ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 178 บัดซบ! แล้วกฎกติกาล่ะ
“เอ๋ พวกท่านดูสิ นั่นคือเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ไหวปี้แห่งวังเวิ่นฉิงใช่หรือไม่ นางก็มากับเขาด้วยหรือ!”
ในขณะที่กลุ่มคนกำลังสนทนากันเสียงเบา อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนเอ่ยเตือน จึงพากันเงยหน้ามองไปทางสตรีรูปงามร่างอรชรอ้อนแอ้นที่ลงมาจากหลังนกปี้อวิ๋น
“แหะๆ เป็นเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ไหวปี้จริงๆ ด้วย!”
“ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่านางจะมากับเขาด้วย”
“นางมาได้อย่างไร”
หลังจากไหวปี๋ลงมาที่แนวโขดหิน นางก็ไม่ได้ทักทายใครสักคน นางเดินตรงไปที่กลุ่มคนของฮวงเสินด้านนั้น แต่ความจริงแล้ว ตรงนั้นนอกจากจะมีกลุ่มของฮวงเสินแล้วก็ยังมีกงเสวี่ยฮวา จากวังเทียนอู่กงและฉินเทียนอีจากตำหนักหลีหั่วอีกด้วย ดังนั้นการเคลื่อนไหวของนางไม่นับว่ากะทันหันเท่าไหร่นัก แต่ก็ดึงดูดความสนใจผู้คนได้อีกครั้งเช่นกัน
“ช่วงนี้วังเวิ่นฉิงกำลังยุ่งอยู่กับการทำสงครามกับสำนักหลีหุนจงมิใช่หรือ ได้ยินมาว่า แว่นแคว้นดินแดนเล็กๆ ที่อยู่ภายใต้การปกครองต่างโกลาหลจนเละเป็นข้าวต้ม เกิดการปะทะกันครั งใหญ่อยู่หลายครั้ง คิดไม่ถึงว่านางยังมีกะจิตกะใจมาที่นี่อีก”
“วังเวิ่นฉิงและสำนักหลีหุนจง เป็นศัตรูที่ตัดกันไม่ขาดจริง!”
“ใครใช้ให้พวกสำนักหลีหุนจงน่าขยะแขยงพวกนั้นปลุกเสกหุ่นศพสาวจากสตรีของวังเวิ่นฉิงกันเล่า แล้วสตรีจากวังเวิ่นฉิงล้วนเป็นกุลสตรีที่ดีงามเพียบพร้อม อีกอย่าง กลุ่มอำนาจสอง กลุ่มนี้ยังอยู่ติดกันขนาดนั้น ไม่ก่อสงครามสิ ถึงจะแปลก”
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังได้ยินมาอีกว่า ที่ลูกศิษย์ของวังเวิ่นฉิงตายในดินแดนผนึกมารมีส่วนเกี่ยวของกับสำนักหลีหุนจง และสำนักหลีหุนจงรวมถึงจอมภูตจู๋เยี่ยนล้วนตายอยู่ข้างในท ทั้งหมด พวกเขาก็อยากหาพิรุธจากวังเวิ่นฉิงเหมือนกัน เพราะอยากรู้เรื่องราวที่แท้จริง”
ทุกคนต่างส่งเสียง “อ๋อ”
“คิดไม่ถึงว่าจะมีความลับมากมายซ่อนอยู่ในนี้”
“สรุปก็คือ เห็นว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็จะถึงพิธีเปิดงานเลี้ยงเหล่าเซียนแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นระหว่างวังเวิ่นฉิงและสำนักหลีหุนจงจะต้องมีหนึ่งฝ่ายที่พ่ายแพ้เป็นแน่”
“เช่นนั้นซีฮวงของพวกเราก็มีเรื่องสนุกๆ ให้ได้ดูกันแล้วล่ะสิ”
“…”
เสียงซุบซิบนินทา ไม่มีผลกระทบต่อทางด้านฮวงเสิน
ส่วนทางด้านป้อมปราการเฟยอวิ๋น กลับยืนบนโขดหินเพียงลำพัง จ้องมองไปยังที่ตั้งของพวกฮวงเสินด้วยสายตาเย็นเฉียบ
“ขอบใจทุกท่านที่เป็นห่วงอาหลี” เจียงเฮ่าในฐานะพี่ใหญ่ของเจียงหลี แน่นอน เขารู้ว่าทำไมทุกคนถึงได้มาปรากฏตัวที่แห่งนี้ เขาจึงเอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ
“เจียงเฮ่า เจ้าไม่ต้องเกรงใจหรอก หากพวกเราไม่ได้เห็นเจียงหลีออกมากับตา ก็ไม่สบายใจเหมือนกัน” กงเสวี่ยฮวาเอ่ยขึ้น
ฉินเทียนอีเองก็พยักหน้าเห็นด้วย
หลายปีที่ผ่านมา เขาอธิบายอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นในขณะนั้น แต่เขาก็ไม่เห็นเจียงหลีปรากฏตัวขึ้นมา เขาจึงรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก
“ข้าเองก็มาดูเหมือนกัน มิฉะนั้นคงคาใจตลอดชีวิต” ไหวปี้เอ่ยขึ้น
“ช่วงนี้วังเวิ่นฉิงถูกพวกสำนักหลีหุนจงตามตอแยไม่เลิกรา เทพธิดาไหวปี้ยังสละเวลามาได้ หาโอกาสเช่นนี้ยากจริงๆ หากไม่ใช่เพราะว่าเจียงหลีเองก็เป็นสตรีเช่นกัน ข้าก็เกือบคิดว่ าท่านชอบนางเสียแล้ว” กงเสวี่ยฮวาหัวเราะกลบเกลื่อน
ใครจะไปรู้ ในขณะที่เขากำลังล้อเล่นอยู่นั้น โฉมสะคราญแห่งวังเวิ่นฉิงผู้นี้ แก้มนวลทั้งสองข้างกลับขึ้นสีแดงระเรื่อ
ท่าทางขวยเขินของนางเช่นนี้ ทำเอากงเสวี่ยฮวาถึงกับอึ้ง จึงอดคาดเดาในใจไม่ได้ ไม่หรอกกระมัง!
