ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 198 ศิษย์พี่สามนี่กวนจริงๆ เลย
มอออ
ในหลุมขนาดใหญ่ แรดร้องคร่ำครวญตลอดเวลา และมีแสงสีทองจางๆ ปรากฏขึ้นบนร่างกาย ซึ่งเป็นสัญญาณของการพร้อมประสาน
ดูเหมือนว่ามันจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียความสามารถในการต้านทาน
ร่างของเจียงหลีเป็นประกาย และปรากฏตัวข้างๆ คุนอู๋ มองไปยังคนที่ยังคงนอนอยู่บนพื้นและโค้งริมฝีปากยิ้ม “ไม่เจอกันนานเลย มู่เหยี่ยนฉือ”
บุคคลนี้คือเทียนเจียวแห่งวังเทียนอู่กง พี่ชายต่างมารดาของมู่ชิงเหยียน และเคยเป็นองค์ชายรองของราชวงศ์โฮ่วจิ้น
เจียงหลีก็คาดไม่ถึงว่าการค้นหาวิญญาณยุทธ์ที่จะเข้าสู่ระดับหลิงหวังนั้นจะได้บังเอิญพบกับเขา
มู่เหยี่ยนฉือเงยหน้าขึ้น เหลือบมองเจียงหลี แล้วก้มศีรษะลง
เขามีใบหน้าคมชัดและหล่อเหลากำยำ จุดอ่อนข้อเดียวคือเก็บซ่อนความรู้สึกมากเกินไป ทำให้มองไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
คุนอู๋เดินตรงเข้ามาและยิ้มให้กับเจียงหลี แล้วกล่าวว่า “ศิษย์น้องเล็ก ตอนนี้เจ้าควรบอกให้ข้ารู้ได้แล้วว่าตกลงเจ้ากับเขาเป็นอะไรกัน”
เจียงหลียักคิ้ว มองไปที่มู่เหยี่ยนฉือด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้มและกล่าวว่า “เคยเป็นศัตรูกัน แต่ตอนนี้ปรับความเข้าใจกันแล้ว”
คุนอู๋พยักหน้า แม้จะดูเหมือนเข้าใจแต่แท้จริงไม่เข้าใจก็ตาม และสายตาจับจ้องไปยังมู่เหยี่ยนฉือที่เงียบงัน “แรดตัวนั้น ถือว่าเป็นของเจ้าหรือของข้า”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ในที่สุดมู่เหยี่ยนฉือก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง จ้องมองไปที่คุนอู๋ ริมฝีปากบีบแน่นเป็นเส้นตรง และใบหน้าตึงเครียดขึ้น
เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการแรดตัวนี้มาก
แต่ทว่า นิสัยของเขา ไม่อนุญาตให้เขาปริปากร้องขอ
ได้รับการช่วยเหลือ ถือว่าโชคดีมากแล้ว จะขอแรดตัวนี้อย่างไร้ยางอายได้อย่างไร
แววตาดิ้นรนอยู่หลายที ก่อนที่จะมู่เหยี่ยนฉือพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ของท่าน” ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยอมแพ้กับวิญญาณยุทธ์ที่เขาปรารถนา
“อืม! ถือว่าไม่เลว” หลังจากที่คุนอู๋ได้รับคำตอบ เขาเดินไปหาแรดด้วยรอยยิ้ม ยื่นมือออกแตะตัวแรดที่แข็งดั่งเหล็ก และค่อยๆ ชื่นชมมัน
เจียงหลีส่ายศีรษะอย่างหมดคำพูด นางรู้ดีว่าคุนอู๋จะไม่ประสานกับแรดหรอก เพียงแค่อยากหยอกมู่
เหยี่ยนฉือเล่นเท่านั้น
นางรู้สึกว่าศิษย์พี่สามของตนมีพฤติกรรมที่แปลอยู่ประการหนึ่ง นั่นก็คือคนที่ยิ่งชื่นชอบ ก็จะยิ่งเย้าแหย่มากเท่านั้น
ผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาเผยความชื่นชอบที่มีต่อมู่เหยี่ยนฉือออกมาให้เห็น แต่ตอนนี้…
