ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 189 ไม่รู้ว่าใครกันที่ถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง
ปัง!
เสียงล้มลงกับพื้นดังขึ้น เจียงหลีถูกเมฆปีศาจโยนจากกลางอากาศด้วยท่าทางที่ทุลักทุเล
นางกลิ้งไปกับพื้นหลายตลบก่อนจะทรงตัวได้
หลังจากนั้น เมื่อนางหันศีรษะกลับมา กลับมีใบหน้าที่ดุร้าย โน้มเอนเข้ามา
ให้ตายเหอะ!
เจียงหลีถอยหลังหลายก้าว
ณ เวลานี้ ในที่สุดนางก็มองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเมฆปีศาจอย่างชัดเจน นี่…ใช่เมฆปีศาจที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นนกที่มีปีกทั้งสองดั่งมวลเมฆ ขนาดใหญ่และมีสีดำมืดไปทั้งตัว
“เป็นปีศาจมาจากไหนกัน!” เจียงหลีพูดโพล่งออกมา
“แม่นาง! ข้าคือหมัวเผิง” เป็นนกที่มีขนาดตัวใหญ่มากจนปกคลุมท้องฟ้าและบังพระอาทิตย์จนมิด กลับพูดภาษามนุษย์ได้
ดวงตาของเจียงหลีเบิกกว้างทันที จ้องมองไปที่มันด้วยความตกใจ
หมัวเผิงตกลงมาจากอากาศและยืนอยู่ตรงหน้าเจียงหลี
สายตาของเจียงหลีค่อยๆ เลื่อนขึ้น หมัวเผิงที่เก็บปีกยืนอยู่ตรงหน้านาง ซึ่งเปรียบเสมือนเสาต้นหนึ่งที่แทบมีขนาดเท่ากับต้นไม้โดยรอบ
เจียงหลีมุมปากกระตุกอย่างรุนแรง พบว่าตนหัวเราะไม่ออกอีกต่อไป
หมัวเผิงหรือ
เผ่าปีศาจหรือ
“ข้ามาจากตงหลีเป่ยฮวง เป็นแม่ทัพปีศาจแห่งเผ่าปีศาจ” หมัวเผิงเอ่ย
“…” เจียงหลีนิ่งเงียบ
นางรู้ว่ามีเผ่าปีศาจ แต่นางไม่รู้ว่าตงหลีเป่ยฮวงคืออะไร ซือจุนเคยกล่าวไว้ว่าเผ่าปีศาจปกครองสามดินแดน ดังนั้น ตงหลีเป่ยฮวงจึงเป็นหนึ่งในสามดินแดนอย่างนั้นหรือ
หมัวเผิงไม่รอให้เจียงหลีปริปากพูด แล้วพูดต่อ “ข้าได้รับคำสั่งให้ออกมาตามหาองค์จักรพรรดิของเผ่าข้า ข้าจึงไล่ตามมาตลอดทางจนเข้าสู่ดินแดนผนึกมารแห่งนี้ ข้าได้กลิ่นขององ งค์จักรพรรดิบนร่างกายของเจ้า”
“…” เจียงหลียังคงนิ่งเงียบต่อไป
นางคาดเดาได้ว่าหมัวเผิงผู้นี้มาที่นี่เพราะเจ้าเปี๊ยกหลิวหลี
อย่างไรก็ตาม นางจะไม่ยอมยกหลิวหลีให้แน่นอน!
หากเป็นเมื่อก่อน นางยังไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงของหลิวหลี ก็คงไม่เป็นไร ขอเพียงแค่ดีกับหลิวหลีเป็นพอ นางสามารถส่งมอบหลิวหลีคืนกับเผ่าปีศาจ แต่ทว่า ตอนนี้นางรู้แล้วว่าห หลิวหลีคือลู่เจี้ยกลับชาติมาเกิด นางจะปล่อยให้หมัวเผิงพาเขากลับไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร
“ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าพูดถึงอะไร” เจียงหลีตัดสินใจแกล้งโง่
แต่หมัวเผิงกลับไม่เปิดโอกาสให้นางแกล้งโง่
กระเป๋าวิเศษของนางถูกหมัวเผิงบีบบังคับให้เปิดออก พลังปีศาจถือตัวหลิวหลีขนปุยออกมาจากกระเป๋าวิเศษ ฉากนี้ กระตุ้นความรู้สึกของเจียงหลีจนนางกรีดร้องอย่างดุดัน “เอาเขาคืน มา…!”
