ว่าคนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นเหลือสองคน แต่กลับปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้แล้วเปลี่ยนกันกับคนของสำนักหลีหุนจงทั้งสองเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้ คนข ของป้อมปราการเฟยอวิ๋นนั้นก็ขวางไหวปี้ไว้ คนของสำนักหลีหุนจงที่เหลือก็ต่อสู้กับหญิงสาวสองคนที่มีฝีมือยอดเยี่ยมแห่งวังเวิ่นฉิง
คนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นที่เหลือ แล้วก็ยังมีคนของสำนักหลีหุนจงอีกสองคนก็ต่อสู้กับสำนักฝัวหมัว
“พระมหาอินฮู ในเมื่อที่นี่อยากจะให้พวกเราฆ่ากันเอง พวกเราก็มาลองดูกันเถอะ ดูว่าสุดท้ายแล้วจะเหลือกี่คนที่สามารถมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี ” ลูกศิษย์ของป้อมปราการเฟยอวิ๋นที่ขวางพระมหาอินฮูยิ้มอย่างโหดเหี้ยม
พระมหาอินฮูสงบนิ่งเหมือนเคย พนมมือทั้งสองข้างขึ้นมาแล้วพูดว่า “อิสระไร้ขอบเขต”
“พวกเจ้าวางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว!” ไหวปี้ตะโกนเสียงดัง
วางแผนล่วงหน้า? ก็ใช่น่ะสิ!
ก่อนจะเข้าสู่สถานที่ผนึกมาร คนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นก็มีภารกิจเพิ่มมาอย่างหนึ่ง นั่นก็คือจำเป็นจะต้องฆ่าผู้ฝึกฝนของกลุ่มอำนาจฮวงเสินให้หมด ด ถ้าหากฆ่าได้ไม่หมด ก็ต้องฆ่าลูกศิษย์ของตำหนักเย่าให้ได้
ก่อนหน้านี้ เจียงเฮ่าที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในทั้งห้าคนของฮวงเสินต้องจากไปเพราะตำหนักหลีหั่ว โอกาสหายากแบบนี้ ป้อมปราการเฟยอวิ๋นจะปล่อยไป ปได้อย่างไรเล่า
“เลวทรามต่ำช้า!” หลังจากที่ไหวปี้ตะโกนคำนี้ออกมา แววตาของกงเสวี่ยฮวาก็เย็นชาขึ้นมาทันที “คนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นอย่างพวกเจ้า เพื่อที่จะฆ่าค คน นึกไม่ถึงว่าจะแกล้งทำเป็นเข้าสู่การเป็นมาร!”
ลูกศิษย์ของป้อมปราการเฟยอวิ๋นที่สู้กับเขากลับแสยะยิ้มอย่างไม่สนใจ “บรรลุเป้าหมายก็พอ ทำไมจะต้องสนใจวิธีการด้วย”
เพิ่งสิ้นเสียง ลูกศิษย์ของป้อมปราการเฟยอวิ๋นคนนั้นก็กลายเป็นแสงสีแดงพุ่งเข้าโจมตีกงเสวี่ยฮวาด้วยความเร็วที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ชั่วพริบตาเดียว กงเสวี่ยฮวาก็ได้ปะทะกับเขาไปหลายครั้งแล้ว ความเร็วที่แปลกประหลาดนี้ ทำให้กงเสวี่ยฮวาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ความโกรธในใจเพิ่มมาก กขึ้น
ในที่ที่ไกลออกไป เจียงหลีและอวิ๋นซู่ก็ยืนคุมเชิงกันอยู่กลางอากาศ
แสงสีทองอันงดงามบนชุดที่นางสวมใส่ ขับให้ใบหน้าที่งดงามและขาวผ่องของนางยิ่งดูสูงส่งและงดงามมากยิ่งขึ้น
อวิ๋นซู่ยากที่จะปิดบังสายตาที่ตะลึงในความงามได้ เขาพูดว่า “ถ้าหากเจ้ายอมประกาศว่าเจ้าจะออกจากฮวงเสินมาเข้าร่วมกับป้อมปราการเฟยอวิ๋น แล้วมาเ เป็นผู้หญิงของข้า ข้ารับรองว่าเจ้าจะไม่ตาย”
เจียงหลียิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วมองเขาด้วยความเหยียดหยาม “ไม่คิดจะเสแสร้งต่อไปแล้วหรือ”
อวิ๋นซู่ยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและความมั่นใจในตัวเอง “ที่นี่ไม่มีคนอื่น ข้าแค่อยากจะบอกความในใจกับเจ้า เพียงแต่ในสภาพแว วดล้อมที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ใครจะไปรู้ว่าเราจะเข้าสู่การเป็นมารตอนไหน”