ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 166 โดนเล่นงานเข้าแล้ว
พลังดึงดูดมาหาศาลดึงเจียงหลีจนมิอาจต้านทานได้เลย
เมื่อร่างของนางจมลงไปในสุสาน สุสานนั้นก็กลายเป็นเหมือนอ่างน้ำวนสีดำขนาดใหญ่ ซึ่งดูดนางลงไปที่ก้นบ่อทันที
ปัง!
ร่างของนางตกลงไปในโถงสุสานอย่างแรง
ซี๊ดดดด! เจียงหลีสูดหายใจ ก่อนจะช้อนสายตามองสำรวจ
ฟู่วๆๆ!
ทันใดนั้น เมื่อนางลืมตาขึ้น เทียนในสุสานก็ถูกจุดขึ้นด้วยตัวมันเอง ซึ่งขจัดความหนาวเย็นและความมืดในสุสาน ทำให้เจียงหลีเห็นว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหน
“เป็นโถงสุสานจริงๆ ด้วย” เจียงหลีมองสำรวจโดยรอบอย่างรวดเร็ว ก็ยืนยันได้ว่าตนเองอยู่ที่แห่งใด
ห้องโถงสุสานนี้ไม่ใหญ่มาก ในนี้มีเพียงเตียงหินเพียงแท่นเดียว และโต๊ะหินอีกหนึ่งตัว ม้านั่งสองตัว ไม่มีประตูหรือหน้าต่าง “โถงสุสานนี้มัน…”
เจียงหลีขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความไม่เข้าใจ
สุสานข้างนอกนั้นก็ไม่ถือว่าใหญ่มาก เช่นเดียวกับหลุมศพเดียวดายที่ไม่มีเจ้าของในหลุมศพ มีเพียงเนินดินครึ่งวงกลมขนาดเล็กเท่านั้น
แต่ทว่าข้างใต้นี้กลับมีโถงสุสานเช่นนี้อีกหนึ่งห้องหรือ
“เว่ยจี๋!” เจียงหลีตะโกนเรียกเสียงดังก้อง
เจ้าคนนี้ดึงนางลงมา แต่ตัวเองกลับไปที่ไหนซะแล้วล่ะ
“เหนียงจื่อ[1] ไม่ทันไรก็คิดถึงข้าแล้วหรือ” เพียงครู่เดียว เสียงของเว่ยจี๋ก็ดังก้องขึ้นมาในโถงสุสาน แต่กลับไม่ยอมเผยหน้าออกมาให้เห็น
เมื่อได้ยินเขาเอ่ยเรียกแกมหยอกล้อ เจียงหลีก็แสยะยิ้มแล้วลุกขึ้นมา “ก็ใช่น่ะสิ ข้าคิดถึงเจ้าเสียแล้ว ในเมื่อเจ้าดึงข้าเข้ามา ทำไมถึงเอาแต่หลบซ่อนไม่ออกมาเล่า หรือว่าเจ้าแอบซ่อนสาวน้อยเอาไว้ในสุสานนี้อีก”
“เหนียงจื่อ หึงข้าหรือ เจ้าวางใจ นอกจากเจ้าแล้ว ในนี้ก็ไม่มีสตรีนางไหนอีก ข้าเว่ยจี๋คนนี้มิใช่คนเจ้าชู้ชอบสตรีไปทั่ว” เสียงของเว่ยจี๋ดังขึ้นมาอีกครั้ง
เจียงหลีเก็บซ่อนรอยยิ้ม นางขมวดคิ้วแล้วเอ่ยเสียงขรึม “จ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่”
“ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่า ข้างนอกมันอันตราย มิสู้อยู่ที่นี่ เราสองสามีภรรยาละทิ้งทางโลกเพื่อมาอยู่ด้วยกันที่นี่ ข้าว่าดีจะตาย” น้ำเสียงของเว่ยจี๋เต็มไปด้วยแววหยอกเย้า
เจียงหลีหรี่ตาเล็กน้อย แววตาวูบไหวไปด้วยแสงเย็นวาบ
“ทำไมเหนียงจื่อถึงไม่พูดบ้างล่ะ” เจียงหลีเงียบปากอยู่นาน เว่ยจี๋จึงส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง
ทันใดนั้น เจียงหลีก็กระตุกยิ้มมุมปาก และรอยยิ้มนั้นซ่อนความแปลกประหลาดเอาไว้
เมื่อครู่นี้ตอนที่นางร่วงลงมา นางได้ปกป้องไหสุราเอาไว้ ดังนั้นเหล้าในไหจึงไม่กระฉอกออกไปสักหยด แต่ว่าตอนนี้…
เจียงหลีจับคอไหด้วยนิ้วมือสองนิ้ว และขยับข้อมือเล็กน้อย ภายใต้การควบคุมของนิ้วนาง จึงทำให้ไหนั้นแกว่งไปมาเล็กน้อย
เสียงสุรากระทบผนังไหด้านในดังขึ้น จากการแกว่งไหไปมาจึงทำให้กลิ่นหอมหวนของสุราลอยฟุ้งออกมามากขึ้น เมื่อผ่านไปสักพักกลิ่นหอมของสุราก็คละคลุ้งไปทั่วสุสาน
เว่ยจี๋ที่ซ่อนตัวอยู่ที่ใดสักแห่ง จับตามองการกระทำและการเคลื่อนไหวของเจียงหลีในสุสานอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นนางหยิบไหสุราออกมาแกว่งเล่น กลิ่นหอมที่เข้มข้นและชวนให้มึนเมาทำให้เขาหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ สักสองสามที และสีหน้าของเขาก็ช่างดูเคลิบเคลิ้ม
ไม่ไหวแล้วโว้ยยย!
