ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 157 สตรีนางนี้ต้องตาย
เจียงหลียิ้มเยาะในใจไม่หยุด แล้วพูดถากถางว่า “คนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นอย่างพวกเจ้าหน้าไม่อายขนาดนี้เชียวรึ” อยากจะฆ่านาง แล้วยังคิดจะใส่ร้ายอุปสรรคนั่นอีก
อวิ๋นซู่กลับไม่สนใจคำพูดของนาง สายตาที่มองนางอย่างไม่อาจหักห้ามใจ “ทางที่ดีเจ้ารีบตัดสินใจให้ถูกต้องในตอนที่ข้ายังมีสติอยู่”
“อยากให้ข้าเป็นผู้หญิงของเจ้ารึ” ทันใดนั้นเจียงหลีก็ยิ้มออกมาอย่างงดงาม
ท่าทางที่เหนื่อยหน่ายและงดงามของนาง ทำให้ใจอวิ๋นซู่เต้นรัว เขาแทบอยากจะเอาตัวนางเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน แล้วแสดงความรักอย่างสุดซึ้ง
อวิ๋นซู่กำลังเตรียมที่จะพูดตอบเจียงหลี
“เจ้าคู่ควรรึ!”
แต่ทว่าเจียงหลีพูดขึ้นมาก่อนสี่คำ
ทันใดนั้นสีหน้าของอวิ๋นซู่ก็เปลี่ยนไป แววตาดูน่ากลัวขึ้นเป็นอย่างมาก เขายิ้มอย่างเยือกเย็น “ในเมื่อไม่ได้ครอบครอง ก็ทำได้แค่ทำลาย”
วิญญาณยุทธ์ระเบิดออกมาจากด้านหลังของเขา นึกไม่ถึงเลยว่าวิญญาณยุทธ์ทั้งหมดจะเป็นประเภทสัตว์ปีก
ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากในทันที แววตาก็เฉียบคมขึ้นเช่นกัน
เจียงหลีเบิกตาโต ไม่กล้าดูถูกหลิงหวังคนนี้!
“เจ้าพลาดโอกาสมีชีวิตครั้งสุดท้ายของเจ้าไปแล้ว!” อวิ๋นซู่พูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็หายไปจากที่เดิม เหมือนว่าหายไปในมิติแห่งกาลเวลา ไร้ซึ่งพลังลมปราณและร่องรอย
สายฟ้าผ่าลงมาจากฟ้า เจียงหลีหายตัวหลบอย่างรวดเร็ว แต่เส้นผมของนางกลับถูกตัดขาดเส้นหนึ่ง
อวิ๋นซู่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแล้วแสยะยิ้มให้เจียงหลี “การตอบสนองยังถือว่าเร็วดี”
เจียงหลีแววตาเยือกเย็นแล้วเม้มปาก นางไม่ได้พูดอะไร
อวิ๋นซู่หายตัวไปอีกครั้ง ครั้งนี้เจียงหลีระวังมากยิ่งขึ้น นางหายตัวแล้วเปลี่ยนทิศทางไปมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บนท้องฟ้าเกิดร่างมายาของนางจำนวนไม่น้อย
ทั้งสองประหนึ่งว่ากลายเป็นเหมือนกับแสงสองเส้น แสงหนึ่งสีเงิน แสงหนึ่งงสีทอง ปะทะกันอยู่กลางอากาศอย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องยากที่จะตัดสินแพ้ชนะ
การแปลงร่างของป้อมปราการเฟยอวิ๋นนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ
การโจมตีทำให้เจียงหลีถอยหลังไปทันที ตรงหน้าของนางมีพลังที่รุนแรงโจมตีเข้ามามากมาย
เกิดเสียงดังขึ้น เจียงหลีที่ถอยหลังไปอย่างรวดเร็วยื่นมือออกมาเด็ดดารา มือหยกขาวบริสุทธิ์จับพลังที่รุนแรงนั้นไว้ พลังรุนแรงที่เหมือนกับขนนกเหล่านั้นชั่วพริบตาก็แตกสลายไปในมือของนาง
สมควรตาย!
