ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 191 ศิษย์พี่ผู้พิทักษ์ทั้งสาม
ณ ทะเลสีดำ ร่างของอวิ๋นเซียวถูกกลืนหายไปในพริบตา
แต่ทันทีที่เขาถูกกดลง มีพลังหนึ่งได้ดึงเขาออกจากก้นทะเล
เจียงหลีสังเกตเห็นว่าหลังจากที่อวิ๋นเซียวออกมาจากก้นทะเล เขาก็อยู่ในสภาพหมดสติ
“หึ! คนของฮวงเสินช่างบังอาจนัก กล้าฆ่าคนของป้อมปราการเฟยอวิ๋นในที่สาธารณะได้ไม่อายฟ้าดิน” เสียงตะโกนเย็นชาที่น่าเกรงขามลอยออกมาจากฟากฟ้า
เจียงหลีลืมตาขึ้นมอง มีกลุ่มคนปรากฏตัวขึ้น ซึ่งล้วนแต่สวมเสื้อสีขาวและชุดคลุมสีน้ำเงิน
คนเดินนำแข็งแกร่งและทรงพลังนัก สามารถพูดได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกับเสิ่นฉงศิษย์พี่ใหญ่ของนาง
หลิงหวง! เจียงหลีแอบพูดในใจ
พวกเจียงเฮ่ายืนอยู่ด้านหลัง และขณะนี้ เจียงหลีได้รับการคุมกันจากพวกเสิ่นฉงทั้งสาม เขาจึงไม่ต้องกังวล แต่ในฐานะพี่ชายแท้ๆ ของเจียงหลี เขากลับรู้สึกผิดอยู่บ้างในใจ
หากข้าแข็งแกร่งกว่านี้! แข็งแกร่งกว่านี้! ก็จะสามารถปกป้องอาหลีได้ด้วยตัวเอง! เจียงเฮ่ายังคงเงยหน้าขึ้นมองหลิงหวงของป้อมปราการเฟยอวิ๋นที่ปรากฏกายบนท้องฟ้า
หลังจากที่อวิ๋นเซียวขึ้นจากน้ำ เขาถูกโยนลงบนโขดหินทันที ศิษย์จากป้อมปราการเฟยอวิ๋นที่ยืนอยู่ข้างหลังมองไปทางโขดหินนั่น และมีเพียงหลิงหวงที่ยืนอยู่บนท้องฟ้า
อวิ๋นเซียวยังไม่ตาย เจียงหลีเหลือบมองโขดหินก็รู้ทันที แต่ก็ไม่เป็นไร ชีวิตของอวิ๋นเซียว วันหนึ่งวันใด นางปลดชีวิตเขาอย่างสง่าผ่าเผยได้แน่ และโอกาสที่เหมาะสมที่สุดคือวัน งานปาฐกถาเจ้าครองนคร
“ข้านึกว่าเป็นใครเสียอีก ที่แท้คือพี่พั่วเทียนนี่เอง” เสิ่นฉงยิ้มอย่างสุภาพ
คนรู้จักหรือ
เจียงหลีเหลือบมองเสิ่นฉงอย่างสงสัย
“อ่ะแฮ่ม ชายผู้นี้เคยพ่ายแพ้ให้กับศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าขณะที่อยู่ในระดับหลิงหวัง” ซีไหลป้องริมฝีปากไอเบาๆ และอธิบายให้เจียงหลีฟังด้วยเสียงทุ้มต่ำ
พ่ายแพ้ให้กับศิษย์พี่ใหญ่หรือ
สีหน้าของเจียงหลีแปลกไป
“แต่ก็ไม่ควรประมาท เขาเข้าสู่อาณาเขตหลิงหวงนานกว่าศิษย์พี่ใหญ่” คุนอู๋กระซิบ
เจียงหลีขมวดคิ้ว
ซีไหลคาดผิดไป คิดว่านางกังวลว่าเรื่องของวันนี้ไม่อาจจบลงได้ด้วยดี จึงยิ้มปลอบ “ไม่เป็นไรนะ เรื่องเล็กแค่นี้ ศิษย์พี่ทั้งสามรับมือไหว จากนี้ไป เจ้าออกไปข้างนอกได้โดยไม่ต้อ องกังวลเรื่องนี้อีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีพวกเราสามคนช่วยจัดการให้เสมอ”
ฮะ!
