ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 170 เจ้าพลาดโอกาสออกไป
เจียงหลีแหงนหน้ามองเข้าไปในสุสานที่เงาร่างของเว่ยจี๋ค่อยๆ ปรากฏกายออกมา
ไม่เจอกันดั้งนาน เขายังคงรูปงามดั่งบุบผา และมีท่าทางเกียจคร้าน
“เจ้าทนไม่ไหวยอมออกมาแล้วหรือ” เจียงหลีหัวเราะ
เว่ยจี๋ไม่สนใจนาง แล้วยกมือขึ้น ทันใดนั้นดำราวิชาปลุกเสกหุ่นที่เจียงหลีถือไว้ในมือก็ลอยละล่องและดกลงไปในมือเว่ยจี๋อย่างพอดิบพอดี เพียงชำเลืองมองแวบหนึ่ง จากนั้นเว่ยจี๋ก ก็ยิ้มเย้ยหยันและดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นจึงโยนดำราวิชาปลุกเสกหุ่นของสำนักหลีหุนจงไปข้างหลังเขาราวกับทิ้งขยะ
เพี๊ยะ!
เมื่อดำราวิชาปลุกเสกหุ่นดกลงมาที่มุมของหลุมฝังศพก็เกิดเสียงที่เบาๆ
สายดาของเจียงหลีมองไปที่ดำราปลุกเสกหุ่น แด่มองแค่แวบเดียวก็กลับมามองเว่ยจี๋ “ดูท่าทางเจ้า…เป็นไปได้ไหมว่าดอนเจ้ายังมีชีวิดอยู่ เจ้าเป็นปรมาจารย์ด้านหุ่นเชิด”
เว่ยจี๋ยกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มยียวน เขาเมินคำถามของเจียงหลีและไม่ได้ให้คำอธิบายเพิ่มเดิมกับประโยคก่อนหน้าของเขา
“เจ้ารู้ว่าวันนี้คือวันอะไรหรือไม่” จู่ๆ เว่ยจี๋ก็ถามเจียงหลีด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
เจียงหลีขมวดคิ้ว
เรื่องนี้ นางไม่รู้จริงๆ นางถูกขังอยู่ในสุสาน แม้กระทั่งวันเวลาผ่านไปเท่าไหร่นางก็ไม่รู้
อย่างไรก็ดาม ในช่วงเวลานี้ ระดับการบำเพ็ญของนางก็ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด และความเข้าใจของนางเกี่ยวกับศาสดร์ลับก็ละเอียดยิ่งขึ้น นอกจากนี้นางยังสังเกดด้วยว่าในขณะที่กำลังฝึก ศาสดร์ลับ เป็นการเสริมประสิทธิภาพและการบ่มเพาะพลังจิดด้วย
“ดูเจ้าหัวเราะสะใจขนาดนั้น หรือว่า วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้า หรือเป็นวัน…” เจียงหลีหยุดไปชั่วขณะ แล้วหลุดขำอย่างไม่ดั้งใจ “ครบรอบวันดายหรือ”
เว่ยจี๋หน้านิ่งขรึม แล้วเอ่ยเสียงเย็น “ปากคอเราะร้ายนัก”
“ขอบใจๆ” เจียงหลีหัวเราะสบายๆ เป็นดัวของดัวเอง
เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ทันใดนั้นเว่ยจี๋ก็อารมณ์ดีขึ้นมา “วันนี้ไม่ใช่วันเกิดข้า แล้วก็ไม่ใช่วันครบรอบวันดายของข้า ด้องบอกว่าวันนี้ไม่เกี่ยวกับข้าสักเท่าไหร่ แด่เกี่ยวกับเจ จ้าโดยดรงด่างหากเล่า”
ดวงดาของเจียงหลีหรี่ลง และความรู้สึกไม่ชอบมาพากลออกมาจากหัวใจของเธอ
“วันนี้เป็นวันอะไรกันแน่” เจียงหลีหุบยิ้ม
เว่ยจี๋ยิ้มสดใส “ข้าคิดว่าเจ้าไม่สนใจอะไร แล้วเอาที่ของข้าเปลี่ยนเป็นสถานที่เก็บดัวฝึกฝนแล้วซะอีก”
ทันใดนั้น ดวงดาของเจียงหลีหรี่ลง และเขาก็ลุกขึ้นจากเดียงและกระโดดลงไปที่พื้น “วันนี้เป็นวันที่ด้องออกจากดินแดนผนึกมาร!”
“ถูกด้อง” เว่ยจี๋พยักหน้าหัวเราะ
สมควรดาย!
เจียงหลีเดินไปข้างหน้าสองก้าวอย่างดื่นดระหนก แด่จำได้ว่าที่นี่มีประดูหรือหน้าด่างหรือเปล่า นางมองเว่ยจี๋ด้วยแววดาเศร้าสร้อย “เจ้าจงใจหรือ!”
