ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 175 กลับกลายเป็นโชคอันยิ่งใหญ่!
ณ ฮวงเสิน
ด้านนอกประตูเขา มีชายหนุ่มรูปงามในชุดสีแดงยืนนอยู่ตรงนั้น
“ในที่สุดก็มาถึงฮวงเสินแล้ว!” ฉินเทียนอีอุทานออกมา ไม่ง่ายเลยกว่ามาถึงจุดหมายปลายทาง
พวกเสิ่นฉงใช้ศาสตร์ลับในการหายตัว แต่เขากลับใช้เวลาหนึ่งปีกว่าจะข้ามน้ำข้ามเขามาได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้เขาก็ได้มายืนอยู่ตรงหน้าประตูเขาของกลุ่มอำนาจฮวงเสินแล้ว ซึ่งก็เป็นความสำเร็จอย่างหนึ่ง
ดั้นด้นมาจนถึงที่แห่งนี้ ดวงตาของฉินเทียนอีก็ประกายวูบไหวด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน ใครก็สามารถเข้าใจเขาผิดได้ แต่เขาไม่อยากให้เจียงหลีเข้าใจผิด เขาอาจทำนิสัยโหดเหี้ยมเหมือนเมื่อก่อนโดยไม่อธิบายให้ใครฟังก็ได้ แต่กับเจียงหลี เขาจะต้องอธิบายให้ชัดเจน ตอนนั้นไม่ใช่ไม่อยากกลับไปหาพวกนางเพื่อบอกเรื่องช่องทางออกไปจากจื๋อจั้ง แต่ในขณะที่กำลังหันตัวกลับไป ก็ถูกศิษย์พี่หลัวอวี่ทุบจนสลบ หลังจากเขาฟื้นขึ้นมา ก็ถูกกักขังบริเวณหน้าสุสานวิญญาณชั่วร้ายเหล้านั้นเสียแล้ว มีเพียงต้องช่วยทำลายกิเลสพวกวิญญาณให้สำเร็จจึงจะกลับคืนสู่อิสระภาพได้ แต่คิดไม่ถึงว่า เมื่อเขากลับคืนสู่อิสรภาพ และออกมาจากดินแดนผนึกมารแล้ว เจียงหลีกลับหายตัวไป
เขาหยุดความคิด แล้วเดินขึ้นประตูเขา
“ท่านเป็นใครรึ”
เมื่อเหยียบเข้ามา ก็มีคนเฝ้าประตูเอ่ยถามเขา
ฉินเทียนอีชักเท้ากลับ ไม่อยากก่อเรื่องให้กับสำนักของเจียงหลี ดังนั้นเขาจึงทำความเคาพรพผู้เฝ้าประตูตามารยาท แล้วเอ่ยว่า “ข้าคือฉินเทียนอี มาจากตำหนักหลีหั่ว ข้าเป็นสหายเก่าของเจียงเฮ่าศิษย์ของตำหนักเย่ว์ ข้าผ่านมาแถวนี้พอดี จึงแวะมาเยี่ยม ข้าขอว่ายวานท่านบอกเจียงเฮ่าให้ข้าที”
“ที่แท้ก็เป็นสหายของศิษย์พี่เจียงเฮ่านี่เอง” เมื่อผู้เฝ้าประตูพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาก็ไม่เคร่งขรึมเหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว
ทันใดนั้น คนในเสื้อคลุมสีเทาสองคนก็พุ่งออกมาจากด้านหลังประตูภูเขาและปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของฉินเทียนอี
“พี่ฉินมาเสียเที่ยวแล้ว ก่อนหน้านี้ ศิษย์พี่เจียงเฮ่าออกเขาไป วันนี้ยังไม่กลับมาเลย” หนึ่งในศิษย์ที่สวมชุดสีเทาเอ่ยขึ้น
“เจียงเฮ่าไม่อยู่หรือ” ฉินเทียนอีขมวดคิ้ว
เขาคิดไม่ถึงว่าตนเองจะเผชิญกับผลลัพธ์เช่นนี้
ส่วนอีกคนหนึ่งพยักหน้าให้ “ใช่ ตอนศิษย์พี่เจียงเฮ่าออกไปเป็นเวรยามของพวกข้าสองคนพอดี ดังนั้นจึงจำได้ชัดเจน ภายในช่วงเวลา รายงานกลับขึ้นเขาก็ไม่มีชื่อของศิษย์พี่เจียงเฮ่า”
ฉินเทียนอีผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ช่วยไม่ได้ “ถ้าเช่นนั้น ขอบใจท่านทั้งสองมาก ข้าจะอยู่แถวๆ นี้ รออีกหนึ่งเดือน หากเจียงเฮ่ากลับมาแล้ว รบกวนพวกท่านบอกให้เขามาหาข้าในเมืองด้วย”
