ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 171 หุ่นเชิดมากมายอะไรขนาดนี้
“อิสระไร้ขอบเขต” ทันใดนั้นเสียงจากทางด้านสำนักฝัวหมัวก็ดังขึ้นเรียกความสนใจจากทุกคน
“พระมหาอินฮู ท่านหมายถึง ศิษย์น้องผู้น่าสงสารของท่าน ตายเพราะกิเลสเข้าร่างแล้วกลายเป็นมารหรือ” ดูเหมือนอาจารย์ใหญ่ของสำนักฝัวหมัวจะไม่ได้ยินคำคัดค้านของฝั่งนี้ แล้วแสดงความคิดเห็นของตัวเองต่อพระอินฮู
พระมหาอินฮูผงกศีรษะอย่างเศร้าสร้อย “ใช่แล้ว ตอนนั้นพวกเราถูกขังอยู่ในอาณาเขตจื๋อจั้ง เพราะกิเลสครอบงำร่างกายหลายคนจึงได้รับผลกระทบจากกิเลสแล้วถูกฆ่าตายอย่างบ้าคลั่ง มีคนตายไม่น้อย มันช่างโหดร้ายจริงๆ โชคดี ในช่วงสุดท้ายที่กำลังคับขัน เจียงหลีแห่งฮวงเสินค้นพบวิธีออกจากอาณาเขตจื๋อจั้งจึงช่วยชีวิตพวกเราที่เหลือออกมาได้”
กงเสวี่ยฮวาฟังจนเบิกตาอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
เขาขอคารวะให้กับทักษะการเล่นละครของพระมหาอินฮูจริงๆ! หลังจากเหตุการณ์นี้เขาละเว้นส่วนตรงกลาง และถูกยึดโดยประเด็นสำคัญในตอนต้นและตอนปลายอย่างนั้นหรือ
“ที่แท้ เพราะคนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นและสำนักหลีหุนจงถูกกิเลสครอบงำจนตายก็เพราะพลังควบคุมจิตไม่แข็งแกร่งพอนี่เอง” ผู้อาวุโสของวังเทียนอู่กงที่ห้ามกงเสวี่ยฮวาเมื่อครู่นี้ตระหนักได้ในทันที
และเขายังประสานมือคารวะพวกเสิ่นฉง “ต้องขอบใจท่านแล้ว”
“มิกล้ารับไว้หรอก” เสิ่นฉงยิ้มเจือจางแล้วผงกมือตอบกลับไปตามมารยาท
ส่วนคนของวังเวิ่นฉิงและสำนักฝัวหมัวต่างพากันแสดงความขอบคุณไปที่ฮวงเสินเช่นกัน
กลุ่มอำนาจทั้งสี่แซ่ซ้องและสร้างสันติภาพ โดยทิ้งป้อมปราการเฟยอวิ๋นและสำนักหลีหุนจงไว้ข้างนอกโดยสิ้นเชิง เมื่อเห็นใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสดใส
“เหอะ! พวกท่านบอกว่าพวกเขาตายเพราะกิเลสครอบงำ ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ น่ะหรือ” เห็นได้ชัดว่าคนของสำนักหลีหุนจงไม่เชื่อ
ไม่เพียงแค่พวกเขา แต่คนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นก็ไม่เชื่อเช่นกัน! ต่อให้ตายเพราะถูกกิเลสครอบงำ แต่ทำไม่คนที่ตายถึงได้มีเพียงคนของพวกเขาสองสำนัก ทั้งยังตายเกลี้ยงหมดเลยหรือ
“พวกท่านบอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่หรือ พวกท่านได้อยู่ในนั้นหรือไร รู้หรือไม่ว่าพวกข้าเจออะไรบ้าง” กงเสวี่ยฮวาเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้
สำนักหลีหุนจงไม่กล้าหาเรื่องนายน้อยแห่งวังเทียนอู่กง จึงทำได้เพียงลอบมองทางด้านป้อมปราการเฟยอวิ๋น
ผู้นำกลุ่มของป้อมปราการเฟยอวิ๋นปราดมองกงเสวี่ยฮวาอย่าร้ายกาจ กงเสวี่ยฮวากลับไม่กลัวแล้วจ้องกลับไป เขาถอนสายตากลับมามองทางด้านฮวงเสิน “ขอเรียนถามพวกท่านจากฮวงเสิน เจียงหลีผู้นั้นอยู่ที่ไหน”
“เจียงหลียังอยู่ในดินแดนผนึกมาร อยู่ที่ไหนไม่ทราบแน่ชัด หากทุกท่านต้องการหาหลักฐานจากนาง เกรงว่าอาจจะต้องรอไปอีกหลายปีแล้วล่ะ” เสิ่งฉงยิ้มอบอุ่นสง่างาม
เจียงหลีไม่ได้ออกมา!