สองนิ้วของเจียงหลีคลายออก แล้วไหสุราก็ตกลงพื้นทันที
เมื่อเห็นว่าไหเหล้าชั้นเลิศกำลังจะแตะพื้น มือข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาอย่างกะทันหัน และวางลงบนพื้น และนิ้วทั้งห้าก็รองรับก้นไหได้อย่างแม่นยำ
เพี๊ยะ!
นี่ไม่ใช่เสียงของไหที่ตกลงบนพื้น แต่เป็นเสียงของไหที่ตกลงมาบนฝ่ามือของเขา
เกือบแล้ว!
วิญญาณของเว่ยจี๋เกือบจะแตกสลายด้วยความกลัว
ร่างที่ดื้อรั้นปรากฏขึ้นบนพื้นช้าๆ เขานอนอยู่บนพื้นอย่างน่าอนาถ มือข้างหนึ่งเหยียดออกจับไหสุราเอาไว้แน่น
เจียงหลียังยืนอยู่ที่เดิม หลุบตาต่ำมองเขายิ้มสดใสเป็นพิเศษ
ราวกับรับรู้ถึงรอยยิ้มอันสดใส เว่ยจี๋จึงเงยหน้าขึ้นและพบกับดวงตาที่ฉายแววเยาะเย้ยแต่กลับดูสดใสของเจียงหลีที่ทำให้ใจเขาสั่นไหว
โดน! เล่นงาน! แล้ว!
ความคิดหนึ่งออกมาจากใจของเว่ยจี๋ ทันใดนั้น เพลิงแห่งความโกรธก็ลุกไหม้อยู่ใต้ดวงตาทั้งคู่ของเขา
ทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นจากพื้นและยืนจังก้าต่อหน้าเจียงหลี โดยยังคงถือไหอยู่ในมือ ราวกับกลัวว่า เจียงหลีจะแย่งไปจากเขาก็มิปาน
“เจ้าแกล้งข้า!” เว่ยจี๋เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันจ้องเจียงหลีเขม็ง
แม้แต่การแสดงออกที่เกรี้ยวกราดบนใบหน้ารูปงามของเว่ยจี๋ก็ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายตา
ทันใดนั้น เจียงหลีก็รู้สึกว่าการถูกขังโดยวิญญาณชั่วร้ายที่รูปงามเช่นนี้โชคดีกว่าถูกขังโดยวิญญาณชั่วร้ายที่น่าเกลียด
เจียงหลีเลิกคิ้วขึ้นอย่างมั่นใจ “เจ้าก็แกล้งข้าเหมือนกันมิใช่หรือ”
“ข้าแกล้งเจ้าตอนไหน” เว่ยจี๋ยิ้มเย็นชา ดวงตาหงส์เรียวคมเต็มไปด้วยแววขบขัน
เจียงหลียิ้มเล็กน้อย มองไปรอบๆ สุสานแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าบอกว่าจะแต่งงานกับข้า ก็แค่อยากล้อข้าเล่นเท่านั้น เพราะอยากเห็นข้ากลัวจนหัวหดล่ะสิ ที่จริง จุดประสงค์ที่แท้จริงของเจ้า ก็แค่อยากขังข้าเอาไว้ที่นี่ใช่หรือไม่” เว่ยจี๋ไม่ได้มองนางด้วยแววตาหลงใหลรักใคร่สักนิด เขาบอกว่าจะขอนางแต่งงาน มีแต่ผีเท่านั้นแหละที่จะเชื่อเขา!
