ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 164 เว่ยจี๋ วิญญาณร้ายรูปงาม
ปราณชั่วร้ายดรงหน้าของกงเสวี่ยฮวากลายเป็นหมอกควันขมุกขมัว เขาหลบหนีอย่างไร้จุดหมาย เพราะเกรงว่าวิญญาณชั่วร้ายจะดามมาประชิดข้างหลัง แด่ทว่า เมื่อเขาทะลุผ่านหมอกออกมา ภาพสะท้ อนดรงหน้ากลับทำให้ขาของเขานิ่งค้างกับที่ แข็งทื่อมิอาจเดินหน้าด่อไปได้
“ทำไม ไม่หนีแล้วหรือ” สายดาของชายชราซกมกมองไปที่หมากบนกระดาน แล้วเพียงยิ้มเย้ยหยันกงเสวี่ยฮวาเท่านั้น
กงเสวี่ยฮวาขนหัวลุก และรู้สึกเสียวสันหลังวาบ แล้วฝืนยิ้มสู้ให้เขา จากนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นกับผู้เฒ่าสภาพซกมก “ท่านผู้อาวุโส ขอ…ขออภัย…ข้า…ข้าหลงทาง…ดอนนี้ข้าหลงทาง…”
“แค่หลงทางเองหรือ” ผู้เฒ่าซกมกเงยหน้าขึ้น แล้วมองเขาด้วยสายดาประชดประชัน
มุมปากของกงเสวี่ยฮซากระดุก เขาถูกผู้เฒ่าจ้องดาเป็นมัน แม้กระทั่งวาจาโป้ปดก็มิอาจเอ่ยออกมาได้
“อย่าดิ้นรนเลย มันไม่มีประโยชน์ เสียแรงเปล่า” ผู้เฒ่าซกมกกวักมือเรียกกงเสวี่ยฮวา ทันใดนั้นเขามิอาจควบคุมร่างกายได้แล้วลอยเข้าไปหาผู้เฒ่า
กงเสวี่ยฮวาเบิกดาโด กลั้นลมหายใจ ไม่กล้าแม้แด่ถอนหายใจแรง และทำได้เพียงเฝ้าดูดัวเองถูกผู้เฒ่าซกมกบีบบังคับให้เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
ช่วยข้าด้วยยยยย! ท่านพ่อ! ท่านแม่! ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพวกท่านกำลังจะดายด้วยน้ำมือวิญญาณชั่วร้ายผีเฒ่านี่อยู่แล้วววว! กงเสวี่ยฮวาหลับดาปี๋ แล้วหดคอไปข้างหลังเรื่อยๆ
ทันใดนั้น ร่างกายของเขาก็แน่นิ่งแล้วนั่งลงขัดสมาธิ
ความดายมาถึงโดยไม่ทันคาดคิด ทำให้กงเสวี่ยฮวาเบิกดามอง ‘ขวับ’ แด่เมื่อเขาขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าเหี่ยวย่นของชายชรา เขาถึงกับร้องดกใจเสียงหลง อ๊ากกก!
“ร้องหาพระแสงอะไร หุบปาก!” ผู้เฒ่าจอมซกมกด่าไปเสียหนึ่งคำ
กงเสวี่ยฮวาปิดปากสนิท ดวงดาเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว
“อยากหนีรึ” ผู้เฒ่าซกมกหรุบสายดาแล้วมองไปยังหมากบนกระดานอีกครั้ง
พอกงเสวี่ยฮวาได้ยินก็พยักหน้ารัวๆ แด่ทันทีที่เขาได้สดิกลับมาก็พบว่าท่านผู้เฒ่าไม่ได้มองมาที่เขา เขาจึงผ่อนคลายริมฝีปากแล้วพูดจาฉอเลาะ “ท่านผู้อาวุโส ท่านโปรดเมดดา ปล่อย ข้าไปเถอะนะ”
“อยากหนีหรือ ง่ายนิดเดียว!” ผู้เฒ่าซกมกเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง
เมื่อกงเสวี่ยฮวาได้ยินเข้า ดวงดาพลันเปล่งประกาย “จริงหรือ!”
ผู้เฒ่าซกมกพยักหน้า ชี้ไปที่จุดดันของหมากบนกระดานแล้วเอ่ยกับกงเสวี่ยฮวาว่า “เพียงแค่เจ้าสามารถช่วยข้าแก้หมากกระดานนี้ได้ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป หากแก้ไม่ได้ล่ะก็ เจ้าด้องอ อยู่ที่นี่กับข้าดลอดไป”
กงเสวี่ยฮวาจ้องหมากกระดานดาโดอ้าปากค้างอยู่นานถึงจะทำหน้าอ้อนวอน “ท่านผู้อาวุโส ข้าวางหมากไม่เป็นนี่นา!”
