ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 196 เข้าไปในอาณาเขตหลิงอู่อีกครั้ง! (2)
เจียงหลีและคุนอู๋ร่วมเดินทางไปในอาณาเขตหลิงอู่ด้วยกัน เพื่อไล่ล่าหาวิญญาณยุทธ์ของตนเอง ส่วนร่างกายของพวกเขา มีท่านประมุขปกป้องด้วยตนเองอยู่
แม้กระทั่ง ทางเข้าอาณาเขตหลิงอู่ ท่านประมุขก็เป็นคนเปิดเอง
“ไปเถิด” ท่านประมุขยิ้มให้ทั้งสองอย่างอ่อนโยน
“ขอรับ ซือจุน!”
“เจ้าค่ะ ซือจุน!”
เจียงหลีและคุนอู๋ เอ่ยแสดงความเคารพซือจุนพร้อมกัน
ดวงตาของท่านประมุขมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ หยุดการปล่อยพลัง มองไปด้านบน คล้ายกับพฤติกรรมของคนผู้สูงอายุทั่วไป สายตาของเขา เริ่มจากมองไปทางเจียงหลีแล้วมองไปทางคุนอู๋
คุนอู๋มีความรู้สึกซึ้งใจ ยิ้มแล้วเอ่ย “ซือจุนวางใจเถิด ข้ารู้ว่าศิษย์น้องเล็กเป็นศิษย์รักของท่าน ข้าจะดูแลนางเป็นอย่างดี ไม่ให้ใครมารังแกนางได้”
เจียงหลีปิดปากเงียบ
ท่านประมุขกลับหัวเราะออกมาสั้นๆ แล้วเอ่ยกับเขา “พวกเจ้าล้วนเป็นลูกศิษย์ที่ข้ารัก อยู่ในอาณาเขตหลิงอู่ไม่ต้องหาเรื่อง แต่ก็ไม่ต้องกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นด้วย”
“ทราบแล้วขอรับ” คุนอู๋หัวเราะ
คำพูดพวกนี้ เอาไว้กำชับเด็กน้อยอย่างเจียงหลียังจะดีกว่าเสียอีก เขาอายุเท่าไรกันแล้ว ยังโดนกำชับอีก
ทางเข้าอาณาเขตหลิงอู่เปิดออกแล้ว เจียงหลีและคุนอู๋หาที่นั่งของตนเอง วิญญาณถูกดูดเขาไปในอาณาเขตหลิงอู่
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เจียงได้เข้ามาอาณาเขตหลิงอู่ เมื่อคิดถึงหลายสิ่งที่ต้องประสบพบเจอตอนเข้ามาในอาณาเขตหลิงอู่ครั้งแรกนั้น นางก็ยิ้มขึ้นมา ปล่อยตัวตามสบาย ปล่อยให้เป็นไปตามเรื่องราว
“ศิษย์น้องเล็ก หากเจ้าอยากได้วิญญาณยุทธ์ที่อยู่ในใจก็บอกข้า ศิษย์พี่จะช่วยเจ้าหา” คุนอู๋ยืนอยู่ข้างเจียงหลี ใบหน้าที่งดงามของเขามีรอยยิ้มปรากฏอยู่
เจียงหลีครุ่นคิดไปชั่วครู่ แล้วเอ่ยกับคุนอู๋ “ข้าอยากได้ประเภทโจมตี แต่ยังไม่ได้เลือกไว้”
“ในอาณาเขตหลิงอู่ มีวิญญาณยุทธ์ประเภทโจมตีและป้องกันมากมาย ยังไงก็ไม่ต้องรีบ พวกเราค่อยๆ หาก็ได้” คุนอู๋เอ่ย
“อืม” เจียงหลีพยักหน้า
“ไปเถอะ” คุนอู๋พเยิดคาง พาเจียงหลีเดินเข้าไปทางภูเขานับแสนลูกในอาณาเขตหลิงอู่ …
ณ ตำหนักเย่า เสิ่นฉงอยู่ในโรงหมักและกลั่นสุรา เสียงของน้ำไหลดังออกมา
เว่ยจี๋ยืนจ้องอย่างตื่นเต้นอยู่ข้างๆ ในดวงตาที่เรียวยาวสวยงามนั้น มีน้ำตาคลออยู่แต่แรกแล้ว
ไม่ง่ายเลยจริงๆ ไม่ง่ายเลย!
เขายื่นเฝ้ามาสองเดือนเต็มๆ ในสุดก็ได้เห็นอาจารย์เสิ่นฉงหมักและกลั่นสุราแล้ว!