“อ่ะแฮ่ม ศิษย์พี่สาม มู่เหยี่ยนฉือผู้นี้เป็นศิษย์เทียนเจียวจากวังเทียนอู่กง” เจียงหลีแกล้งกระแอมไอและเอ่ยขึ้น
“วังเทียนอู่กงหรือ” คุนอู๋หันหลังและเดินไปหามู่เหยี่ยนฉือ นั่งยองอยู่ตรงหน้าเขา แล้วโน้มตัวเข้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส “เจ้าเป็นลูกศิษย์ของวังเทียนอู่กงจริงๆ หรือ”
มู่เหยี่ยนฉือไม่ค่อยคุ้นชินกับการมีคนเข้ามาประชิดเช่นนี้ ทำให้ตอนนี้ใบหน้าของเขายิ่งตึงเครียด
อย่างไรก็ตาม เขายังคงตอบคำถามของคุนอู๋และพยักหน้า
“แล้วทำไมไม่มีใครในวังเทียนอู่กงของพวกเจ้ามากับเจ้า แต่กลับปล่อยให้เจ้ามาไล่ล่าวิญญาณยุทธ์ลำพัง” คุนอู๋ถามด้วยความสงสัย น้ำเสียงเป็นเดือดเป็นร้อนแทนมู่เหยี่ยนฉือ
มุมปากของเจียงหลีกระตุกเล็กน้อย รู้สึกว่าศิษย์พี่สามของนางกำลังคิดจะแกล้งปั่นปวนเขาอีกครั้ง
“ข้า…”
“โธ่! วังเทียนอู่กงช่างรังแกคนเสียจริงเลย ดูๆ แล้ว เจ้าเป็นคนมีพรสวรรค์ สู้ออกจากวังเทียนอู่กงมาเข้าร่วมกับฮวงเสินเราแทน” คุนอู๋ขัดจังหวะคำพูดที่เตรียมจะอธิบายของมู่เหยี่ ยนฉือ ถึงขั้นสนับสนุนให้เขาทรยศต่ออาจารย์ของเขา
“…” มู่เหยี่ยนฉือมองเขาอย่างตกตะลึง
เจียงหลีก็หมดคำพูด
นางรู้ว่าคุนอู๋แค่ล้อเล่น แต่เมื่อดูจากสีหน้าของมู่เหยี่ยนฉือแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะจริงจังไม่น้อย
ใบหน้าของมู่เหยี่ยนฉือตึงเครียดเล็กน้อย “ท่านผู้อาวุโส ขอบคุณที่ช่วยชีวิต แต่ได้โปรดอย่าพูดถึงเรื่องทรยศอาจารย์กับข้าอีกเลย”
“เหอๆ!” ดวงตาของคุนอู๋เป็นประกาย และไม่ได้โกรธเคืองเพราะน้ำเสียงของเขา เขายื่นมือไปตบที่หน้าอกของมู่เหยี่ยนฉือหลายทีราวกับไม่ได้ตั้งใจ “เป็นเด็กรู้จักคำว่าความภักดีไม่น้อย ยเลยนะ”
ฮึ่ม!
ดูเหมือนคุนอู๋จะไม่ได้ออกแรงตบ แต่มันกลับตกลงบนตำแหน่งที่มู่เหยี่ยนฉือบาดเจ็บ ราวกับก้อนหินและกลองใหญ่ยักษ์มาทับอยู่ก็มิปาน
เขาสบถความไม่พอใจ ใบหน้าอันหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ แต่เขากัดฟันโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“ไอ้หยา ขอโทษที ไปสัมผัสตรงตำแหน่งที่เจ้าบาดเจ็บเสียนี่” คุนอู๋แสร้งทำเป็นตกใจ
“…” มู่เหยี่ยนฉือแหงนหน้ามองเขาด้วยสายตาลุ่มลึกและเต็มไปด้วยอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก ดูเหมือนกำลังกล่าวโทษคุนอู๋ เพราะเห็นได้ชัดว่าเจตนา
“คิกๆ! ” เจียงหลีกลั้นหัวเราะไม่อยู่
ทำไมภาพที่มู่เหยี่ยนฉือโดนศิษย์พี่สามกลั่นแกล้งถึงทำให้มีความสุขเช่นนี้
“หรือให้ข้านวดให้เจ้าไหม” คุนอู๋มองไปที่มู่เหยี่ยนฉือด้วยความจริงใจ
จากนั้น เมินเฉยต่อการปฏิเสธด้วยสายตาของมู่เหยี่ยนฉือ เขายื่นมือออกไปกดหน้าท้องของมู่เหยี่ยนฉือ และออกแรงกด
แคว่ก!
มู่เหยี่ยนฉือสูดลมหายใจเข้า ผลักคุนอู๋ลงไปกองกับพื้น
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เข้าสู่อาณาเขตหลิงอู่ด้วยร่างจริง แต่ก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด! ยิ่งกว่านั้นเพราะเป็นกายวิญญาณ ความเจ็บปวดจึงทวีคูณขึ้นหลายเท่า
เหงื่อเย็นบนหน้าผากของมู่เหยี่ยนฉือไหลหยด เม้มริมฝีปากแน่นจนกลายเป็นสีขาวซีดไปบ้างแล้ว
“ไอ้หยา ดูเหมือนข้าจะออกแรงมากไปหน่อย” คุนอู๋ยืนขึ้น ขมวดคิ้วและกล่าวโทษตัวเอง แต่ในน้ำเสียงนั้น มีการตำหนิตัวเองอยู่ที่ไหนกันเล่า
มู่เหยี่ยนฉือหันศีรษะและมองไปที่คุนอู๋ เก็บซ่อนความโกรธไว้ในดวงตา อย่างไรก็ตาม ความโกรธยังไม่ทันได้ปะทุก็ดับมอดไปอีกครั้ง หลังจากนึกถึงเหตุการณ์ชั่วครู่ที่อีกฝ่ายช่วยชีวิต ตตนไว้
“ตกลงท่านต้องการจะทำอะไรกันแน่” มู่เหยี่ยนฉือสูดหายใจเข้าลึกๆ อดกลั้นจนเส้นเลือดสีเขียวบนหน้าผากแทบจะระเบิดแล้ว
“ไม่มีอะไรนี่นา!” คุนอู๋พูดด้วยสีหน้าของผู้บริสุทธิ์
“นี่ท่าน!” มู่เหยี่ยนฉือเม้มริมฝีปากแน่นและจ้องมองเขา
“ศิษย์พี่สาม เราควรไปกันได้แล้ว” เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ในที่สุดเจียงหลีก็เอ่ยขึ้น
คุนอู๋พยักหน้าและถามด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้องเล็ก แรดตัวนี้น่าเกลียดเกินไป ข้าไม่อยากได้ เจ้าคิดว่าทำอย่างไรดี”
“ในเมื่อศิษย์พี่ไม่อยากได้ ข้าก็ไม่อยากได้ ก็เก็บไว้ให้เขาแล้วกัน” เจียงหลีเชิดคางขึ้นและพูดอย่างสบายๆ
แต่มู่เหยี่ยนฉือกลับตกใจและมองเจียงหลีด้วยความประหลาดใจ
คุนอู๋ยิ้มและพยักหน้า “ได้ ศิษย์น้องพูดว่าอย่างไร ก็อย่างนั้น”
แต่ทว่า เขากลับหันกลับไปมองมู่เหยี่ยนฉือที่ยังคงมึนงงและพูดว่า “ข้าว่าเจ้าก็ไม่ต้องขอบคุณศิษย์น้องเล็กข้าหรอก แค่คำว่าขอบคุณมีประโยชน์อะไร พวกเรามาทำอะไรที่เห็นผลได้จริง งดีกว่า ให้ศิษย์น้องข้ามีอำนาจข้างนอกเล็กน้อย เจ้ามาเป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์แล้วกัน”
“ศิษย์พี่สาม!” เจียงหลีมองคุนอู๋อย่างประหลาดใจ
คุนอู๋ส่ายศีรษะและมองไปที่มู่เหยี่ยนฉือด้วยรอยยิ้ม “ว่าอย่างไร วิญญาณยุทธ์ขั้นแรกหนึ่งตัวแลกกับเป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของกลุ่มอำนาจเล็ก ไม่ได้ละเมิดกฎของสำนัก และไม่ได้ ยากลำบากอะไร ถือว่าคุ้มแสนคุ้ม”
มู่เหยี่ยนฉือมองไปที่คุนอู๋ด้วยความประหลาดใจ แล้วมองไปยังเจียงหลีที่นิ่งเงียบไป
“ฮวาฮวา และมู่ชิงเหยียนล้วนเข้าร่วมด้วย” หลังจากนั้นไม่นาน เจียงหลีก็พูดขึ้น ซึ่งหมายความว่านางยอมรับการจัดแจงของคุนอู๋
ดวงตาของมู่เหยี่ยนฉือกะพริบราวกับกำลังลังเล
แต่เวลาผ่านไปไม่นาน เขาพยักหน้า “ได้ ตกลง แต่ข้าจะไม่ทำในสิ่งที่ข้าไม่อยากทำ และจะไม่รับผิดชอบเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น”
“ไม่เป็นไร ผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์น่ะ เมื่อต้องการให้เจ้าออกแรง อย่าลืมออกแรงก็พอ” คุนอู๋เอ่ยด้วยรอยยิ้ม