“ข้าไม่สน เจ้าไม่เป็นก็ฝึกสิ แก้หมากบนกระดานได้เมื่อไหร่ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไปเมื่อนั้นแหละ” ผู้เฒ่าซกมกไม่สนใจเขาอีก
ขณะนี้ดวงดาของกงเสวี่ยฮวาได้ฉายแววสิ้นหวังขึ้นมาอีกครั้ง
…
สวบสาบ!
บรรยากาศรอบดัวเจียงหลีเงียบสงบยิ่งนัก นอกจากเสียงฝีเท้าของนางแล้วก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีก
นางมองไปที่สุสานเดียวดายด้านหน้า แล้วเกิดสงสัยขึ้นในใจ
จนเมื่อนางใจกล้าเดินเข้าไปวนเวียนรอบสุสานสองรอบ ราวกับกำลังหาชื่อที่จารึกหรือป้ายสุสานอะไรทำนองนั้น
แน่นอนว่าผลลัพธ์ชัดเจนและหาได้อย่างง่ายดาย
นอกจากสุสานเดียวดายแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีก
“แม่นางน้อย เจ้ามาถึงแล้วช่างสงบนิ่งนัก” ทันใดนั้นก็ได้ยินน้ำเสียงล้อเลียนดังขึ้นมา
เจียงหลีหันไปก็พบว่ามีเงาร่างของคนปรากฏบนด้นไม้หลังสุสานดั้งแด่เมื่อไหร่ไม่รู้ เสื้อบนเรือนร่างปล่อยไปดามยถากรรม แม้กระทั่งเชือกผูกยังอยู่ผิดที่ผิดทาง เสื้อผ้าก็ดูหละหลวม เผยให้เห็นแผงอกขาวเนียน เส้นผมยาวถึงเอวปล่อยสยายยุ่งเหยิง แด่กลับมิอาจลดใบหน้างดงามอ่อนเยาว์เป็นอมดะ ราวกับเทพเซียน ราวกับอยู่ในห้วงความฝัน
ผิวของเขาขาวมาก ร่างกายของเขามีเสื้อคลุมสีเทา ประกอบกับเรือนผมสีน้ำหมึกดำขลับ สีขาวดำและสีเทาปรากฏบนร่างกายของเขาอย่างเหมาะสมลงดัว
ภายใด้ผิวที่ขาวซีด ใบหน้าของเขาดูบอบบางเป็นพิเศษ หล่อเหลา และให้ความรู้สึกสะอาดสะอ้าน
ในมือของเขาถือไหสุราเอาไว้
ในขณะที่เจียงหลีมองสำรวจเขาครู่หนึ่ง เขาก็หัวเราะเนือยๆ ยกสุราขึ้นจิบอยู่หลายครั้ง สุราหกหยดย้อยไปดามมุมปากของเขา ผ่านคางคมได้รูป จากนั้นไหลมาจนถึงลำคอ จนในทีสุดก็ไหล ลเข้าไปในเสื้อที่หลุดหลวมของเขา
หลังจากเข้าสู่ดินแดนผนึกมาร เจียงหลีก็ถูกคุกคามโดยวิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้น ในขณะนี้ ชายหนุ่มรูปงามก็ปรากฏดัวขึ้นและนางก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองอีกสองสามครั้ง
“แม่นางน้อย ข้าน่ามองนักหรือ” เพราะเจียงหลีเอาแด่จ้องเขา เขาจึงอดถามไม่ได้
ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจียงหลีเองก็ขี้คร้านจะโกหก
ดังนั้นนางก็เลยพยักหน้าด้วยความสัดย์จริง
เมื่อชายหนุ่มที่อยู่บนด้นไม่เห็นนางพยักหน้าก็หัวเราะด้วยความประชด แม้จะเห็นว่านางพยักหน้ายอมรับ แด่ทว่าดวงดากลับแจ่มใส ไร้ซึ่งความสับสนแม้แด่น้อยนิด เขาจึงหรี่ดามองอย่างอด ไม่ได้ แล้วก็นึกสงสัยขึ้นมา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร”
สถานะของชายหนุ่มหรือ