เสียงที่ดังออกมาจากหัวใจปลุกให้หลิวหลีที่กำลังหลับใหลตื่นขึ้น มันลืมตาและความตื่นตระหนกของเจียงหลีก็สะท้อนในดวงตาอันเลือนลางของหลิวหลี
พลังปีศาจในตัวของหลิวหลีแตกสลาย และท่ามกลางความว่างเปล่านั้น มันพุ่งตรงไปหาเจียงหลี
เมื่อหมัวเผิงมองเห็นหลิวหลีตื่นขึ้น ก็ปรากฏทั้งความเคารพและความหวาดกลัวขึ้นในดวงตาที่เยือกเย็นของเขา “ฝ่าบาท”
เจียงหลีกอดหลิวหลีที่พุ่งเข้าใส่ตนไว้แน่น ซุกศีรษะไว้ในขนของมัน และพูดด้วยความน้อยใจ “เขาจะพาเจ้ากลับไป”
หลิวหลีหันหน้ามามอง และจ้องไปที่หมัวเผิงด้วยสายตาที่เย็นชา
หัวใจของหมัวเผิงสั่นสะท้าน ก้มศีรษะต่อหน้าเดรัจฉานน้อย
โฮกกก!
ทันใดนั้น หลิวหลีส่งเสียงคำราม ร่างกายของมันขยายใหญ่ขึ้น เดิมทีร่างกายอันอ่อนนุ่มของมันขยายใหญ่ขึ้นหลายสิบเท่า แม้ว่ามันจะเทียบไม่ได้กับหมัวเผิง แต่ก็มีขนาดใหญ่กว่าเจีย ยงหลี
เรือนขนบนร่างกายของหลิวหลีงดงามและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เดิมทีเป็นสัตว์ตัวน้อยหางสั้นที่มีขนปุกปุย บัดนี้กลายเป็นสัตว์หางยาวทรงพลัง ขนยังคงมีสีขาวเงิน บนกรงเล็บทั้งสี่มีร รอยเลือดสีแดง โครงคิ้วบนดวงตาสีเขียวครามปรากฏขนสีแดงเข้มลอยอยู่อย่างมีเสน่ห์ หว่างคิ้วมีลายแนวตั้งสีทอง เผยความลึกลับออกมาให้เห็น
หลิวหลีตัวก่อนนุ่มนิ่มและน่ารัก หลิวหลีตอนนี้แข็งแกร่งและงดงาม!
และเสียงร้องไม่ใช่ ‘จิจิ๊ด’ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
โฮกกก!
หลิวหลียืนอยู่หน้าเจียงหลี เผชิญหน้ากับหมัวเผิง เสียงคำรามที่เกรี้ยวโกรธกลั่นออกมาจากลำคอ
หลังจากได้ยินเสียงนั้น หมัวเผิงถอยหลังทันที
แต่ไม่ละทิ้งความตั้งใจในการโน้มน้าว “ฝ่าบาท โปรดเสด็จกลับพร้อมข้าเถิด”
โฮกกก! เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ พลังอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาจากร่างของหลิวหลีและพุ่งเข้าใส่หมัวเผิง
หมัวเผิงไม่กล้าที่จะหลบหลีก เขาจึงทำได้เพียงปล่อยให้พลังนั้นพุ่งเข้าใส่เขา
ตู้มมม!
เสียงดังสนั่น หมัวเผิงถูกโจมตี ขนบนร่างกายของถูกแผดเผาจนเนื้อเปื้อนเลือด และร่างกายขนาดใหญ่ก็กลิ้งไปด้านหลัง
เจียงหลีคุกเข่าลงกับพื้น ตกตะลึงจนอ้าปากค้างและจ้องมองไปยังร่างกายที่ขยายใหญ่ของหลิวหลีอย่างกะทันหัน
ร่างของหมัวเผิงกลายเป็นจุดสว่างและหายไปในท้องฟ้า เจียงหลีไม่รู้ว่ามันจะกลับมาอีกหรือไม่ แต่ครั้งนี้ถือว่าวิกฤตได้สิ้นสุดลงแล้ว
เจียงหลีค่อยๆ หันคอที่แข็งทื่อและมองไปที่หลิวหลีด้วยรอยยิ้ม “นึกไม่ถึงว่าเป็นจักรพรรดิของเผ่าปีศาจ”
แสงสีเงินแวววาวสาดผ่าน หลิวหลีขนาดใหญ่ได้หายไป หลิวหลีขนปุยและน่ารักปรากฏต่อหน้าเจียงหลีอีกครั้ง
เขานั่งยองๆ อยู่บนพื้น มองหน้าเจียงหลีอย่างไร้เดียงสา “จิจิ๊ดดด!”
