ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 160 ทะลวงอาณาเขตจื๋อจั้งแล้วออกไป
เดิมทีเฉียนคุนเปี้ยนก็เป็นพลังต่อสู้กับพลังอยู่แล้ว และเป็นคาถาที่มีพลังสามารถสะท้อนอาคมกลับอีกด้วย เมื่อศิษย์สองคนของสำนักหลีหุนจงอยู่ตรงหน้าของเจียงหลี ก็ไม่มีพลังท ที่จะเอาคืนนางได้ ชั่วพริบตาเดียวก็มีศพเพิ่มมาอีกสองร่างบนพื้น
ขณะนั้นเอง เจียงหลีถึงมีเวลาพอที่จะใช้นกอมตะฟื้นฟูพละกำลัง พอฟื้นสภาพได้และหลังจากใช้วิทยายุทธ์จักรพรรดิพิโรธก็เกิดการสะท้อนกลับของอาคม
การสะท้อนกลับของจักรพรรดิพิโรธเกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงของการหมุนเวียนโลหิต
หลังจากที่เจียงหลีหลอมรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์เสวียนกังกุย อาการบาดเจ็บทั้งหมดก็ทุเลาลง แต่ยังคงมีการสะท้อนของอาคม จนกระทั่งนางสามารถหลอมรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์นกอมตะแล้วเสร็ จ ถึงมีพลังรักษา อาคมสะท้อนกลับเช่นนี้ได้ถูกกำจัดออกไปจดหมดสิ้น
ณ ที่ไกลออกไป มีเงาแสงพุ่งเข้าหาเจียงหลีด้วยความรวดเร็ว
เจียงหลีเงยหน้ามองขึ้นไปโดยมิได้ป้องกันตัวใดๆ ทั้งสิ้น
นางช่างคุ้นเคยกับลมปราณของผู้ที่มาใหม่ยิ่งนัก
“อาหลี!”
เจียงเฮ่าทิ้งตัวลงมาอยู่ตรงหน้าเจียงหลี โผข้าหานางด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เขาเพิ่งกลับไปได้ไม่เท่าไหร่ก็พบว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงถึงเพียงนี้
หลังจากเขาฟังกงเสวี่ยฮวาอธิบายถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาสดๆ ร้อนพอสังเขป เขาจึงได้ร้อนรนตามมาถึงที่นี่
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เจียงเฮ่ามองสำรวจน้องสาวตนเองอย่างละเอียด เพราะกลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บ
ในขณะเดียวกัน เขาไม่เปิดโอกาสให้ได้เอ่ยตอบแทน แล้วเอาแต่โทษตัวเองไมหยุด “เป็นเพราะข้า! เป็นเพราะข้า!”
น้องสาวเผชิญอันตรายถึงเพียงนี้ เขากลับไม่ได้อยู่ข้างกายน้องในฐานะพี่ชาย เรื่องราวแบบนี้ จะไม่ให้เขาโทษตัวเองได้อย่างไร
“พี่ใหญ่ ข้าไม่เป็นไร” เจียงหลีแย้มยิ้ม
ต่อให้นางพูดว่าไม่เป็นอะไร แต่แววตาตำหนิตัวเองของเจียงเฮ่ายังคงไม่หายไปไหน
“จริงสิ สถานการณ์ทางตำหนักหลีหั่วเป็นอย่างไรบ้าง”
เจียงเฮ่าออกไปเพื่อตามหาเบาะแสของตำหนักหลีหั่ว ตอนนี้กลับมาแล้วสงสัยน่าจะมีเบาะแสกลับมาบ้าง
ส่วนเจียงเฮ่า เมื่อได้ยินคำถามของเจียงหลีพลันเปลี่ยนสีหน้า แล้วสบถเสียงเย็น
เมื่อเจียงหลีเห็นสีหน้าของผู้เป็นพี่ชายจึงหรี่ตาแล้วเอ่ยถาม “ทำไมหรือ หรือว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น” ฉินเทียนอีเป็นถึงหนึ่งในกลุ่มของตำหนักหลีหั่ว
“หายไปแล้ว” เจียงเฮ่าเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง
“หายไปแล้วรึ” เจียงหลีกลับเผยแววตาประหลาดใจ
…