โชคดีที่ความน่าอึดอัดนี้อยู่ได้ไม่นานนัก เพราะในขณะที่ฉินเทียนอีกำลังมองมาที่ไหวปี้อย่างนึกสงสัยเหมือนกัน เจียงเฮ่าก็เอ่ยปากขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
“แต่…” เจียงเฮ่ายิ้มขมขื่นเล็กน้อย “ตามที่ประมุขน้อยทั้งสามได้กล่าวไว้ ต่อให้ดินแดนผนึกมารแห่งนี้เปิดออก ก็ต้องรอไปอีกสองปี เจียงหลีถึงจะสามารถออกมาได้ เกรงว่าทุกท่านจ จะมาเร็วไป”
“เอาน่า เจียงเฮ่า พวกเรามิใช่คนอื่นคนไกล มาปรากฏตัวที่นี่ ก็เพราะเป็นห่วงเจียงหลีจากใจจริงทั้งนั้น ทำไมถึงจะอดทนรออีกสองปีไม่ไหวเล่า” กงเสวี่ยฮวากะพริบตาให้เจียงเฮ่า
เจียงเฮ่ามองพวกเขาตกตะลึง “พวกท่าน…พวกท่านคงไม่คิดที่จะ…”
“ถูกต้อง! เจ้าคิดอย่างไร ข้าก็คิดอย่างนั้นแหละ” กงเสวี่ยฮวาหัวเราะร่วน ยกมือขึ้นตบบ่าเจียงเฮ่า
เจียงเฮ่าฝืนรอยยิ้มออกมาอย่างน่าเกลียด ไม่ง่ายเลยที่เขาต้องคอยปลอบลู่เสวียนที่อยู่ฮวงเสิน แล้วยังมีอีกสามคนที่ไปพร้อมกันในคราวก่อน ที่คอยแอบย่องมาเพื่อหาโอกาสลอบเข้าไปใ ในดินแดนผนึกมาร
สามคนที่อยู่ตรงหน้า เข้ามาก่อความวุ่นวายอะไร
“เจ้าก็ด้วยหรือ” เจียงเฮ่ามองฉินเทียนอีอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่
ฉินเทียนอีพยักหน้าให้อย่างมั่นใจ “แน่นอน! เพื่อเรื่องนี้ ข้าสามารถไม่กลับไปที่ตำหนักหลีหั่วสามปีก็ยังได้เลยนะ”
เจียงเฮ่าก็หันไปมองไหวปี้ ไหวปี้เองก็พยักหน้าให้อย่างมาดมั่น
“…” เจียงเฮ่าสิ้นหวังทันที เขาคนเดียวสามารถลอบเข้าไปได้ คนมากมายอยากลอบเข้าไปแบบนี้ คงไม่ไปยั่วโมโหผู้ฝึกฝนของกลุ่มอำนาจทั้งเจ็ดหรอกกระมัง
“พวกท่าน หยุดวุ่นวายสักทีได้ไหม” เจียงเฮ่าปวดหัวรุนแรง
“ข้าไม่ได้วุ่นวายสักหน่อย!” กงเสวี่ยฮวาตีหน้าซื่อ
“หรือว่าพวกท่านไม่รู้ ว่าจำนวนคนที่จะเข้าไปในดินแดนผนึกมารได้นั้นมันมีจำกัด” เจียงเฮ่าขบกรามเอ่ยเสียงต่ำ
แต่ทว่า สามคนตรงหน้า ยังคงตีหน้าซื่อ
หลังจากที่ถอนหายใจยาวๆ เจียงเฮ่าก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาและก็รู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
ที่ดีใจก็เพราะว่าเจียงหลีมีกัลยาณมิตรเช่นนี้ ส่วนความรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกกคือ เขาเริ่มปวดหัว เดี๋ยวถ้าดินแดนผนึกมารเปิดขึ้น เขาจะแอบลอบเข้าไปได้อย่างไรล่ะทีนี้
ตู้มต้าม!