การโจมตีถูกทำลาย แววตาของอวิ๋นซู่ดุร้ายมากยิ่งขึ้น
เพียงชั่วพริบตาเดียว ร่างของเขาก็หายไปอีกครั้ง
เจียงหลีขมวดคิ้ว พลังจิตที่ไร้รูปร่างแผ่กระจายออกมาจากหว่างคิ้วของนางเหมือนกับเส้นด้ายจำนวนมากอย่างไรอย่างนั้น แล้วทะลุเข้าไปในมิติแห่งกาลเวลาเพื่อหาตำแหน่งของอวิ๋นซู่
จากการต่อสู้กันเมื่อครู่ เจียงหลีรู้สึกได้แล้วว่าป้อมปราการเฟยอวิ๋นดูเหมือนจะมีความไวต่อความเร็วและมิติแห่งกาลเวลาเป็นพิเศษ
วิญญาณยุทธ์เหล่านั้นของอวิ๋นซู่ล้วนแต่เป็นประเภทสัตว์ปีก ไม่เพียงแต่จะเพิ่มความเร็วและพลังโจมตีให้เขาอย่างมาก การโจมตีของขนนกนั่น ความเร็วขีดสุดเผยให้เห็นถึงพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว ถึงขนาดทำให้เจียงหลีรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
แสงสว่างที่เย็นยะเยือกโจมตีมาทางด้านหลังของเจียงหลี เจียงหลีหายตัวในชั่วพริบตา ทำให้โจมตีไม่โดนนาง ที่ตามมาคืออวิ๋นซู่ปรากฏตัวออกมาจากท้องฟ้า และร่างของเจียงหลีก็ก็ก้าวออกมาจากมิติแห่งกาลเวลาอีกฝั่งหนึ่ง
“ศาสตร์ลับ” อวิ๋นซู่พูดเสียงเบา
เจียงหลีแสยะยิ้ม “เจ้ารู้ไม่น้อยเลยหนิ”
อวิ๋นซู่ยิ้มอย่างเยือกเย็น “มากกว่าที่เจ้าคิดไว้เยอะ”
เจียงหลีแววตาเยือกเย็น พลังจิตพรั่งพรูออกมาอย่างบ้าคลั่ง ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน พลังจิตก็พันโดยรอบข้อเท้าของอวิ๋นซู่โดยที่เขาไม่รู้ตัว
เจียงหลีเผยรอยยิ้มที่คลุมเครือออกมา แล้วเริ่มจู่โจม
อวิ๋นซู่กลับยิ้มอย่างเหยียดหยาม “เจ้าช้าเกินไปแล้ว! ต่อให้เจ้ามีร่างกายและศาสตร์ลับที่ล้ำเลิศ แต่สำหรับข้าก็ยังช้าเกินไปอยู่ดี!”
พูดจบ ความเร็วของเขาก็เร็วมากยิ่งขึ้น แค่เพียงชั่วพริบตา เขาก็เปลี่ยนไปหลายทิศทางแล้ว
ชั่วพริบตาเดียวเจียงหลีก็ถูกกรงเล็บที่แหลมคมมากมายของสัตว์ปีกล้อมไว้ ทุกทิศทางเต็มไปด้วยกรงเล็บแหลมคมที่ส่องแสงที่เยือกเย็น ท่ามกลางกรงเล็บที่แหลมคมเหล่านี้ มีทั้งของจริงและของปลอม ยากที่จะคาดเดา และท่ามกลางกรงเล็บที่แหลมคมเหล่านี้เหมือนว่าจะแฝงไปด้วยพลังที่แข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัว ถ้าหากถูกกรงเล็บเข้าก็คงจะตายคาที่
แต่ทว่าเจียงหลีกลับปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์วานรกลืนเวหาออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน ร่างสูงใหญ่ราวกับปีศาจคำรามออกมาด้วยความโกรธ ฟาดหมัดเข้าไปที่กรงเล็บอันแหลมคมอันหนึ่ง
หมัดที่น่ากลัวของวานรกลืนเวหาพุ่งไปยังกรงเล็บที่แหลมคมนั้น นึกไม่ถึงว่าจะทำลายกรงเล็บที่อยู่รอบๆ เหล่านั้นลง หลังจากที่หมัดของวานรกลืนเวหาปะทะเข้ากับกรงเล็บที่แหลมคม ร่างของอวิ๋นซู่ก็กระเด็นลอยออกมาจากมิติแห่งกาลเวลา
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร อวิ๋นซู่เกิดความตะลึงในใจ แต่กลับไม่รู้ว่านั้นเป็นเพราะว่าพลังจิตของเจียงหลีพันอยู่รอบข้อเท้าของเขา ไม่ว่าความเร็วของเขาจะเร็วเพียงใด เจียงหลีก็สามารถรู้ตำแหน่งของเขาได้อย่างง่ายได้