ทั้งสองพี่น้องต่างไม่มีใครพูดอะไรอีก แล้วกลับไปยังที่ที่ทุกคนอยู่เพื่อรวมตัวกับคนอื่น ตอนที่ทั้งสองกลับไป กงเสวี่ยฮวาและไป๋หลี่เฟิ่งก็สามารถจัดการกับคู่ต่อสู้ของตนเองเร รียบร้อยแล้ว ส่วนพระมหาพระมหาอินฮูเองก็สามารถสกัดกั้นลูกศิษย์นอกรีตของสำนักฝัวหมัวเอาไว้ได้เช่นกัน
ในขณะนี้ ผู้ที่ยังคงมีสติสัมปชัญญะก็มีเพียงสองพี่น้องสกุลเจียง กงเสวี่ยฮวา ไป๋หลี่เฟิ่ง พระมหาอินฮูและไหวปี้
“เจ้าบอกว่าคนของตำหนักหลีหั่วหายไปแล้วอย่างนั้นหรือ” กงเสวี่ยฮวากระโดดตัวขึ้นมาเป็นคนแรกหลังจากได้ยินในสิ่งที่เจียงเฮ่าบอกกล่าว
ส่วนคนอื่นก็ขมวดคิ้วแสดงความไม่เข้าใจเช่นกัน
“จะออกไปจากอาณาเขตจื๋อจั้งนี้ได้อย่างไร หากมีวิธีที่จะออกไปได้ ทำไมพวกเขาถึงไม่บอกพวกเรา” ไหวปี้ฟุ้งซ่านเพราะไม่ได้รับการอธิบาย
อันที่จริงนี่ก็เป็นที่สงสัยมากที่สุดของเจียงหลีเช่นกัน หากมีหนทางออกไปได้ คนของตำหนักหลีหั่วไม่บอกนางก็ช่างปะไร แต่ฉินเทียนอีกลับไม่บอกนางสักคำ
จากไปโดยไม่บอกไม่กล่าวเช่นนี้ คนของตำหนักหลีหั่วต้องการกระทำสิ่งใดกันแน่
เจียงหลีช้อนสายตามองไปทางพระมหาพระมหาอินฮู “พระคุณท่าน ท่านคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีวิธีที่สามารถออกจากอาณาเขตจื๋อจั้งจริงหรือไม่”
พระมหาอินฮูหลับตาส่ายหน้าหลับตา
เจียงหลีจึงหันไปมองเจียงเฮ่า
เจียงเฮ่าอธิบายเสียงขรึม “หลังจากที่พวกเราทราบว่าคนของตำหนักหลีหั่วหายไปอย่างไร้ร่องรอย ข้าก็ออกไปตรวจสอบมาแล้วรอบหนึ่งจนแทบพลิกแผ่นดิน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของพวกเขา แต ต่ทว่า ข้ากลับพบช่องโหว่สักแห่งในอาณาเขตจื๋อจั้ง”
“ช่องโหว่!” กงเสวี่ยฮวาเอ่ยขึ้นอย่างตื่นตกใจ
พระมหาอินฮูเองก็เบิกตาโพลงมองไปที่เจียงเฮ่า
ไป๋หลี่เฟิ่ง ชายหนุ่มผู้โดดเดี่ยวคนนี้ก็ช้อนดวงตาขึ้นมามองเช่นกัน
เจียงเฮ่าพยักหน้า
“อืม ช่องโหว่ เพียงแต่ช่องโหว่นั้นเล็กมาก คนเดียวยังไม่สามารถลอดเข้าไปได้เลย ข้าลองมุดออกไปได้เพียงครึ่งตัว ดูเหมือนมันสามารถออกจากอาณาเขตจื๋อจั้งนี้ได้จริงๆ”
นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงไม่สังเกตเห็นเหตุการณ์ต่อสู้ระยะประชิด
“แล้วช่องโหว่นั้นอยู่ที่ไหน” ไหวปี้กระตือรือร้นถาม
แต่เจียงเฮ่ากลับส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ “ช่องโหว่นั้นไม่มีอีกแล้ว เมื่อข้าเห็นว่ามันออกไปไม่ได้ก็เลยถอยกลับมา แล้วก็เห็นว่าช่องโหว่นั้นแคบลงเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็หายไป”
“ถ้าอย่างนั้น อาจเป็นไปได้ว่าคนของตำหนักหลีหั่วออกไปจากช่องโหว่นั้น” พระมหาอินฮูเอ่ยในสิ่งที่คิดออกมา
“แต่ว่า พวกเขาเจอช่องโหว่นั้นแล้วทำไมถึงไม่บอกพวกเราล่ะ ทำไมถึงไร้คุณธรรมหนีเอาตัวรอดแบบนี้” มีความขุ่นเคืองเจือในน้ำเสียงของกงเสวี่ยฮวาเล็กน้อย
“เจ้ามีสัมพันธไมตรีกับตำหนักหลีหั่วมากนักหรือ” เจียงหลีเหล่ตามองเขา
เอ่อ…
กงเสวี่ยฮวามีสีหน้ากระอักกระอ่วน
ต่อให้เขารู้จักคนทั้งใต้หล้า แต่เขาก็ไม่มีสัมพันธไมตรีอะไรกับคนของตำหนักหลีหั่วจริงๆ ดั่งว่า
“ข้าไม่มี แต่ข้าเห็นเจ้า…”