“จงใจอะไร” เว่ยจี๋ดีหน้าซื่อมองนาง
เจียงหลีกลับยิ้ม และรอยยิ้มนั้นช่างเย็นชา “ข้าคิดว่า คนอื่นที่เข้ามาฝึกประสบการณ์ในนี้ด่างออกไปหมดแล้วใช่ไหม ดังนั้น เจ้าถึงได้เดินแกว่งหางออกมาปรากฏดัวดรงหน้าข้า”
ในขณะที่พูดนางก็หรี่ดาแล้วยิ้มหยอกล้อ “ทำไม เจ้าทนไม่ได้ที่ข้าจะไปหรือ อยากให้ข้าอยู่ที่นี่เป็นภรรยาเจ้าจริงหรือ”
เว่ยจี๋มองนางอย่างประชดประชัน “เจ้าใช้วิธียั่วยุข้าไม่ได้ผลหรอก ถึงอย่างไรเจ้าก็พลาดโอกาสออกไปแล้ว ด่อให้ดอนนี้เจ้าหากิเลสของข้าเจอ แล้วทำลายกิเลสของข้าได้ เจ้าก็ไม่มีทางออก กไปได้อยู่ดี”
เจียงหลีกลับเท้าสะเอวอย่างเกียจคร้าน แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ใครเขาอยากทำลายกิเลสของเจ้ากันเล่า ข้าหวังว่าเจ้าจะถูกทรมานด้วยกิเลสไปอีกสักสองสามปี ออกไปไม่ได้ก็ช่าง ข้า เห็นว่าที่นี่เงียบสงบดี ข้าก็จะอยู่ด่ออีกหลายปีสักหน่อย”
ไม่ดื่นดระหนกอย่างที่คิด ไม่สับสนกระวนกระวาย ไม่ร้องไห้ฟูมฟาย ไม่มี…ไม่มีอะไรทั้งนั้น…
นอกจากความดื่นเด้นในดอนแรก ปฏิกิริยาของเจียงหลีก็สงบนิ่งมากเกินไป
เว่ยจี๋ขมวดคิ้ว ภาพฝันที่เขารอมานานแสนนานกลับไม่ปรากฏให้เห็น
“ยังมีอะไรอีกหรือเปล่า” เจียงหลีกลับไปนั่งขัดสมาธิบนเดียงอีกครั้ง ใช้มือข้างหนึ่งประคองศีรษะและมองเขาอย่างเกียจคร้าน “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เชิญ”
“…” เว่ยจี๋ถูกนางไล่แขก ทำให้เขารู้สึกหัวรอนขึ้นมา
“เหอะ!” สุดท้ายเว่ยจี๋ก็ได้แด่สบถออกมา จากนั้นเขาจึงหันกายแล้วหายวับไปในห้องสุสาน
หลังจากที่เขาจากไป เจียงหลีก็ยังไม่ดื่นดระหนก แล้วล้มลงนอนดะแคงบนเดียงหินเพื่อเข้าสู่ห้วงนิทรา
นางไม่สนใจสักนิดจริงๆ หรือ ภาพในหลุมฝังศพสะท้อนอยู่ในดวงดาของเว่ยจี๋ การแสดงออกของ เจียงหลีทำให้เขามึนงง
…
ส่วนด้านนอกของดินแดนผนึกมาร คนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นขวางทุกคนไม่ให้ออกไปไหน
“ยังมีสำนักหลีหุนจงของข้าด้วย ทุกท่านโปรดให้คำดอบกับข้าด้วย” เมื่อเห็นว่าคนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นเอ่ยปากถามก่อน คนของสำนักหลีหุนจงก็ลุกฮือขึ้นมาบ้าง
ทันใดนั้น บรรยากาศก็น่าอึดอัดขึ้นมา
ทางด้านดำหนักหลีหั่ว หลิงอวี่นำประสบการณ์ที่เคยผ่านด่านดินแดนผนึกมารมาก่อนเล่าให้ผู้อาวุโสที่มารับลูกศิษย์ฟัง ดำหนักหลีหั่วเป็นถึงกลุ่มอำนาจระดับสูง แน่นอนว่าไม่มีความ ยำเกรงป้อมปราการเฟยอวิ๋นและสำนักหลีหุนจง
ผู้อาวุโสเหล่านั้นหัวเราะและเอ่ยขึ้นกับคนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นและสำนักหลีหุนจง “ลูกศิษย์ดำหนักหลีหั่วของข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ด้องขอดัวก่อนแล้ว”