เว่ยจี๋นิ่งเงียบไม่เอ่ยสิ่งใด จนกระทั่งผ่านไปสักพัก เขาจึงหัวเราะออกมาด้วยความเศร้า “เจ้าอยากรู้ว่าเจ้ามาเหยียบที่ไหนมิใช่หรือ”
“ถูกต้อง” เจียงหลียอมรับตรงๆ
“ข้าสามารถบอกเจ้าได้” มุมปากของเว่ยจี๋ยกขึ้น แต่รอยยิ้มนั้นไร้ซึ่งความอ่อนโยน “แต่ทว่า เจ้าต้องทำตามสัญญาให้เสร็จสิ้นก่อน บอกข้ามาว่าสุรานี้มีชื่อเรียกว่าอะไร”
“ไม่มีปัญหา” เจียงหลีพยักหน้า
แววตาของนางจริงใจ ไร้ซึ่งแผนการชั่วร้ายใดๆ ด้วยดวงตาที่สดใสและใจกว้างเช่นนี้ ทำให้หัวใจของเว่ยจี๋ราวกับถูกทิ่มแทง
เขา…เกลียดแววตาเช่นนี้ยิ่งนัก!
“ที่นี่ คือศูนย์กลางของดินแดนผนึกมาร พวกเจ้าเดินเข้ามา แล้วต้องการออกไปให้ได้ พวกเจ้าก็จะต้องทำลายกิเลสในใจของวิญญาณชั่วร้ายในนี้เสียก่อน มิฉะนั้นก็จะต้องอยู่ที่แห่งนี้ตลอดไป ในที่นี้ เจ้าจะไม่มีวันแก่เฒ่า ไม่มีวันตาย มีชีวิตเป็นอมตะ แต่ก็ต้องถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดไปเช่นกัน คำว่าตลอดไปที่เห็นล้วนเป็นสีเทา” เมื่อเว่ยจี๋กล่าวจบ ก็มองเจียงหลีอย่างขี้เล่น
ดูเหมือนเขากำลังรอคอยปฏิกิริยาต่อไปของเจียงหลี
แต่ทว่า เขาผิดหวังเสียแล้วล่ะ
เมื่อเจียงหลีฟังเรื่องราวจบ นางก็แค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็กลับไปเป็นปกติ ให้ความรู้สึกว่าต่อให้ท้องฟ้ากำลังถล่มมาและนางก็จะยืนนิ่งอยู่เช่นนี้อย่างไรอย่างนั้น
“เจ้าไม่ร้อนรนกระวนกระวายสักหน่อยหรือ” เว่ยจี๋ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
“ทำไมต้องร้อนรนด้วย” เจียงหลีย้อนถาม
เว่ยจี๋หรี่ตาหัวเราะเย็นชา “เจ้าวิ่งมาหาข้า ก็ไม่รู้จะบอกว่าเจ้าโชคร้ายหรือโชคดีกันแน่ จนถึงตอนนี้ เจ้ายังไม่รู้เลยว่ากิเลสคือสิ่งใด เจ้าจะทะลายออกไปได้อย่างไร หรืออาจกล่าวได้ว่า…”
ทันใดนั้นแววตาเขาก็แข็งกร้าว เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อเข้าใกล้เจียงหลี
ความคลุมเครือที่บีบอัดเข้ามา ไม่ได้ทำให้เจียงหลีสะดุ้งหนี ดวงตาของนางยังสดใส แต่นางกลับมองมาที่เขาด้วยประกายเย้ยหยัน
เว่ยจี๋เพิกเฉยต่อแววเยาะเย้ยในดวงตาของนาง และกระซิบที่ข้างหูของนางด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะและชวนให้มึนเมา “หรือเจ้าชอบข้าและไม่อยากออกไปไหนอีกแล้ว อยากอยู่ที่นี่กับข้าตลอดไปใช่หรือไม่”
“ก็เอาสิ!” จู่ๆ เจียงหลีก็เอ่ยขึ้น
ใบหน้าของเว่ยจี๋นิ่งขรึมลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
แน่นอนว่าเจียงหลียังไม่หยุดแค่นี้ นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวจนร่างกายแทบจะแนบติดกับร่างของเว่ยจี๋อยู่แล้ว
กลิ่นกายหอมยั่วเย้าของหญิงสาวที่เข้ามากะทันหัน ทำให้สีหน้าของเว่ยจี๋เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาจึงถอยไปที่ส่วนไกลที่สุดในสุสานด้วยความรวดเร็ว…
[1] เหนียงจื่อ คำใช้เรียกภรรยา