เจียงหลีเบิกตาโตใส่กงเสวี่ยฮวาอย่างดุดันเพื่อให้เขาหุบปากด้วยตัวเอง นางรู้ว่ากงเสวี่ยฮวาพยายามจะสื่อว่าฉินเทียนอีกับนางดูเหมือนจะสนิทสนมกลมเกลียวกัน
เขาทราบจุดนี้ตอนที่เข้ามายังดินแดนผนึกมารแล้ว
ที่เจียงหลีเบิกตาเขม็งใส่เขาก็เพราะว่าตอนนี้นางยังไม่รู้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับตำหนักหลีหั่วกันแน่ แต่ทว่า ด้วยลักษณะอุปนิสัยของฉินเทียนอี หากมีวิธีออกไปจากที่นี่ ไม่ม มีทางที่เขาจะไม่บอกนางสักคำ
…
ด้านนอกอาณาเขตจื๋อจั้ง คนของตำหนักหลีหั่วสี่คนกำลังลากคนหมดสติหนึ่งคนเดินไปข้างหน้า
“ศิษย์พี่หลัวอวี่”
เสียงข้างหลังเขาทำให้หลัวอวี่ซึ่งกำลังเดินอยู่ข้างหน้าหยุดชะงักและหันไปมอง
สองคนที่หิ้วปีกฉินอีเทียนมองเขาด้วยสีหน้าเหยเก หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น “พวกเรา…พักสักหน่อยดีไหม รอให้ศิษย์พี่ฉินฟื้นก่อนดีกว่าไหมขอรับ”
หลัวอวี่กลับขมวดคิ้วแล้วสบถอย่างเย็นชา “รอให้เขาตื่นเพื่ออะไร ให้เขากลับไปช่วยคนพวกนั้นรึ อาวุธวิเศษที่อาจารย์มอบให้ข้าเพื่อทะลวงอาณาเขตจื๋อจั้งนั้นมีไว้สำหรับใช้ป้องก กันพวกเราเอง ไม่ได้มีไว้ให้เขาไปกอบกู้โลก”
“…”
ทั้งสามคนที่ยังมีสติครบถ้วนเถียงไม่ออกได้แต่มองหน้ากัน และทำได้เพียงประคองฉินเทียนอีที่โดนตีจนสลบต่อไป และเดินตามหลัวอวี่มุ่งหน้าไปยังศูนย์กลางของดินแดนผนึกมาร
…
ในอาณาเขตจื๋อจั้ง เจียงหลีเงยหน้าเพ่งมองสีเทาที่ปกคลุมราวกับกำลังพินิจอะไรบางอย่าง
พระมหาอินฮูนั่งขัดสมาธิอยู่อีกด้าน พนมมือทั้งสองเข้าด้วยกัน ปิดเปลือกตาแน่นแล้วสวดมนต์
กงเสวี่ยฮวาโน้มตัวลงเพื่อฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทันใดนั้นก็เด้งตัวขึ้นแล้วก่นด่า “พระมหาอินฮู ท่านสิ้นสติหรือไร ในยามนี้ ท่านสวดขอให้อาณาเขตจื๋อจั้งเปิดออกเร็วๆ ท่ านคิดว่ามันจะเปิดออกได้จริงๆ น่ะหรือ”
“บางที วิธีแก้ปัญหาที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ที่สุดอาจเป็นวิธีแก้ปัญหาได้อย่างแม่นยำล่ะ” พระมหาอินฮูค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วบอกเหตุผลย่อมเป็นเช่นนั้นกับกงเสวี่ยฮวา
กงเสวี่ยฮวาฟังด้วยความไม่เข้าใจ แต่เมื่อเจียงหลีได้ยินคำพูดของพระมหาอินฮู นางก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้และลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาของนางเป็นประกาย
“บ่อยครั้งที่ความเป็นไปไม่ได้มากที่สุด บางทีอาจเป็นวิธีแก้ปัญหาอย่างนั้นหรือ” เจียงหลีเปิดปากพึมพำกับตัวเอง
กงเสวี่ยฮวารีบเอ่ยขึ้น “นี่ เจียงหลี เจ้าอย่าไปฟังพระสงฆ์วิปลาสพูดจาเหลวไหลรูปนี้เลย!”
“อย่ารบกวนอาหลี!” เจียงเฮ่าเข้าไปบังหน้ากงเสวี่ยฮวาเพื่อห้ามไม่ให้เขาพูดต่อไปอีก
กงเสวี่ยฮวารีบกระโดด แล้วชี้หน้าตำหนิเจียงเฮ่า “เจียงเฮ่า เจ้าคงไม่ให้เจียงหลีวุ่นวายเพราะพระสงฆ์วิปลาสรูปนี้หรอกกระมัง”
“อิสระไร้ขอบเขต บางทีสีกาเจียงหลีอาจมีแผนการดีๆ แล้วก็เป็นได้” พระมหาอินฮูก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันแล้วมองนางด้วยความสงสัย