“ได้ พวกข้าจะจำเอาไว้”
…
ตอนที่ฉินเทียนอีมาที่ฮวงเสิน เจียงเฮ่าก็ไปจยาเซียนพอดี เขาต้องการทำภารกิจที่เจียงหลีมอบหมายให้สำเร็จลุล่วง ซึ่งก็คือการนำเครื่องรางส่งเสียงพันลี้ให้ถึงมือของมู่ชิงเหยียน แล้วเขาก็ถือโอกาสไปดูสถานการณ์ล่าสุดที่จยาเซียน ว่าภายใต้การบริหารปกครองของมู่ชิงเหยียนจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นการประหยัดเวลา หลังจากออกมาจากฮวงเสิน เจียงเฮ่าจึงใช้กระสวยเหาะมายังจยาเซียนโดยตรง
มู่ชิงเหยียนที่จัดการธุระยิบย่อยเสร็จ เมื่อหันตัวมาก็เห็นเจียงเฮ่ายืนอยู่ข้างหลังตนเอง เขาเอาแต่มองนางไม่ขยับเขยื้อน
ทันใดนั้น ผิวของนางก็ถูกแผดเผาด้วยสายตาอันร้อนแรงของเขา
“เจ้า…ทำไมเจ้าถึงมาไม่ให้สุ้มให้เสียงเล่า” เมื่อมู่ชิงเหยียนถูกเขาจ้องตาเป็นมันจึงทำตัวไม่ถูก
เจียงเฮ่าชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเรียกสติกลับมา แล้วแอบด่าในใจ สมควรตาย เมื่อครู่นี้เขามองมู่ชิงเหยียนตะลึงค้าง
“ข้ามาเพื่อมอบเครื่องรางส่งเสียงพันลี้ให้เจ้าแทนเจียงหลี” เจียงเฮ่าพูดข้ออ้างที่คิดเอาไว้อย่างดีแต่แรก
ช่างเป็นเหตุผลเที่ยงตรงโปร่งใสขนาดนี้!
“อ๋อ” มู่ชิงเหยียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับน้ำเสียงที่จริงจังของเขา
นางคล้องผมข้างหูไปข้างหลัง เพื่อปกปิดความเก้อเขินของตนเอง นางไม่กล้ามองเจียงเฮ่าอีก “เอ่อคือ…แล้วของล่ะ”
รออยู่ตั้งนานก็ไม่เห็นเจียงเฮ่าตอบสนอง มู่ชิงเหยียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันยื่นมือออกไป
เจียงเฮ่าได้สติกลับคืน รู้สึกผิดหวังกับการสูญเสียสติของเขาอีกครั้ง จากนั้นจึงรีบล้วงเอาเครื่องรางออกมา แล้ววางลงบนมือของมู่ชิงเหยียน เจียงเฮ่าจดจ่ออยู่กับมือเรียวขาวดุจหยก ในใจก็เกิดความคิดอยากคว้าเอามือคู่นั้นมากุมไว้
โชคดี ที่สุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมอารมณ์ได้
มู่ชิงเหยียนที่รับเอาเครื่องรางส่งเสียงพันลี้แล้วก็หาเรื่องเบี่ยงประเด็น “เจียงหลีเป็นอย่างไรบ้าง”
“นาง…ก็สบายดี” เจียงเฮ่าตอบสั้น
มู่ชิงเหยียนพยักหน้า “อืม ก็ดีแล้ว เจ้า เจ้าก็สบายดีใช่ไหม” นางค่อยๆ ช้อนสายตาขึ้นมองเจียงเฮ่า
“อืม” เจียงเฮ่าจดจำใบหน้างดงามหยดย้อยของนางไว้แววดวงตา
มู่ชิงเหยียนยิ้มให้เล็กน้อย “มาคราวนี้ เจ้าอยู่ได้กี่วันหรือ”
“กี่วันก็ได้” เจียงเฮ่าเอ่ยออกมา
มู่ชิงเหยียนมองเขาด้วยความแปลกใจ
เขาจึงอธิบายอย่างเขินๆ “ช่วงนี้ไม่มีธุระอะไร ส่วนฝึกบำเพ็ญจะฝึกที่ไหนก็ได้ มีข้าช่วยดูแลจยาเซียน เจ้าจะได้จัดการเรื่องต่างๆ ง่ายขึ้น”
มู่ชิงเหยียนรู้สึกวาบหวามในใจ มุมปากของนางยกยิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ “ก็ดี ข้าจะไปช่วยเจ้าจัดห้องหับ”
“ได้” เจียงเฮ่าพยักหน้า