ยังดีที่ตอนนี้เว่ยจี๋เป็นเพียงเศษเสี้ยวของกิเลส ไม่ใช่คนจริงๆ ไม่เช่นนั้นใจของเขาคงเต้นจนทะลุออกมาแล้ว
ก็องๆ แก๊งๆ
เสิ่นฉงสวมเสื้อขาวทั้งตัว ยืนอยู่ข้างๆ แอ่งน้ำแร่ ใช้กระบวยไม้ตักน้ำแร่ที่ไหลลงมาจากภูเขา ขึ้นมาบริเวณริมผีปากเพื่อดื่ม
ริมฝีปากของเขา ค่อยๆ แตะโดนตรงขอบ น้ำแร่ที่ใส่สะอาดไม่กี่หยด ไหลออกจากมุมปากของเขามาบริเวณคาง และไหลลงบนพื้น
เว่ยจี๋เบิกตาโตเพื่อจ้องมอง ไม่อยากพลาดแม้เพียงชั่วขณะที่เสิ่นฉงกลั่นสุรา แต่ว่า ในขณะที่เขามองฉากตรงหน้านี้ อยู่ๆ กลับทำให้เขาชะงักงันไปชั่วครู่
สายลมอ่อนๆ พัดผ่านใบไผ่พลิ้วไหว เข้ามาภายในห้องกลั่นสุรา ผสานกับความหอมของกลิ่นสุราที่ยังคงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ทำให้ชวนหลงใหลยิ่งนัก เสิ่นฉงที่สวมชุดสีขาว โดนสายลมอ่อนพัดมุมเสื้อเลิกขึ้นมา ผมยาวดำขลับดูราวกับเต้นรำอยู่ในสายลม ติดแนบไปตรงบริเวณแก้มของเขาอย่างไม่ตั้งใจ เขาไม่ได้ใส่ใจ ยกมือขึ้น ปัดผมลงมา
สีหน้าท่าทางของเขา ดูอ่อนโยนอยู่เสมอ ท่าทางที่เชื่องช้าแต่กลับดูระมัดระวังรอบคอบไม่มีใครเทียบได้ ในทุกๆ ขั้นตอน เขาล้วนทำด้วยความตั้งใจ
เวลาค่อยๆ ผ่านไป เว่ยจี๋เริ่มมีความลุ่มหลง
เขาคิดว่าการที่มองเสิ่นฉงกลั่นสุรา เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม
เสิ่นฉงกลั่นสุรา ไม่ได้อาศัยสิ่งใดในการทุ่นแรง และทำเหมือนคนปกติทั่วไป ลงมือทำเองในทุกๆขั้นตอน คัดสรร ตรวจสอบอย่างพิถีพิถัน…
ภายในห้องกลั่นสุรามีอุณหภูมิสูง เพียงชั่วครู่ เสิ่นฉงมีเหงื่อไหล หยาดเหงื่อเปียกไปตรงบริเวณเสื้อ จนทำให้เห็นร่างกายทะลุผ่านเสื้อออกมาได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น บนผิวก็เริ่มมีเลือดฝาด
เว่ยจี๋ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เอียงคอเท้าแขน นอนเอนกายอยู่ด้านบนห้องกลั่นสุรา ที่นี่ เดิมที่เป็นสถานที่กักเก็บสุราที่กลั่นเสร็จแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีการหมักและกลั่นสุราครั้งใหม่ สถานที่นี้จึงว่างเปล่า
เขาเอนกายอยู่ที่นี่อย่างสบาย ดวงตาที่คล้ายดังหงส์หรี่ลงเล็กน้อย เหมือนกำลังเพลิดเพลินกับการมองเสิ่นฉงกลั่นสุรา
เรื่องที่น่าเบื่อเช่นนี้ แต่เขากลับทำได้อย่างสนุกสนาน มากจนกระทั่ง เขาลืมให้ความสนใจในขั้นตอนการกลั่นสุราของเสิ่นฉง แต่กำลังชื่นชมกับท่าทางอากัปกิริยาในการกลั่นสุราของเขาแทน
ทันใดนั้น เสิ่นฉงรู้สึกเหมือนมีใครกำลังแอบมองอยู่ แววตาที่ดูเย็นชาแต่แอบแฝงไปด้วยความอ่อนโยน ค่อยๆ กวาดมอง
ไม่มีใคร
ในแววตา มีความลังเลปรากฏให้เห็น เสิ่นฉงละสายตา ไตร่ตรองอยู่สักพัก แล้วหมุนคออย่างช้าๆ ก้มหน้าลงมือทำต่อ
ริมฝีปากของเว่ยจี๋ยกขึ้น ผิวที่ขาวยิ่งดูเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น แววตามีประกายของการหยอกเย้า ดูคล้ายกับเด็กที่ชอบกลั่นแกล้ง
…
ณ อาณาเขตหลิงอู่ เจียงหลีและคุนอู๋เดินทางร่วมกัน เหนือศีรษะมีวิญญาณยุทธ์ประเภทสัตว์ปีกบินอยู่ ทุกๆ ตัวมีลมปราณที่ทรงพลัง ทำให้คนนั้นรู้สึกสั่นเทา
“ศิษย์พี่สาม ทำไมอาณาเขตหลิงอู่ในครั้งนี้ไม่เหมือนกับที่ข้าเคยมาในอดีต” เจียงหลีละสายตาจากการมองบนท้องฟ้า แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย
หลังจากเข้ามาในภูเขาลูกใหญ่นี้ เจียงหลีพบว่า ต้นไม้พืชพันธุ์ของที่แห่งนี้ดูใหญ่ผิดปกติ คล้ายกับ สร้างมาเพื่อให้สมส่วนกับวิญญาณยุทธ์เหล่านั้น
“อาณาเขตหลิงอู่ก็มีการแบ่งเขตพื้นที่ บางทีที่ที่เจ้าไปในครั้งที่แล้ว น่าจะเป็นพื้นที่วงแหวนชั้นนอก” คุนอู๋ตอบอย่างสบายๆ
พื้นที่วงแหวนชั้นนอก!