เจียงหลีมองไปที่ซีไหลด้วยความประหลาดใจ
“ศิษย์น้องเล็ก ศิษย์พี่รองของเจ้าพูดถูก ไม่ว่าในวันข้างหน้าอยู่ข้างนอกใครกล้ารังแกเจ้าก็ตาม เจ้าสู้ไหวก็สู้ไป ฆ่าตายไปก็ไม่เป็นไร สู้ไม่ไหวก็ให้วิ่งหนี แล้วพวกพี่จะจัดการต ต่อเอง” คุนอู๋ก็พูดขึ้น
“พวกศิษย์พี่…” เจียงหลีอธิบายไม่ถูกเล็กน้อย สงสัยว่าทำไมศิษย์พี่ทั้งหลายถึงพูดคำพูดที่พลันรู้สึกตื้นตันใจเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม หากพูดว่าไม่ซาบซึ้ง ก็คงจะไม่จริง
ขณะที่ทั้งสามพูดเสียงเบา เสิ่นฉงและอวิ๋นพั่วเทียนเปิดสงครามน้ำลายใส่กันแล้ว
“เสิ่นฉง ในที่สุดเจ้าก็เต็มใจที่จะเข้าสู่อาณาเขตหวงสักทีนะ!” น้ำเสียงของอวิ๋นพั่วเทียนเต็มไปด้วยความประชดประชันจากบนท้องฟ้า
“เจ้าเข้าแล้ว ข้าจะไม่เข้าได้อย่างไร” เสิ่นฉงยิ้มกริ่มตอบกลับ
อวิ๋นพั่วเทียนไม่ได้โกรธ แต่กลับหัวเราะแทน “เกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ว่าเจ้าจะเข้าร่วมงานปาฐกถาเจ้าครองนครอีกรอบหรอกหรือ ตัดใจได้แล้ว และคิดว่าฮวงเสินอยู่ในกลุ่มอำนาจระดับกลาง ก็พอใจแล้วอย่างนั้นหรือ”
เสิ่นฉงมองเขาอย่างเห็นอกเห็นใจ “อวิ๋นพั่วเทียนเอ๋ยอวิ๋นพั่วเทียน ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าภูมิใจกับอะไร ตอนนั้นในงานปาฐกถาเจ้าครองนคร เจ้าพ่ายแพ้ให้กับข้า ถึงแม้ป้อมปราการเฟยอวิ นจะได้รับชัยชนะ ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าเลย”
ใบหน้าของอวิ๋นพั่วเทียนหม่นหมองและพูดอย่างเย็นชา “หึ! มันเป็นการต่อสู้เพียงรอบเดียว และเจ้าแค่โชคดีเลยเอาชนะข้าได้ก็เท่านั้น”
“สู้กันจนเจ้ากระอักเลือด ลอยออกจากสนามประลอง ยังบอกว่าข้าโชคช่วยอย่างนั้นหรือ” เสิ่นฉงดูเหมือนจะตกใจมากและพยักหน้าด้วยความตื่นตระหนก “คำพูดที่ออกจากปากของคนป้อมปราการเฟยอว วิ๋น ช่างฟังดูไพเราะเสียจริง! แต่ขัดกับข้อเท็จจริงไปเสียหน่อย”
เหตุการณ์ของตอนนั้นถูกเสิ่นฉงเปิดโปงอย่างไร้ความปรานี ไม่ไว้หน้าอวิ๋นพั่วเทียนเลย
โดยเฉพาะศิษย์ร่วมสำนักที่เคารพเขาต่างมองเขาด้วยสายตาที่แปลกไป ตอนนี้ เขาอยากจะฆ่าเสิ่นฉงตายๆ ไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“เสิ่นฉง เจ้ากล้าขึ้นมาประลองกับข้าหรือไม่!” อวิ๋นพั่วเทียนท้าทายเสิ่นฉง
เสิ่นฉงยกริมฝีปากขึ้นอย่างเฉยเมยเฉกเช่นทุกวัน “ทำไมจะไม่กล้าเล่า” หลังจากพูดจบ เขาก้าวเท้าออกไป ร่างส่องแสงระยิบระยับ แล้วปรากฏตัวบนท้องฟ้า ยืนอยู่ตรงข้ามกับอวิ๋นพั่วเทียน
ผู้คนที่เพิ่งออกมาจากดินแดนผนึกมาร นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดทันทีที่พวกเขาออกมา
แต่ผู้อาวุโสของพวกเขา เมื่อมองเห็นคนของป้อมปราการเฟยอวิ๋น กลับมีสีหน้าลุ่มลึก
เมื่อสองปีที่แล้ว ป้อมปราการเฟยอวิ๋นหยิ่งผยองเกินไป ช่วงชิงจำนวนคนที่กำหนดให้เข้าไปฝึกประสบการณ์ในดินแดนผนึกมารไปมากถึงสิบคน หลากหลายกลุ่มอำนาจไปถึงป้อมปราการเฟยอวิ๋นเพื่อถก กันด้วยเหตุผล แต่กลับถูกปิดประตูใส่หน้า
พูดเพียงประโยคเดียวว่าท่านประมุขกำลังเก็บตัว ไม่พบแขก ก็สามารถไล่พวกเขากลับได้แล้ว
อยากให้รู้ไว้ว่ากลุ่มอำนาจทั้งสามนั้น ก็เป็นกลุ่มอำนาจระดับสูงเทียบเท่ากับป้อมปราการเฟยอวิ๋นเช่นเดียวกัน!