ข่าวนี้ทำให้แววตาของพวกป้อมปราการเฟยอวิ๋นเป็นประกายวูบไหว
“พวกท่านคงไม่ได้แอบซ่อนนางเอาไว้หรอกกระมัง” คนของสำนักหลีหุนจงเยาะเย้ย
เสิ่นฉงเอ่ยขำ “ทำไมฮวงเสินอย่างพวกข้าต้องแอบซ่อนนางเอาไง้ด้วย”
“…” คนของสำนักหลีหุนจงหน้ามืดครึ้ม
เขาอยากพูดถากถางเสิ่นฉง แต่กลับถูกเสิ่นฉงมองออกอย่างง่ายดาย เขาสู้ไม่ได้ตั้งแต่แรก
“อย่าด่วนตัดสินหากปราศจากข้อพิสูจน์ คนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นและสำนักหลีหุนจงอย่าเพิ่งกล่าวหาไปทั่ว ถึงอย่างไร ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเป็นเทียนเจียวของกลุ่มอำนาจ มิอาจโดนเหยียดหยามได้โดยง่าย” ผู้อาวุโสสตรีของวังเวิ่นฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
หลักฐาน!
แววตาของศิษย์ป้อมปราการผู้นั้นดำดิ่งจนน่ากลัว มืดมนยากที่จะเห็นชัด หากเขามีหลักฐาน เขาจะมาพูดจาไร้สาระอยู่ตรงนี้ทำไม เขาคงจับคนกลับไปรับโทษที่ป้อมปราการเฟยอวิ๋นได้ตั้งนานแล้ว
“สิ่งที่ควรพูด ก็พูดไปชัดเจนแล้ว พวกเราขอตัวก่อน” เมื่อเสิ่นฉงพูดจบก็พาทกคนหายไปทันที
ความเร็วนั้นเร็วมากจน ฉินเทียนอีไม่สามารถตอบสนองได้ และแผนการของเขาที่จะหาโอกาสที่จะถามเจียงเฮ่าเกี่ยวกับสถานการณ์ของเจียงหลีก็ล้มเหลว
“เฮ้อ สงสัยต้องไปเมืองฮวงเสินสักเที่ยวแล้วล่ะ” ฉินเทียนอีพูกับตัวเอง
ตำหนักหลีหั่วและเมืองฮวงเสินจากไปตามลำดับ คนของวังเวิ่นฉิงและสำนักฝัวหมัวก็หันหลังตามไปเช่นกัน สุดท้าย ผู้อาวุโสท่านนั้นของวังเทียนอู่ก็ยกมือคารวะแล้วพาคนของวังเทียนอู่กงออกไปพร้อมกัน
บนแนวโขดหินนอกทางเข้าดินแดนผนึกมาร เหลือเพียงคนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นและสำนักหลีหุนจงเท่านั้น
“ใต้เท้า เรื่องนี้ต้องไม่ง่ายเช่นนี้แน่” ผู้อาวุโสของสำนักหลีหุนจงสนับสนุนป้อมปราการเฟยอวิ๋นด้วยความไม่ตายใจ
“ข้ารู้อยู่แล้ว” คนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นคนนั้นสบถเสียงเย็น สีหน้ามืดครึ้ม
“เช่นนั้น…พวกเราสองสำนักต้องกล้ำกลืนฝืนทนเงียบๆ หรือ” คนของสำนักหลีหุนจงหยั่งเชิงถาม
คนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นค่อยๆ หันสายตากลับมาแล้วจ้องเขา ร่างกายเขาเหมือนโดนเข็มทิ่มแทงและความรู้สึกน่ากลัวก็ปรากฏขึ้น
“หากเจ้าหาหลักฐานเจอ ก็มาหาข้าที่ป้อมปราการเฟยอวิ๋นได้” คนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นยิ้มเย็นชา หลังจากนั้นเขาก็หันหลังกลับและออกไปพร้อมกับพวกป้อมปราการเฟยอวิ๋นที่เหลือ
“ผู้อาวุโส พวกเราจะไปหาหลักฐานที่ไหน” หลังจากคนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นจากไป ก็มีคนขึ้นมาถามด้านหน้า