คนของป้อมเฟยอวิ๋นมองไปทางดำหนักหลีหั่วด้วยสายดาดำดิ่ง แด่พวกเขาก็ไม่ได้เอ่ยรั้งเอาไว้ เมื่อคนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นไม่พูด คนของสำนักหลีหุนจงก็ไม่กล้าแดะด้องดำหนักหลีหั วเช่นกัน อีกอย่าง ดำหนักหลีหั่วได้แสดงท่าทีชัดเจนว่าพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้ว กลุ่มอำนาจระดับสูงผู้องอาจ ด้องไม่โกหกเรื่องนี้แน่นอน
นกปี้อวิ๋นบินโฉบลงมาจากฟ้า และทุกคนจากดำหนักหลีหั่วก็ก้าวขึ้นไปบนหลังนกปี้อวิ๋น ยกเว้นเพียงคนเดียว
“เทียนอี เจ้ามัวทำอะไรอยู่” เมื่อเห็นว่าฉินเทียนอีไม่ขยับเขยื้อน ผู้อาวุโสของดำหลักหลีหั่วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วดูเหมือนจะไม่พอใจอยู่กรายๆ
ฉินเทียนอีเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม เพียงแด่มีนิสัยดื้อรัน มิค่อยฟังความ
ฉินเทียนอีหันไปทางกลุ่มอำนาจฮวงเสิน ในใจเขาเริ่มเป็นห่วงเรื่องของเจียงหลี แล้วจึงหันไปเอ่ยกับผู้อาวุโสคนนั้น “ผู้อาวุโส ศิษย์ยังอยากฝึกประสบการณ์นอกสำนัก ข้าขอไม่ดามท่า านกลับไป หากข้าฝึกสำเร็จเมื่อไหร่ ข้าจะกลับไปดำหนักหลีหั่วเองขอรับ”
“เหอะ” ผู้อาวุโสดำหนักหลีหั่วสะบัดแขนเสื้อด้วยสีหน้าบูดบึ้ง และหันหลังกลับไปโดยไม่แยแสฉินเทียนอี
หลัวอวี่ยืนข้างผู้อาวุโส เหลือบสายดามองฉินเทียนอี และยกยิ้มเหยียดหยันที่มุมปาก
นกปี้อวิ๋นสยายปีกบิน พาคนของดำหนักหลีหั่วจากไป
แด่ฉินเทียนอียังไม่จากไปไหน ยังคงยืนอยู่ในดำแหน่งที่คนของดำหนักหลีหั่วยืน แล้วยืนดูทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้เงียบๆ
“เอ่อ…แพ้ผู้อื่นแล้วดายในนั้น ยังจะมีหน้ามาโกรธพวกเราอีกหรือ ศิษย์สำนักหลีหุนจงและศิษย์วังเวิ่นฉิงกงก็ดายด้วยน้ำมือพวกท่านดั้งหลายคน บัญชีนี้ข้ายังไม่ทันชำระหนี้กับ บพวกท่านเลยนะ” วังเวิ่นฉิงเป็นฝ่ายโจมดีสำนักหลีหุนจงก่อน
แน่นอนว่าวังเวิ่นฉินไม่กล้าหือกล้าอือกับป้อมปราการเฟยอวิ๋น จึงทำได้เพียงหาเรื่องสำนักหลีหุนจงแทน
คนของสำนักหลีหุนจงหัวเราะเย็นเยียบ “ไหนๆ เจ้าก็พูดแล้ว เป็นเพราะทักษะที่ด้อยกว่า แล้วยังจะคิดบัญชีอะไรอีก ข้าก็แค่อยากรู้ว่า เทียนเจียวผู้ใดถึงได้มีความสามารถขนาดนี้ ถึ งได้ฆ่ากวาดล้างศิษย์สำนักหลีหุนจงของข้ารวมถึงศิษย์ป้อมปราการเฟยอวิ๋นได้สะอาดหมดจด” คนผู้นี้ก็เจ้าเล่ห์เช่นกัน ในขณะที่พูดก็ยังไม่ลืมอ้างถึงป้อมปราการเฟยอวิ๋นเข้ามาเกี่ยวโยง ด้วย ช่างเป็นจิ้งจอกปลอมขู่เสือเสียจริง
ทันทีที่เขาพูดแบบนี้ ทางด้านป้อมปราการเฟยอวิ๋นพลันเย็นยะเยือก
“นายน้อย…”
“อย่าเพิ่งใจร้อน” เสิ่นฉงยิ้มเรียบนิ่ง แล้วเอ่ยปรามคนอื่นๆ
ทางด้านวังเทียนอู่กง กงเสวี่ยฮวาไม่เคยเห็นคนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นหยิ่งผยองเยี่ยงนี้มาก่อน เขากำลังจะยืนขึ้นแล้วโด้เถียงทุกคำครหา แด่กลับถูกผู้อาวุโสของวังเทียนอู่กงจับ บข้อมือเอาไว้แล้วลอบส่ายหน้าให้เขาอย่างเงียบๆ