เพียงแต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ทุกคนต่างต่อสู้กันอยู่ ไม่มีใครเห็นการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นนี้ เจียงหลีหลิงจงขั้นแปดต่อสู้กับอวิ๋นซู่หลิงหวังขั้นหนึ่งที่มีชื่อเสียงมายาวนาน นึกไม่ถึงว่าจะโจมตีแล้วทำให้เขาถอยไปได้ถึงสองสามก้าว
เขม่าควันฟุ้งทั่วทั้งท้องฟ้า เจียงหลีและอวิ๋นซู่ยืนคุมเชิงกันอยู่
หลังจากที่ต่อสู้กัน แก้มของเจียงหลีก็แดงเป็นเลือดฝาดอ่อนๆ ทำให้ดูงดงามขึ้นเป็นอย่างยิ่ง
ใบหน้าที่งดงามหนึ่งเดียวของนางนั้นสะท้อนเข้าไปลึกๆ ในดวงตาที่เยือกเย็นของอวิ๋นซู่ แต่ตอนนี้ไม่มีร่องรอยและความหลงใหลใดๆ อีกแล้ว
สตรีนางนี้แข็งแกร่งเช่นนี้ ต้องฆ่าให้ตายให้ได้! มิฉะนั้น… ในใจของอวิ๋นซู่อยากจะฆ่าเจียงหลีขึ้นมา
ถ้าจะบอกว่าก่อนหน้านี้ที่คิดจะฆ่าเจียงหลีนั่นเป็นเพียงเพราะคำสั่ง และเกี่ยวข้องกับความแค้นระหว่างป้อมปราการเฟยอวิ๋นและฮวงเสิน แต่ตอนนี้หลังจากที่เขาได้ต่อสู้กับเจียงหลี เขาก็อยากจะฆ่าเจียงหลีขึ้นมาจริงๆ แล้ว
ถ้ายังปล่อยให้นางมีชีวิตต่อไป ต้องเป็นภัยต่อป้อมปราการเฟยอวิ๋นของข้าเป็นแน่! ทันใดนั้นเขาก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว ยิ่งทำให้เขาอยากฆ่าเจียงหลีมากขึ้น
อวิ๋นซู่พุ่งขึ้นไปบนฟ้า พลังวิญญาณด้านหลังของเขากลายเป็นปีกขนาดใหญ่
เจียงหลีหรี่ตาเล็กน้อย แล้วไล่ตามเขาไป
อวิ๋นซู่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง เขาก้มหน้ามองเจียงหลีที่ไล่ตามมา หญิงงามคนนั้นไล่ตามเขามาด้วยท่าทางที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานและแน่วแน่
!
อวิ๋นซู่ตกใจมาก เขาเห็นความสงบนิ่งที่น่ากลัวในดวงตาที่เยือกเย็นคู่นั้น
“รนหาที่ตายยย!”
อวิ๋นซู่ตะโกนออกมา แล้วพุ่งไปจู่โจมเจียงหลี
ในขณะเดียกัน เขาก็ปลดปล่อยพลังอำนาจของหลิงหวังออกมา อยากจะใช้พลังนี้บดขยี้เจียงหลี
“วิชาอวี้ซาน!”
แต่ทว่าเจียงหลีกลับใช้วิชาในตำนานในขณะที่เขากำลังปลดปล่อยพลังอำนาจออกมา
วิชาอวี้ซาน พลังเคลื่อนย้ายภูเขา กำจัดความชั่วร้าย
ทันใดนั้นพลังอำนาจบนตัวเจียงหลีก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้านทานพลังอำนาจของอวิ๋นซู่ที่ปกคลุมบนตัวของเจียงหลีไว้ด้านนอก
“เป็นไปไม่ได้! หลิงจงอย่างเจ้าจะต้านทานพลังอำนาจของหลิงหวังได้อย่างไร” อวิ๋นซู่ตะโกนสุดเสียง
ในขณะที่พูด เขาก็โบกมือแล้วเกิดเป็นพันเงาฝ่ามือ แล้วพุ่งไปหาเจียงหลี
และเจียงหลีก็ใช้ฝ่ามือพันคลื่นเข้าปะทะอย่างไม่สะทกสะท้าน
เจียงหลียิ้มเยาะให้กับความสงสัยของอวิ๋นซู่ “ต่อให้พลังอำนาจของหลิงหวังอย่างเจ้าจะแข็งแกร่งกว่านี้ แล้วจะแข็งแกร่งกว่าพลังอำนาจของปฐพีและบรรพตที่สะสมมากว่าหมื่นปีได้อย่างไรกัน”