ทำตัวน่ารักหรือ เสแสร้ง! เสแสร้งต่อไปเถิด! เจียงหลีพึมพำในใจ ขี้เกียจจะเปิดโปงการพรางตัวของใครบางคน และเอื้อมมือกอดเขาไว้ในอ้อมแขนเหมือนเช่นเคย
ขณะนี้ ความเหี้ยมโหดโหมเข้าใส่อย่างกะทันหัน
เจียงหลีเงยหน้าขึ้น มองเห็นเว่ยจี๋กำลังไล่ตามมา
“ปีศาจตัวใหญ่นั่นล่ะ” เว่ยจี๋ถามตรงๆ
“หนีไปแล้ว” เจียงหลีตอบสั้นๆ
ดวงตาของเว่ยจี๋โล่งใจเล็กน้อย จ้องมองไปที่เจ้าเปี๊ยกในอ้อมแขนของเจียงหลีและถามต่อ “มาเพราะมันหรือ”
เจียงหลีหลับตาไม่พูด ลูบขนของเจ้าเปี๊ยก
เจ้าเปี๊ยกในอ้อมแขนของเจียงหลีเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีเขียวครามและเย็นชาจ้องมองไปที่เว่ยจี๋
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เว่ยจี๋รู้สึกขุนลุกเมื่อถูกเจ้าเปี๊ยกจ้องมอง แต่เขาก็พูดกับเจียงหลีว่า “นี่คือสัตว์เดรัจฉานในบรรพกาล เป็นจักรพรรดิของเผ่าปีศาจโดยกำเนิด หากเจ้าเก็บไว้ ข้างกาย วันข้างหน้าก็ต้องมีเผ่าปีศาจมาหาเจ้าอีก ข้าว่า เจ้าคืนมันให้กับเผ่าปีศาจเถิด”
“เป็นไปไม่ได้” เจียงหลีปฏิเสธในทันใด
แม้ว่านางไม่รู้ว่าทำไมลู่เจี้ยถึงโกหกนาง แต่ถึงเขาจะเป็นแบบนี้ ก็ได้ใช้ความพยายามอย่างหนักหน่วงเพื่อมาอยู่ข้างกายนาง นางจะไม่ยอมให้ใครมาพรากเขาไปเด็ดขาด
ปีศาจ ก็ยอมไม่ได้!
เมื่อได้ยินเว่ยจี๋โน้มน้าวให้เจียงหลีส่งตัวเขากลับไป แววตาของเจ้าเปี๊ยกเปลี่ยนเป็นความอาฆาตที่พร้อมจะฆ่าคนได้เสมอ
“เจ้านะเจ้า เมื่อถึงเวลานั้น ทำให้เผ่าปีศาจโกรธแล้วมาหาเรื่องเจ้า เจ้าจะรับมืออย่างไร หรือว่าเจ้าอยากจะเป็นชนวนให้เผ่ามนุษย์กับเผ่าปีศาจต่อสู้กันอย่างนั้นหรือ” เว่ยจี๋ถามด้วยคว วามโมโห
“ข้ามีแผนอยู่ในใจ” เจียงหลีพูดเสียงเบา
เว่ยจี๋จนปัญญา ถอนหายใจด้วยความไม่พอใจ และเมินเฉยใส่นาง
“พวกพี่ชายข้าล่ะ” เจียงหลีถามพลางเงยหน้าขึ้น
เว่ยจี๋ยิ้มเยาะ “เจ้ายังจำพี่ชายของเจ้าได้อยู่หรือ”
“หยุดประชดข้าได้แล้ว” เจียงหลีกลอกตาใส่เขา
บรรยากาศที่ปรองดองเช่นนี้ ทำให้เจ้าเปี๊ยกเริ่มเกาฝ่ามือของใครบางคนอีกครั้ง แต่เจียงหลีถือว่าการกระทำนี้เป็นพฤติกรรมแปลกๆ ของเจ้าเปี๊ยกมาโดยตลอด และในที่สุดก็เข้าใจว่านี่ไม ม่ใช่พฤติกรรมที่แปลก แต่กลับเป็นการแสดงออกที่หึงหวงของชายคนหนึ่ง
กลายเป็นสัตว์เดรัจฉานแล้วยังจะหึงหวงมากเช่นนี้อีก! หึงหวงให้อกแตกตายไปเลย! เจียงหลีพูดคนเดียวในใจ
“ข้าให้พวกผู้อาวุโสพาพวกเขากลับไปแล้ว” เว่ยจี๋พึมพำ
“ขอบใจ” เจียงหลีเก็บฝ่ามือ ไม่ให้เจ้าเปี๊ยกแสดงพฤติกรรมนั้นต่อ