เจียงเฮ่ามองเงาหลังของมู่ชิงเหยียนที่เดินออกไป เขาตะลึงอยู่พักหนึ่ง เมื่อได้สติคืนมา เขาก็เริ่มเป็นห่วงน้องสาวของตนเองอีกแล้ว เขาพยายามลองใช้เครื่องรางส่งเสียงติดต่อกับเจียงหลี แต่กลับพบว่าดินแดนผนึกมารปิดกั้นทุกสิ่งอย่าง ติดต่อไม่ได้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
อาหลี เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี รอจนกว่าดินแดนผนึกมารเปิดขึ้นอีกครั้ง พี่ใหญ่จะรีบเข้าไปตามหาเจ้า! เจียงเฮ่าแอบพูดในใจ
…
ณ ดินแดนผนึกมาร ช่วงนี้เจียงหลีใช้สุราหยกน้ำค้างแลกเปลี่ยนข้อตกลงกับเว่ยจี๋เป็นครั้งคราว
โชคดีที่ตอนนั้นเสิ่นฉงให้อวี้ลู่เนี่ยงกับนางมากพอ มิฉะนั้น นางก็คงไร้หนทางจัดการกับเว่ยจี๋ผีขี้เมาที่รักเหล้ายิ่งชีพเป็นแน่แท้
เวลาค่อยๆ ผ่านไปโดยไม่ได้สนใจ
ปีนี้ เป็นปีที่สี่ที่เจียงหลีได้เข้ามายังดินแดนผนึกมาร ยังเหลืออีกหนึ่งปี ดินแดนผนึกมารก็จะเปิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นก็จะต้อนรับผู้ฝึกฝนที่เข้ามาใหม่ ส่วนเจียงหลีก็จะได้รับโอกาสออกไปจากที่นี่
ในระยะเวลาสองปี เจียงหลีได้คลุกคลีกับวิญญาณร้ายสามตน พวกเขาต่างมีกิเลสที่แตกต่างกันไป แต่เจียงหลีก็ทำตามสัญญา โดยใช้ความรู้ความสามารถมาแลกเปลี่ยนโอกาสในการทำลายกิเลส นางก็ค่อยๆ เรียนรู้ทักษะการต่อสู้อันยอดเยี่ยมไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการฝึกบำเพ็ญหรือทักษะการต่อสู้ เจียงหลีก็พัฒนาก้าวหน้าไปรวดเร็วอย่างยิ่ง
ตามที่วิญญาณร้ายตนหนึ่งเคยกล่าวเอาไว้ หากเจียงหลีไม่ได้ถูกขังอยู่ในดินแดนผนึกมาร นางสามารถเข้าไปในอาณาเขตหลิงอู่เพื่อตามหาวิญญาณยุทธ์ที่สามารถบรรลุขั้นหลิงหวังได้
“นี่ช่างเหมือนเรื่องไซ่เวิงสูญเสียม้า แต่กลับกลายเป็นโชคอันยิ่งใหญ่[1]จริงๆ!” เจียงหลีเผยสีหน้าพึงพอใจ ตอนแรกเว่ยจี๋จงใจทำให้นางพลาดโอกาสออกไปจากที่นี่ แต่ไม่เคยคิดเลยว่า นางจะมีวันนี้ได้ นางใช้ชีวิตอย่างอิสระในดินแดนผนึกมารแห่งนี้
ปัง!
เหล้าอวี้ลู่เนี่ยงสี่ไหถูกวางไว้ตรงหน้าเว่ยจี๋พร้อมกัน
เว่ยจี๋เงยหน้ามองตั้งแต่เหล้าสี่ไหจรดเจียงหลี “คราวนี้เรียกร้องความสนใจใครอีก สหายข้างกายข้าถูกเจ้าส่งไปไม่น้อย”
เจียงหลีส่ายหน้า จ้องเขาตาเป็นประกายแล้วเอ่ยขึ้น “คราวนี้ ข้าจะเรียกร้องความสนใจเจ้า!”
“หืม” ดวงตาหงส์คู่เรียวหรี่ลง
“ข้าอยากเรียนวิชาปลุกเสกหุ่นของเจ้า!” เจียงหลีพูดขวานผ่าซาก
เว่ยจี๋ยิ้มเยาะ “เจ้าอยากเรียนรึ แต่ข้าไม่เต็มใจสอนนี่นา”
เจียงหลีก็ไม่อยากเสวนากับเขาจึงหอบเอาเหล้าสี่ไหแล้วหันหลังกลับเดินจากไป
สุราชั้นเลิศโดนพรากไป เว่ยจี๋จึงตะโกนเรียกอย่างอดไม่ได้ “ช้าก่อน!
[1] ไซ่เวิงสูญเสียม้า แต่กลับกลายเป็นโชคอันยิ่งใหญ่ สำนวนจีน หมายถึง หลังเกิดเหตุการณ์สูญเสีย กลับได้โชคหรือพบเจอเรื่องดีๆ หรือฟ้าหลังฝน