ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 190 ใครกล้าแตะต้องนาง!
เมื่อลุกขึ้นจากพื้น เจียงหลีกลับไปพร้อมกับเว่ยจี๋
“เจ้าวางแผนให้พวกเขาพักที่ไหนหรือ” เว่ยจี๋ถามระหว่างทาง
เจียงหลีที่เล่นสนุกอยู่กับเดรัจฉานน้อยบางตัวได้ยินคำพูดของเว่ยจี๋ก็พูดโพล่งขึ้นทันที “อย่างไรเสียก็เข้ามาแล้ว ต้องรอจนกว่าประตูของดินแดนผนึกมารจะเปิด ช่วงเวลานี้ ให้พ พวกเขาฝึกฝนอีกรอบแล้วกัน”
“เจ้าไม่ไปพบพวกเขาหรือ” เว่ยจี๋ถามด้วยความประหลาดใจ
เจียงหลีส่ายศีรษะ “ไม่ดีกว่า เมื่อครู่นี้ได้เจอกันแล้ว โอกาสเช่นนี้หายากนัก ต้องรีบฝึกฝนถึงจะถูก มีเวลาพูดคุยกันอีกมากมาย ข้าต้องรีบฝึกฝนวิชาเสกหุ่นศพให้ยิ่งชำนาญมากขึ้ น”
เว่ยจี๋มองนางด้วยความประหลาดใจ ราวกับเห็นผีก็มิปาน
ในช่วงหลายปีมานี้ เจียงหลีนับได้ว่าฝึกฝนอย่างขยันหมั่นเพียรในดินแดนผนึกมาร แต่ไม่เคยกล่าวอ้างถึงพื้นฐานที่ดีของนางเลย
“เจ้าเจอผีมาหรือ” เว่ยจี๋เอ่ย
“ใช่! ข้าเจอกับวิญญาณร้ายเยี่ยงเจ้า ถือว่าเจอผีหรือไม่” เจียงหลีมองเขาและพูดหยอกเย้า
“…” เว่ยจี๋ถึงกับหมดคำพูด
ผ่านไปครู่หนึ่ง เว่ยจี๋ก็พูดขึ้นอีกครั้ง “เมื่อครู่นี้ เจ้าถูกปีศาจจับพาตัวไป พวกเขาเป็นกังวลนัก ทางที่ดีเจ้าควรไปพบพวกเขานะ”
“อืม” เจียงหลีตอบ อยู่ๆ ถามขึ้นว่า “เว่ยจี๋ เจ้าเคยได้ยินชื่อเมืองตงหลีดินแดนเป่ยฮวงหรือดินแดนทางเหนือหรือไม่”
“ตงหลีเป่ยฮวงเป็นหนึ่งในสามดินแดนที่เผ่าปีศาจปกครองและเป็นดินแดนของเหล่าเชื้อพระวงศ์แห่งเผ่าปีศาจ” เว่ยจี๋กล่าวเสียงเบา
เจียงหลีหรี่ตาและถามว่า “อยู่ไกลไหม”
“ก็ไกลอยู่นะ แต่ก็ถือว่าใกล้มากเช่นกัน” เว่ยจี๋ยิ้มตอบ
เจียงหลีมองเขาอย่างสับสน
เว่ยจี๋ถาม “เจ้ารู้จักหอคอยจิ่วฮวงไหม”
เจียงหลีพยักหน้า
เว่ยจี๋จึงกล่าวต่อ “หลังจากเจ้าเข้าสู่อาณาเขตหลิงหวัง ก็ให้หาเวลาไปที่หอคอยจิ่วฮวง จะได้สิทธิพิเศษเข้าออกจิ่วฮวงได้อย่างอิสระ เมื่อได้รับสิทธิ์นั้นแล้ว ก็จะสามารถไปยังสถานท ที่ที่ปรารถนาผ่านกลุ่มขนส่งโบราณ สามารถข้ามน้ำฝ่ามหาสมุทร ทะลุทะลวงผ่านตาข่ายป้องกัน เข้าสู่ตงหลีเป่ยฮวง”
แววตาของเจียงหลีปรากฏสีของความครุ่นคิดขึ้น และสงบนิ่งลง
ความเงียบของนาง ทำให้เว่ยจี๋ถึงกับมองหน้านาง และเจ้าเปี๊ยกในอ้อมแขนก็เงยหน้าขึ้นมองนางด้วยสีหน้าสับสน
…
หลังจากกลับมายังใจกลางของดินแดนผนึกมาร เจียงหลี เจียงเฮ่าและคนอื่นๆ ได้พบเจอและพูดคุยกัน ทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจที่จะติดตามวิญญาณผู้อาวุโสหลายตนเพื่อฝึกฝน ส่วนนางกลับไป ปยังห้องสุสานพร้อมกับเว่ยจี๋
เจียงหลีที่อยู่ในห้องสุสานเพียงลำพังไม่ได้ตั้งใจฝึกฝนอย่างที่เว่ยจี๋คิดไว้
นางนอนอยู่บนเตียงหิน มองดูเจ้าเปี๊ยก นิ่งเงียบเป็นเวลานาน
สายตาของเจียงหลี ทำให้หัวใจของเจ้าเปี๊ยกเต้นแรงไม่น้อย ไม่รู้ว่านางมองทะลุแล้วใช่หรือไม่
“หลิวหลี” ทันใดนั้น เจียงหลีก็พูดขึ้น
ชื่อที่เอ่ยเรียกขึ้นมา ทำให้หัวใจของเจ้าเปี๊ยกบางตัวโล่งใจเล็กน้อย
เมื่อลืมตากว้างและมองนางด้วยความน่ารัก เจียงหลีก็มองอย่างนึกตลกในใจ ใครบางคนปลอมตัวเป็นเดรัจฉานผู้น่ารัก นับวันยิ่งเลียนแบบได้เหมือนเลยทีเดียวเชียว
“หากมีปีศาจมาปรากฏตัวอีก จะทำอย่างไรกันดี” เจียงหลีถาม
“…” เจ้าเปี๊ยกรู้สึกกังวลเล็กน้อย
แต่เจียงหลีกลับกอดเขาไว้แน่นและพูดปลอบว่า “ไม่ต้องกังวลไป ไม่มีใครสามารถพรากเจ้าไปจากข้าได้”
หัวใจของเจ้าเปี๊ยกสั่นสะท้าน
เขาไม่รู้ว่าคำพูดของเจียงหลีมีความหมายอื่นอีกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจในคำสัญญาของเจียงหลี ไม่มีใครสามารถพรากเจ้าไปจากข้าได้
“หลิวหลี ข้าคิดถึงลู่เจี้ย”
!
ทันที่ได้ยินชื่อนี้ เจ้าเปี๊ยกก้มศีรษะด้วยความรู้สึกผิด
เจียงหลีเฝ้าดูการแสดงออกของเขาและอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะหลังจากเห็นความรู้สึกผิดนั้น “เจ้าว่า เขามีหัวใจหรือไม่ กลับชาติมาเกิดใหม่ ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนและไม่ยอมบอกข้า กลัว วว่าข้าจะตามไปและพบเขากำลังดื่มสุรา กอดจูบกับสตรีอื่นหรือไง”
“…” เจ้าเปี๊ยกเงยหน้าขึ้นด้วยตกใจและมองไปยังหญิงสาวที่กำลังคิดฟุ้งซ่าน
เขาส่ายหน้า
“ส่ายหน้า เจ้าส่ายหน้าเช่นนี้หมายความว่าอะไร หรือว่ามีหญิงสาวมากกว่าหนึ่งคน! มีหญิงสาวมากมายเลยสินะ!” เสียงของเจียงหลีแหลมขึ้นในทันใด
“…”
ไม่ใช่!
เดรัจฉานน้อยตัวหนึ่งโอดครวญในใจ
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ!” เจียงหลีลุกขึ้นจากเตียงและนั่งลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
เดรัจฉานตัวน้อยตกลงมาจากอ้อมอกของนางและมองไปยังสตรีผู้นี้โดยไม่พูดอะไร
“ข้ารอเขาอยู่ที่นี่อย่างยากลำบาก แต่เขากลับมีหญิงสาวจำนวนนับไม่ถ้วนลับหลังข้า!”
“…”
เดรัจฉานตัวน้อยตกตะลึง
ชั่วครู่ยังแค่หนึ่ง จากนั้นก็มากมาย และตอนนี้ทำไมมันถึงกลายเป็นนับไม่ถ้วนได้เล่า
“ข้าจะไม่รอเขาอีกแล้ว!” ทันใดนั้น เจียงหลีพูดโพล่งขึ้น
แค่วก!
เตียงหินที่อยู่ด้านล่างของเจ้าเปี๊ยกเว้าลึกลง และในกรงเล็บของเขามีเศษหินติดอยู่
“เอ๊ะ หลิวหลี เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ข้าแค่พูดถึงชายหลอกลวงคนนั้น ไม่ได้ว่าเจ้าสักหน่อย เจ้าโมโหทำไม” เจียงหลีกะพริบตาและมองไปยังเจ้าเปี๊ยกอย่างประหลาดใจ
“…”
เจ้าเปี๊ยกสูดหายใจเข้าลึกๆ สะกดจิตตัวเอง ไม่โกรธ! ไม่โกรธ! ไม่โกรธ!