สายตาของเจียงหลีตกตะลึง
“อาณาเขตหลิงอู่ยิ่งใหญ่มาก ทุกครั้งที่พวกเราเขามา ก็ไม่อาจที่จะเดินไปได้ทั่วทุกที่ เพราะฉะนั้นเจ้าไม่ต้องตกใจไป” คุนอู๋ยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้น เขตพื้นที่แบ่งกันอย่างไร” เจียงหลีถามอีก
คุนอู๋เอ่ย “อธิบายง่ายๆ คือ วิญญาณยุทธ์แบ่งตามลักษณะนิสัยที่ไม่เหมือนกัน พื้นที่สถานที่อยู่อาศัยก็ย่อมไม่เหมือนกัน และหากจะพูดอีก ระดับสูงต่ำของผู้ฝึกฝนนั้น ก็เปิดทางเข้าได้ไม่เหมือนกัน ทางเข้าที่ซือจุนเปิด และส่งพวกเรามานั้น ก็นับได้ว่า เป็นศูนย์รวมที่มีวิญญาณยุทธ์ที่แข็งแกรงและดุร้ายอยู่ไม่น้อย”
“สามารถเลือกทางเข้าได้หรือไม่” เจียงหลีหรี่ตาของมองไปทางเขา
“ซือจุนทำได้” คุนอู๋ตอบอย่างชัดเจน
ดวงตาคู่นั้นของเจียงหลีหรี่ลง เข้าใจได้อย่างชัดเจน นั่นก็หมายความว่า ต้องได้อยู่ในระดับอาณาเขตเซิ่งหรือผู้เป็นหลิงเซิ่ง ก็จะสามารถเลือกสถานที่เปิดทางเข้าในอาณาเขตหลิงอู่ได้
ระดับหลิงเซิ่ง! ระดับปรมจารย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์
เจียงหลีเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้า บนท้องฟ้าในอาณาเขตหลิงอู่ สัตว์ปีกเหล่านั้นมีรังสีน่าหวาดกลัว มักจะปรากฏกายให้เห็นอยู่เป็นนิจ และลมปราณที่น่ากลัวนี้ กลับไม่ได้ทำให้เจียงหลีรู้สึกหวาดกลัว ในเวลานั้น นางเพียงรู้สึกว่า เขาสูงใหญ่ที่อยู่ด้านหน้ามีต่อกันลูกแล้วลูกเล่า นางแค่เข้ามาอยู่
ซีฮวงได้ไม่กี่ปี แต่ได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ของหลิงหวัง หลิงหวงและยอดฝีมือที่แข็งแกร่ง
ข้าอ่อนแอเกินไป! เจียงหลีมีความรู้สึกถึงความจำเป็นที่เร่งด่วนปรากฏขึ้นอยู่ในใจ
“พวกเราไปกันต่อเถอะ โดยทั่วไปแล้ว ในอาณาเขตหลิงอู่นั้น หากเราไม่เข้าไปหาเรื่องก่อน วิญญาณยุทธ์ก็ไม่โจมตีพวกเรา” คุนอู๋เอ่ยกับเจียงหลี
แต่ทว่า หลังเขาพูดจบเพียงชั่วครู่ ก็มีลมปราณของความน่ากลัวและแข็งแกร่งมากจากที่ห่างไกลด้วยความรวดเร็ว พุ่งมาทางเขาทั้งสอง
คุนอู๋มีสายตาเคร่งเครียด ลากเจียงหลี เหาะขึ้นไปบนต้นใหม่
เมื่อเจียงหลียืนได้อย่างมั่นคง ก็มองเห็นกลุ่มหมอกควันพวยพุ่งมาจากในป่าที่อยู่ไกลออกไป
“มันคือแรด!” เสียงของคุนอู๋ ดังเขามาในหูเจียงหลี
ต่อมา เจียงหลีมองเห็นสิ่งที่สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายภูเขาสูง เท้าเหมือนวัว มีเขาเหมือนกวาง ทะลุออกมาจากกลุ่มควัน…