ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 195 เข้าไปในอาณาเขตหลิงอู่อีกครั้ง! (1)
“…”
คำพูดและความตั้งใจที่มั่นใจของเขาทำให้เจียงหลีตะลึงงัน
“ใจเย็นๆ นะใจเย็นๆ” เจียงหลีเอ่ยกับไหสุราที่สั่นไปมาบนโต๊ะ
“เจียงหลี ช่วยข้าเถิดนะ” เมื่อไหสุราหยุดสั่นไปมา แต่กลับมีเสียงของเว่ยจี๋ดังขึ้นมาเพื่ออ้อนวอนอย่างไม่ลดละ
เจียงหลียิ้มเจื่อนอย่างปล่อยวาง “ข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร ศิษย์พี่ใหญ่ก็มองไม่เห็นเจ้า เจ้าไปฝากตัวเป็นศิษย์ได้อย่างไร จะว่าไป ข้าจะอธิบายถึงการมีอยู่ของเจ้ากับศิษย์พี่ใหญ่อย่า างไร”
“ข้ามีวิธี” เว่ยจี๋เอ่ย
“วิธีอะไร” เจียงหลีชะงักไป
เว่ยจี๋เอ่ยต่อ “ขอแค่เพียงข้าอยู่ไม่ห่างจากไหสุราเกินหนึ่งจั้ง[1] ก็จะไม่มีปัญหาอะไร เช่นนี้ เจ้าก็หาเวลาวันหนึ่ง หาข้ออ้างไปดูเขากลั่นสุรา จากนั้นก็นำไหสุราไปวาง ในจุ ดที่ข้าจะมองเห็นเขากลั่นสุราได้อย่างไรเล่า”
“นี่ไม่ได้เรียกว่าฝากตัวเป็นศิษย์แล้ว นี่มันเรียกการขโมยวิชา” เจียงหลีกลอกตา
“เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้หรอก” เว่ยจี๋กลับไม่เห็นด้วย “เจ้าก็แค่นำไหสุราไปวางไว้ตรงสถานที่ที่เขากลั่นสุรา เช่นนี้ข้าก็จะสามารถดูเขากลั่นสุราได้ตลอดเวลา”
“จะเป็นไปได้เช่นไร” เจียงหลีคัดค้าน “เจ้าอย่าลืมว่าทำไมข้าถึงพาเจ้ากลับมาด้วย”
“ไม่ลืม! ถึงอย่างไรตอนนี้เจ้าก็มีพื้นฐานวิชาปลุกเสกหุ่นเชิดแล้ว ไม่ต้องให้ข้าอยู่ข้างกายเจ้าตลอดเวลาหรอก เช่นนี้ หลังจากข้าสอนวิชาปลุกเสกหุ่นแล้ว เจ้าก็ฝึกฝนด้วยตนเองไปก่อน ไม่เข้าใจสิ่งใด ก็ค่อยมาถามข้าอีกที” เว่ยจี๋เอ่ย
สีหน้าของเจียงหลีมีความโมโหเล็กน้อย นางกำมือแน่น แสดงให้เห็นถึงในขณะนั้นนางอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก เว่ยจี๋คนนี้ เมื่อพบคนหรือเรื่องราวที่เกี่ยวกับสุรา ก็จะสติแตกง่ายๆ ในทันที
“ข้าอยากทุบไหสุราเจ้าให้แตกนัก” ดวงตาคู่ของเจียงหลีหรี่ลง ยิ้มแล้วเอ่ย
“อย่านะ” เว่ยจี๋รีบเอ่ย
“อย่าอย่างนั้นหรือ” มุมปากเจียงหลีเหยียดยิ้มเหมือนคิดใคร่ครวญ
“หลังเจ้าทุบมันทิ้ง ศิษย์พี่ให้ของเจ้าจะเสียใจ ไหสุรานี้ มีเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า” เว่ยจี๋อธิบาย
เจียงหลีค่อยหลับตาลง พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้สงบ
“เจียงหลี…”
เจียงหลีนิ่งเงียบไม่พูด ทำให้เว่ยจี๋อ้อนวอน “เจ้ารู้กิเลสของข้าคืออะไร หรือว่าเจ้ายอมเห็นข้าคงอยู่ในรูปแบบของกิเลสนี้ตลอดไปหรือ”
“พอได้แล้ว!” เจียงหลีลืมตา แววตาแสดงให้เห็นถึงการประนีประนอม
ขณะที่อยู่ดินแดนผนึกมาร เขาก็ถือว่าช่วยนางไปไม่น้อย ครั้งนี้ ถือว่าเป็นตอบแทนแล้วกัน
“เจ้าตอบตกลงแล้ว!” เว่ยจี๋รู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง
“อืม” เจียงหลีตอบกลับสั้นๆ อย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก
“แล้วพวกเราจะไปกันเมื่อใด” เว่ยจี๋รีบเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
เจียงหลีเอ่ยอย่างจำใจ “ช้าไปอีกไม่กี่วันได้หรือไม่ ให้เจ้าสอนวิชาหุ่นเชิดกับข้าอีกเล็กน้อย แล้วข้าจะนำเจ้าไปวางไว้ที่ศิษย์พี่ใหญ่หมักสุรา”
นางเข้าใจแล้ว เมื่อมองจากความหลงใหลของสุราของเว่ยจี๋ ก็ทำได้เพียงนำเขาไปอยู่ในที่เสิ่นฉงหมักสุรา นางถึงจะอยู่ได้อย่างสงบ
“ไม่มีปัญหา!” เว่ยจี๋ก็เปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมา
…
วันที่สอง เดิมทีเจียงหลีตัดสินใจที่จะไปคาราวะซือจุน แต่รู้ว่าท่านประมุขยังคงไม่ออกมาจากการบำเพ็ญปฏิบัติ ดังนั้น นางจึงกลับไปที่ตำหนักตนเอง เพื่อฝึกฝนวิชาหุ่นเชิดกับเว่ย ยจี๋ต่อ
วันที่สาม วันที่สี่ เสิ่นฉงรวมพวกสามคนแบ่งกันทดสอบการฝึกฝนด้านต่างๆ ของนาง
เมื่อพอใจแล้ว จึงอนุญาตให้นางพักได้หนึ่งวัน ออกไปนอกตำหนักเย่าได้
เดิมเจียงหลีอยากไปหาคนคุ้นเคยอย่างลู่เสวียน เหวินเหรินชิ่งชิ่ง หนานอู๋เฮิ่น เฟิงสิงอวิ๋น แต่คิดไม่ถึงว่า ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งออกจากประตูหุบเขาเพื่อไปฝึกฝน ส่วน หนานอู๋เฮิ่นและเฟิงสิงอวิ๋นได้รับมอบหมายหน้าที่ให้กลับไปที่สถาบันไป๋หยวนที่หนานฮวง
ทำให้พลาดกันอย่างน่าเสียดาย เจียงหลีทำได้เพียงกลับตำหนักเย่า เพื่อฝึกฝนวิชาปลุกเสกหุ่นต่อ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน
เว่ยจี๋ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ในที่สุดเจียงหลีก็เอ่ยปากขอเสิ่นฉงไปเยี่ยมชมสถานที่หมักสุราของเขา ในเรื่องนี้ เสิ่นฉงก็ตอบรับด้วยความยินดี
โรงหมักสุรานี้ เจียงหลีไม่ได้สนใจอะไรมาก แค่ดูผ่านๆ แล้วหามุมดีๆ เพื่อวางไหสุรา “ศิษย์น้องเล็ก เจ้ากำลังทำอะไร” เสิ่นฉงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เจียงหลีพูดข้ออ้างที่คิดไว้มาแล้ว “ข้าเห็นว่าศิษย์พี่ใหญ่ชอบไหสุรานี้มากจนวางไม่ลง ข้าเลยเอามาฝากไว้ที่ท่านก่อน วันใดที่ข้าอยากชื่นชม ค่อยมาดูที่นี่ก็ได้ หรือว่านำ ำกลับกลับไปไม่กี่วันแล้วส่งกลับก็ได้”
“นี่…” เสิ่นฉงคิดไปเองว่า นางคงเห็นว่าเขาชอบไหสุรานี้ จึงตั้งใจหาข้ออ้างเพื่อเอามาทิ้งไว้
“ได้หรือไม่…ศิษย์พี่ใหญ่” แววตาเจียงหลีแสดงถึงการอ้อนวอน ไร้ซึ่งการเสแสร้ง
เสิ่นฉงทำได้เพียงพยักหน้า “ได้ ถ้าอย่างนั้นก็เอาไว้ที่ข้าก่อน และเจ้าจะมาเอาคืนไปเมื่อไหร่ก็ได้”
“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่มาก” เจียงหลียิ้มอย่างสดใส
หูของนางจะได้ไม่ต้องมาทนกับการพึมพำจากเว่ยจี๋อีกต่อไปแล้ว
“จริงสิ ศิษย์น้องเล็ก ช่วงเวลานี้ เจ้าบำเพ็ญพลังวิญญาณได้อย่างสบายใจเลยนะ ข้าจะให้คนนำทรัพยากรการฝึกส่งไปที่ตำหนักของเจ้า รออีกสักพัก หลังซือจุนออกจากบำเพ็ญ เมื่อถึงเวลา านั้น ก็ถึงเวลาที่เจ้าจะได้ขึ้นสู่ระดับหลิงหวังแล้ว” เสิ่นฉงเอ่ยกับเจียงหลีอย่างจริงจัง
วันหนึ่งเมื่อเจียงหลีได้ระดับหลิงหวัง นางก็จะมีคุณสมบัติที่จำได้เข้าร่วมงานปาฐกถาเจ้าครองนคร