เมื่อเห็นท่าทางของเจ้าเปี๊ยกเช่นนี้ รอยยิ้มที่นึกสนุกก็ผุดขึ้นในดวงตาของเจียงหลี
ในเมื่อใครบางคนอยากเสแสร้งต่อไป ก็จะค่อยๆ เล่นเป็นเพื่อนเขาก็แล้วกัน ดูสิว่าจะทนได้นานแค่ไหนเชียว!
…
ดินแดนผนึกมารกลับคืนสู่ความสงบ
อวิ๋นเซียวหายตัวไป หมัวเผิงก็หายตัวไปเช่นกัน ผู้คนที่เหลือยังคงฝึกฝนกันต่อ ส่วนพวกเจียงหลีราวกับหายตัวไปก็ไม่ปาน เพราะไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอีกเลย
จนกระทั่งครบกำหนดสองปี ซึ่งครั้งนี้เจียงหลีไม่ได้หายตัวไปไหน และปรากฏตัวขึ้นที่ทางออกพร้อมกับพวกเจียงเฮ่า
ณ ที่แห่งนี้ พวกเจียงหลีได้พบกับอวิ๋นเซียวอีกครั้ง
เมื่อพวกเขาปรากฏตัว ดวงตาที่เย็นชาและอำมหิตของอวิ๋นเซียวจดจ่อไปที่เจียงหลีเพียงผู้เดียว ความหาที่เปรียบมิได้ในตัวเขาดูเหมือนจะจางหายไป และแทนที่ด้วยความมืดมน
“ออกจากที่นี่ไป ต้องระวังคนผู้นี้ให้มากขึ้น” ฉินเทียนอีพูดที่ข้างหูของเจียงหลี
เจียงหลีที่อุ้มปีศาจน้อยบางตัวผู้ถูกนางหยอกล้อในช่วงนี้หดหู่ใจมากขึ้นและยิ้มอย่างเย็นชา “ไม่เป็นไร ด้านนอกไม่ได้มีแค่คนของป้อมปราการเฟยอวิ๋น”
ทันทีที่พูดจบ แสงสีขาวได้ปกคลุมพวกเขา และในทันใด พวกเขาก็หายไปจากดินแดนผนึกมาร
…
กลิ่นเค็มของน้ำทะเลทำให้เจียงหลีรู้สึกเหมือนห่างหายไปนานโข
ผิวน้ำทะเล โขดหิน ทุกสิ่งดูคุ้นเคยและแปลกตา ราวกับอยู่คนละโลก นางเองก็คิดไม่ถึงว่าจะอยู่ในดินแดนผนึกมารถึงเจ็ดปี
“เจียงหลี ไปตายซะ…!”
จู่ๆ มีเสียงตะโกนดังขึ้น
พลังที่รุนแรงและน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าใส่เจียงหลี
ท่ามกลางพลังที่น่าสะพรึงกลัวนั้น เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความเกลียดชังที่จะฆ่าเจียงหลี ผู้ลงมือต้องการฆ่าด้วยกระบวนท่าเดียว ทำให้จินตนาการได้ถึงพลังที่ปลดปล่อยออกมา
“อาหลี!”
“เจียงหลีระวัง!”
เจียงหลีรู้สึกเพียงว่ามีเสียงตะโกนด้วยความตกใจอยู่ข้างหูของนางนับไม่ถ้วน แต่นางกลับสงบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อการโจมตีมาถึง ร่างนั้นก็หายไป
ศาสตร์ลับ!
เมื่อนางปรากฏตัวอีกครั้ง นางได้ก็อยู่ท่ามกลางชายหนุ่มรูปงามทั้งสามในชุดคลุมสีทองแล้ว
“ใครบังอาจคิดฆ่าศิษย์น้องเล็กของข้า” เสิ่นฉงโบกมือเบาๆ พุ่งกดไปทางอวิ๋นเซียวที่ลงมือฆ่าเจียงหลี
ฟิ้ว!
อวิ๋นเซียวจะต่อกรกับหลิงหวงอย่างเสิ่นฉงได้อย่างไร
ฝ่ามือนี้ตกลงบนหน้าอกของเขาโดยตรง บดขยี้โครงกระดูกของเขา และกดเขาลงไปในน้ำทะเลเย็น…