ยังไม่ทันที่เจียงเฮ่าได้คิดทำสิ่งใด ก็มีเสียงดังสะนั่นกึกก้องมาจากพื้นผิวทะเล
เหมือนครั้งก่อนไม่มีผิด ที่เกิดวังน้ำวนขนาดมหึมาเหนือน่านทะเล จมลึกลงไปเรื่อยๆ กลายเป็นเส้นทางที่ไม่รู้ว่ามันนำทางไป ณ ที่แห่งใด
“ดินแดนผนึกมารเปิดขึ้นแล้ว!”
มีคนตะโกนลั่นด้วยความตื่นเต้น
กลุ่มอำนาจทั้งเจ็ดที่เตรียมตัวเข้าไปรีบทำเวลา และได้ให้คำชี้แนะนำสุดท้ายแก่ลูกศิษย์ที่กำลังจะเข้าไป และในขณะนั้นเอง เงาดำหนึ่งร่างกลับกระโดดเข้าไปในวังน้ำวนอย่างกะทันหัน น
หลังจากเงาดำเข้าไปแล้ว ก็ยังมีเงาร่างอีกสามร่างตามเข้าไปติดๆ
“มีคนฝ่าเข้าไปแล้ว!” มีคนที่สายตาดีตะโกนขึ้นมาเสียงดังลั่น
ทันใดนั้น ใบหน้าของคนในกล่มอำนาจทั้งเจ็ดก็ถอดสี ค่อยๆ พากันหันไปมองวังน้ำวน
“ไป” คนสิบคนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นกระโดดเข้าไปในวังน้ำวนทันที ราวกับไม่เห็นหัวคนของกลุ่มอำนาจทั้งเจ็ด
บัดซบ!
กี่คนก่อหน้านี้เคลื่อนไหวรวดเร็วมาก พวกเขาไม่ทันได้มองเห็นชัด แต่ คราวนี้คนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นฝ่าเข้าไปในดินแดนผนึกมาร พวกเขาเห็นชัดเจนแจ่มแจ้งเลยที่เดียวล่ะ!
“พวกเจ้ามัวยืนบื้อทำอะไรอยู่ คนที่เหลือยังไม่รีบแย่งกันเข้าไปอีก!” มีบางกลุ่มอำนาจที่มีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว
ทันใดนั้น ก็มีหลายเงาร่างคนพุ่งเข้าไปในวังน้ำวนจนเกิดเสียง ฟิ้วๆๆ
เกิดความโกลาหลแล้ว!
ผู้คนบนโขดหินเกิดความวุ่นวายโกลาหลไปหมดแล้ว
ขณะนั้นเอง พวกเขาจึงตระหนักได้ว่า ที่แท้พวกคนที่ไม่น่ามาที่นี่จะมีแผนการเช่นนี้
โอ้…!
เงาสีดำขนาดมหึมาเคลื่อนตัวไปในอากาศ กลายเป็นสายฟ้าแลบ และกระโจนลงไปในวังน้ำวน ขณะที่ฝูงชนบนแนวโขดหินตกอยู่ในความโกลาหล
บรรดาศิษย์ผู้ฝึกประสบการณ์ของทั้งเจ็ดกลุ่มอำนาจทยอยพากันกระโดดเข้าไปในวังน้ำวน
อย่างไรก็ตาม หลังจากครบสามสิบห้าคนเต็มแล้ว ผู้คนที่เหลือที่กระโดดเข้าไป ก็ถูกกระแสน้ำวนวัดกระเด็นออกไปและตกลงไปในทะเล
ในฉากนี้ ผู้อาวุโสของกลุ่มอำนาจทั้งเจ็ดล้วนต้องการฆ่าคนที่ไม่เคารพกฎกติกาด้วยมือของพวกเขาเอง
“กฎเล่า! กติกาเล่า!” ผู้อาวุโสของสำนักจินกวงเหมินมองตากะพริบปริบๆ ศิษย์จากสำนักจินกวงเหมินทั้งห้าถูกวังน้ำวนดีดออกมา เขาโกรธจนควันออกหู
“รังแกกันเกินไปแล้ว!”
“คนพวกนี้ หน้าไม่อาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกป้อมปราการเฟยอวิ๋นที่เข้าไปทีเดียวถึงสิบคน!”