ดวงตาของผู้อาวุโสสำนักหลีหุนจงมืดลงสองสามครั้งและเขาแสดงรอยยิ้มที่เย็นชา “ดูเหมือนต้องเริ่มจากลงมือพวกนางเหล่านั้นของวังเวิ่นฉิง
…
ในดินแดนผนึกมาร เจียงหลีรู้ว่านางพลาดโอกาสออกไปจึงไม่รีบร้อน
วันนี้นางไม่ได้ฝึกบำเพ็ญ นางเดินไปเดินมาภายในโถงสุสาน และยังคงไม่เจอวิธีที่จะออกไป เมื่อคิดไปแล้ว นางก็หยิบไหสุราออกมาจากกระเป๋าวิเศษอีกครั้งแล้ววางไว้บนเตียงหิน แล้วตะโกนว่า “เว่ยจี๋ ออกมาดื่มสุราและพูดคุยกันเถอะ”
ทันใดนั้น ภายในสุสานที่ไร้ประตูก็เปิดทางเดินที่พอให้คนหนึ่งคนเดินผ่านเข้าไปได้
ทางเดินมืดและแคบ เจียงหลีลุกขึ้นยืน กะพริบตาและถือไหเดินเข้าไปในทางเดิน
โดยไม่รู้ว่านางเดินนานแค่ไหน เจียงหลีลืมตาขึ้นมาทันทีและมาถึงสุสานที่สวยงามราวกับพระราชวัง ภาพที่สะดุดตาทำให้นางยืนตะลึงเบิกตาอ้าปากค้าง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจ
โอ้โห!
มือของเจียงหลีข้างที่ถือไหเหล้าว่างเปล่า นางก้มมองมือโดยไม่รู้ตัวก็พบว่าไม่เห็นไหเหล้าเสียแล้ว
นางเงยหน้าขึ้นและมองไปข้างหน้า ที่ใจกลางตำหนัก เว่ยจี๋นั่งอย่างเกียจคร้านบนแท่นทรงกลมที่ยื่นออกมาซึ่งดูเหมือนบัลลังก์จงกลนี และกำลังดื่มสุราไหนั้นที่เคยอยู่ในมือของนางมาก่อน
เจียงหลีเบนสายตาออกจากตัวเขาแล้วมองไปรอบๆ ทั่วตำหนักราชวัง
ในวังแห่งนี้ นางตื่นตาตื่นใจกับหุ่นกลสัตว์และหุ่นเชิดนับไม่ถ้วน!
หุ่นกลสัตว์และหุ่นเชิดเหล่านี้ล้วนทำหน้าที่ของตน ลาดตระเวนในวัง หรือเล่นตามวิถีของตน ในบรรดาหุ่นกลสัตว์นั้น มีสัตว์ที่กำลังหลับใหล และมีสัตว์ตัวเล็กๆ ที่บินไปมาในอากาศ
การเคลื่อนไหวของพวกมันไม่ต่างจากของจริง หากพวกมันไม่ได้เป็นแค่โครงกระดูก เจียงหลีแทบมองไม่ออกว่าพวกมันทำมาจากหุ่นกล
“เจ้าเป็นปรมาจารย์ด้านหุ่นเชิดจริงๆ ด้วย!” เจียงหลีเก็บความตื่นเต้นในใจ แล้วปรี่เข้าไปหาเว่ยจี๋อย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ นางสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเว่ยจี๋จึงดูถูกวิชาปลุกเสกหุ่นของสำนักหลีหุนจง วิธีการของเขาฉลาดล้ำสูงส่งกว่าสำนักหลีหุนจงมาก!
ตู้มมมม!
ทันใดนั้นแสงไฟก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเจียงหลี เพื่อขวางทางของนางและบีบให้นางต้องถอยกลับไป
สวบสาบ!
เสียงฝีเท้าหนักดังขึ้น และหุ่นกลสัตว์ที่พ่นไฟได้พ่นไฟขวางตรงกลางระหว่าเจียงหลีกับเว่ยจี๋ และจ้องนางด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
เจียงหลีเงยหน้าขึ้นและมองไปที่อสูรยักษ์ที่ยืนอยู่ข้างหน้านาง ดวงตาที่สดใสของนางเต็มไปด้วยความสนใจ “เอาล่ะ ข้าจะมาสัมผัสพลังของหุ่นกลสัตว์ของเจ้าสักหน่อย!”