แต่เมื่อวันนั้นมาถึง หน้าที่ที่เจียงหลีจะต้องแบกรับก็จะเพิ่มขึ้นทวีคูณ
“ศิษย์น้องเล็ก ลำบากเจ้าแล้ว” เสิ่นฉงพูดออกมาประโยคหนึ่งด้วยสีหน้าที่ดูยุ่งเหยิง
เจียงหลียิ้มอย่างไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด “ศิษย์พี่ ต่อให้ข้าไม่ได้ระดับหลิงหวัง แล้วจะหลีกเลี่ยงเรื่องราวทั้งหมดนี้ไปได้หรือ”
เสิ่นฉงชะงักไป
“แน่นอนว่าไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็ต้องยืนอยู่ตรงจุดสูงสุด ให้พวกชั่วทั้งหลายแหล่ไม่กล้ามาเหิมเกริมต่อหน้าข้าอีก ทำให้พวกที่ลอบทำชั่ว หายไปจากใต้แสงอาทิตย์นี้” เจียงหลีเอ่ยอย่ างมีแรงฮึดสู้เป็นอย่างมาก
เสิ่นฉงยิ้ม เพราะคำพูดที่ยิ่งใหญ่ของเจียงหลี สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยการปล่อยวางและปลื้มใจ
…
วันที่เหลืออยู่ เจียงหลีฟังคำสั่งของเสิ่นฉง มุ่งมั่นสั่งสมพลังวิญญาณ ในทุกๆ วันต้องมีความเข้าใจและตระหนักในการฝึกหลิงซือเพิ่มมากขึ้น
เวลาสองเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วันนี้ ในที่สุดท่านประมุขฮวงเสินออกจากการบำเพ็ญตบะ แล้วเรียกเจียงหลีและคุนอู๋ไปพบ ในเวลานี้ เจียงหลีถึงรู้ว่า สิ่งที่ศิษย์พี่สามพูดว่ารอนางนั้น หมายความว่าอะไร
ที่แท้ ท่านอาจารย์ตั้งใจให้ศิษย์พี่และศิษย์น้องสองคน เข้าไปในอาณาเขตหลิงอู่พร้อมกับนาง เพื่อไปตามหาวิญญาณยุทธ์ของตนเอง
มีคุนอู๋ไปเป็นเพื่อน เจียงหลีรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก
เมื่อรู้ถึงการวางแผนนี้ เจียงหลีถึงกับอุทานออกมาด้วยความตื้นตันใจที่ท่านประมุขฮวงเสินให้ความสำคัญกับนางมากเช่นนี้
ก่อนออกเดินทาง เจียงหลีแวะไปหาเว่ยจี๋สักพัก
“เป็นอย่างไรบ้าง ในสองเดือนนี้เจ้าได้รู้อะไรบ้าง” เจียงหลีเห็นเว่ยจี๋มีท่าทางหน้ามุ่ยคอตกอย่างชัดเจน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อ
“ไม่ต้องพูดถึงเลย ในสองเดือนนี้ ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าไม่ได้หมักสุรา มาที่นี่ ก็มาเพียงชื่นชมไหสุราของข้า” เว่ยจี๋ถอนหายใจยาว
“ฮ่าๆๆ…” เจียงหลีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังขึ้นมา
“เจ้ายังจะหัวเราะอีก!” เว่ยจี๋กลัดกลุ้มใจเป็นที่สุด
เจียงหลีกลั้นหัวเราะไม่อยู่ แล้วพูดกับเขา “นี่เป็นสิ่งที่เจ้าเลือกเองนี่นา”
เว่ยจี๋ยิ่งกลัดกลุ้มใจขึ้นไปอีก
“เอาล่ะ ข้าต้องไปแล้ว” เจียงหลีลุกขึ้นมา กล่าวลากับเว่ยจี๋
“เจ้าจะไปอาณาเขตหลิงอู่แล้ว?” เว่ยจี๋เงยหน้าขึ้นมา
เจียงหลีพยักหน้า
“ระวังตัวด้วย” เว่ยจี๋ทำได้เพียงแค่เตือน
“อืม” เจียงหลีออกจากห้องกลั่นสุราของของเสิ่นฉง และพบกับเสิ่นฉงที่อยู่ด้านนอก นางเอ่ยกับเสิ่นฉง “ศิษย์พี่ใหญ่ กลั่นสุราให้ข้าสักไหหนึ่งสิ เพื่อต้อนรับการกับมาจากอาณาเขต หลิงอู่ของข้ากับศิษย์พี่สาม”
เสิ่นฉงรู้สึกแปลกใจในการขอร้องของนาง แต่ก็ยังพยักหน้าตกลง
[1] จั้ง หน่วยวัดความยาวของจีน 1จั้ง เท่ากับ 3.33 เมตร