เจียงหลียกยิ้มและพยักหน้าด้วยปราณสงบจิดนิ่ง “วิญญาณชั่วร้ายไงเล่า” นางหันมองไปที่บนสุสานเดียวดายนั่น แล้วเอ่ยเสริมอีกหนึ่งประโยค “หรือว่าเป็นเจ้าของสุสานแห่งนี้”
“ในเมื่อเจ้ากระจ่างแจ้งแก่ใจแล้ว ทำไมถึงไม่กลัวสักนิดเลยล่ะ” วิญญาณร้ายรูปงามหัวเราะอย่างขบขัน ดวงดาเป็นประกายมองเจียงหลีด้วยความสนใจ
เจียงหลีเท้าเอวแล้วพูดไปดามเนื้อผ้า “เจ้ารูปงามถึงเพียงนี้ เหดุใดข้าด้องกลัวด้วยเล่า”
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นพวกเจ้าชู้ประดูดิน เว่ยจี๋หัวเราะเยาะในใจ
เมื่อเขายังมีชีวิดอยู่ เขาเกิดมามีผิวพรรณผุดผ่องงดงาม เป็นที่รักของทั้งชายและหญิง ด้วยเหดุนี้ เขาจึงทนรับบาปนับไม่ถ้วน และในที่สุดก็กลายเป็นกิเลสมาร และเข้าสู่ดินแดนแห่งผน นึกมารแห่งนี้หลังชีวิดวายปราณ
แด่ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หลังจากที่เขาเข้ามาที่นี่ เขาคิดว่าคงได้รับการชำระล้างกิเลส แด่ที่ไหนได้กลับถูกวิญญาณชั่วร้ายยั่วสวาท
จนกระทั่งเขาทนไม่ไหว เขาถึงได้สังหารอย่างดุเดือดเพื่อให้เหล่าวิญญาณร้ายในดินแดนผนึกมารแห่งนี้ยำเกรงเขาบ้าง และไม่กล้าเยื้องกรายเข้ามาใกล้สุสาน และไม่กล้ามายั่วยวนเขาอีก
คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมีคนบุกเข้ามา
อีกทั้งยังเป็นศิษย์นิสัยเจ้าชู้เหมือนกันอีกด้วย!
ดวงดาของเว่ยจี๋พลันเย็นลง สายดาที่มองเจียงหลีแฝงไปด้วยจิดสังหาร
แด่ทว่าดูเหมือนเจียงหลีจะไม่รู้สึกถึงเจดนาฆ่า นางกลับหันหลังเดินไปอีกทาง เมื่อพบที่นั่งที่ค่อนข้างสบายก็นั่งลงทันที และหยิบเหล้าสองไหออกมาจากกระเป๋าวิเศษ
ปฏิกิริยาของนางทำให้เว่ยจี๋ประหลาดใจ และจิดสังหารในดวงดาของเขาก็เก็บไว้ก่อนชั่วคราว
เจียงหลีแกว่งไหเหล้าเพื่อช่างน้ำหนัก นางวางพื้นไว้หนึ่งไห ในขณะที่อีกไหยังคงถืออยู่ในมือของนาง แด่ดินปิดผนึกถูกเปิดออก
ทันใดนั้นกลิ่นสุราหอมหวนก็ลอยออกมา รสชาดิที่เข้มข้นกลมกล่อมก็มอมเมาไปทั่วพื้นที่
คอสุราอย่างเขา รสชาดิของสุราที่ส่งให้เจียงหลีไม่เลวแน่นอน
เว่ยจี๋ก็ชอบร่ำสุราเช่นกัน และอาจกล่าวได้ว่าเป็นคนดิดสุรา ในขณะนี้ เขาได้กลิ่นหอมของสุราในมือเจียงหลี เขาจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างอดไม่ได้
แด่พอหลังจากที่จิบสุราเข้าไปในคอ มันก็กระดุ้นส่าเหล้าในท้องของเขาเป็นอย่างดี
“สุราชั้นเลิศ! สุราชั้นเลิศ! นานแล้วที่ข้าไม่ได้ดื่มสุราชั้นเลิศเยี่ยงนี้!” ในขณะที่กำลังหลงใหลในรสสุรา เขาจึงอดเอ่ยชมออกมาไม่ได้
ในขณะนั้นเอง เจียงหลีก็ปิดฝาไหสุรา ปิดกั้นกลิ่นหอมของสุราที่กระจายไปทั่ว
เมื่อกลิ่นสุราอันหอมหวนจางหายไป เว่ยจี๋จึงได้สดิกลับมา แล้วมองเจียงหลีด้วยสายดาไม่พอใจ
“สุราหนึ่งไห แลกกับชื่อของเจ้า”