ป้อมปราการเฟยอวิ๋นกระทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าทุกคนจะลุกฮือเลยหรือ
แต่พวกเขากลับไม่ได้ทำเช่นนี้ขึ้นมาจริงๆ
การต่อสู้ระหว่างเสิ่นฉงกับอวิ๋นพั่วเทียนครั้งนี้ เป็นสงครามในอาณาเขตระดับหลิงหวงและพบเจอได้ยากนัก ในเวลานี้ ลูกศิษย์หนุ่มสาวทั้งหลายต่างจ้องมองไปบนท้องฟ้า
ทั้งสองเป็นคู่แค้นกันมาช้านาน และอวิ๋นพั่วเทียนเคยเป็นคู่ต่อสู้ที่พ่ายแพ้ต่อเสิ่นฉงมาก่อน เพียงแต่เสิ่นฉงตั้งใจกดระดับการฝึกฝนของตนเอาไว้ อวิ๋นพั่วเทียนจึงเข้าสู่ระดับหลิง หวงก่อน
หากต่อสู้กันอีกครั้ง คงยากที่จะบอกว่าใครแพ้ ใครชนะ
แต่สำหรับผู้อาวุโสของกลุ่มอำนาจอื่น พวกเขาอยากให้เสิ่นฉงชนะ ตบหน้าที่หยิ่งผยองของป้อมปราการเฟยอวิ๋น
บนท้องฟ้า ขณะที่อวิ๋นพั่วเทียนและเสิ่นฉงปะทะกัน พลังวิญญาณอันทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดขึ้นทันที
แสงระยิบระยับที่แยงตาบดบังร่างของพวกเขาทั้งสองคน ทำให้ฝูงชนที่อยู่บนพื้นดินมองไม่เห็นว่าพวกเขาออกอาวุธอะไรกัน
โฮกกก!
ในแสงสว่างนั้น ก้อนเมฆลอยขึ้น และเสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังขึ้น
สายลมพัดผ่าน บีบบังคับให้ผู้คนที่อยู่บนพื้นก้าวถอยหลัง
นี่คือพลังของอาณาเขตหลิงหวงหรือ แข็งแกร่งยิ่งนัก! เมื่อเทียบกับอาณาเขตหลิงหวังแล้ว แข็งแกร่งกว่าไม่รู้กี่เท่า! ภายใต้การคุ้มกันของศิษย์พี่ทั้งสอง เจียงหลีถอยหลังไปหลาย ก้าว
นางหรี่ตาและปลดปล่อยพลังจิตออกมา แต่ก็ไม่สามารถจับร่างทั้งสองที่ต่อสู้อยู่บนท้องฟ้าได้
“สังหาร!”
เสียงตะโกนที่ดุดันดังขึ้น
เจียงหลีจำได้ว่านี่คือเสียงของเสิ่นฉง
ในชั่วพริบตา แสงสว่างขั้นสุดแยกออกจากอากาศ และท้องฟ้าดูเหมือนจะถูกผ่าหลังจากการออกอาวุธ
ดวงตาของฝูงชนจับจ้องไปที่พลังอันน่าอัศจรรย์ ไม่รู้ว่าอวิ๋นพั่วเทียนจะรับมือได้หรือไม่ ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ตกใจในใจเสิ่นฉงที่เพิ่งเข้าสู่ระดับหลิงหวง แต่กลับมีพลังการต่อสู้ ที่ทรงพลังเช่นนี้
ไม่แปลกใจเลย! ลูกศิษย์ของตำหนักเย่า แห่งฮวงเสิน ล้วนมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาและไม่ควรมองข้าม!
หลายคนละสายตาออกจากท้องฟ้าและมองไปยังเจียงหลีผู้ซึ่งได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างแน่นหนาจากทั้งซีไหลและคุนอู๋
ตำหนักเย่า! กลุ่มออำนาจฮวงเสิน!
ดูเหมือนว่าศิษย์ของตำหนักเย่าทุกคนล้วนสามารถจารึกปาฏิหาริย์ของตนเองบนดินแดนซีฮวงแห่งนี้ ถ้าอย่างนั้น ศิษย์คนใหม่ของตำหนักเย่า ยิ่งเป็นศิษย์หญิงด้วยแล้ว จะจารึกปาฏิหาริย์ไ ไว้เช่นไรกัน
ฮึ่ม!
เสียงจากบนท้องฟ้าดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันใด…