ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 205 หลิวหลี เจ้าร้ายนักนะ
คนทั้งสามตกตะลึงเมื่อเห็นเจียงหลีอุ้มเจ้าเปี๊ยกสุดน่ารักและขนฟูออกมาจากกระเป๋าวิเศษ
หลิงหวงสองคนหัวเราะเสียงดังขึ้นมาในทันที
แต่ผู้อาวุโสสี่นั้น สนใจแต่เพียงเจียงหลีเท่านั้น แล้วจะสนใจว่าเจ้าเปี๊ยกที่นางอุ้มออกมาคือตัวอะไรได้อย่างไร คนมีความรู้ความเข้าใจอย่างเขา ก็คงจดจำสุดยอดเดรัจฉานในบรรพกาล ลไม่ได้
เจ้าเปี๊ยกที่โดนอุ้มออกมา เมื่อลืมตาสีอ่อนอันเป็นประกายมองชายอัปลักษณ์ทั้งสามที่จดจ้องเจียงหลีด้วยดวงตาเคร่งครึม
แววตาดูเยือกเย็นขึ้นอย่างรวดเร็ว
“คนสวย เจ้าอุ้มสัตว์เลี้ยงน่ารักออกมา เพื่อนำออกมาเล่นตลกหรือ” ผู้อาวุโสสี่หยอกล้อและมองไปทางเจียงหลี ซึ่งดวงตาคู่นั้นของตาแก่แสดงออกถึงความคิดสกปรก
เจียงหลีโค้งริมฝีปากยิ้ม ลูบไปที่ขนของเจ้าเปี๊ยก และเอ่ยอย่างเย็นชา “มันไม่ได้มาเพื่อสร้างความตลกขบขัน”
ใช่ ข้ามาเพื่อฆ่าคน
แววตาของเจ้าเปี๊ยกมีแต่ความเยือกเย็น แสดงให้เห็นว่าตอนนี้เขาดูไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง
“แล้วเอามาทำอะไร” สายตาของผู้อาวุโสสี่ยิ่งดูยั่วเย้ามากขึ้น
เจียงหลียิ้มกว้างขึ้น “มาฆ่าคน”
ฆ่าคนหรือ
ทั้งสามตกตะลึงและหัวเราะเสียงดังอีกครั้ง เสียงหัวเราะนั้นแฝงไปด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ยและดูสะใจยิ่งนัก ราวกับว่าสิ่งที่เจียงหลีพูดนั้นเป็นเรื่องตลกก็ไม่ปาน
“คนสวยนะคนสวย ข้าว่าเจ้าอย่ามาเจ้าเล่ห์กับข้า สู้พวกเรามาเล่นอย่างอื่นกันดีกว่า” ผู้อาวุโสสี่เขยิบเข้าใกล้เจียงหลี
เจียงหลีมองเห็นสิวบนจมูกอย่างชัดเจน
แต่เจียงหลีกลับกอดเจ้าเปี๊ยกที่จะหนีออกจากอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก ยิ้มงดงามประดุจดอกไม้ แล้วเอ่ย “เล่นอะไรหรือ”
คำตอบของเจียงหลี ทำให้ใจของผู้อาวุโสสี่เหมือนโดนกระตุ้น ทำให้ยิ่งคันเนื้อคันตัวขึ้น เขามองไปรอบๆ พูดจาคลุมเครือกับเจียงหลี “ที่นี่นอกจากพวกเราสี่คนก็ไม่มีใครอยู่ พวกเราม มาทำอะไรที่มีความสุขกันดีไหม เจ้าสบายใจได้ ในอาณาเขตหลิงอู่นี้ไม่ใช่โลกแห่งความจริง หลังจากออกไป หากเจ้ายังคิดถึงข้าก็สามารถมาหาข้าได้ที่สกุลจงซานแห่งตงฮวงได้”
แววตาของเจียงหลียิ่งดูเยือกเย็นขึ้นและแววตาของเจ้าเปี๊ยกที่อยู่ในอ้อมอกนางดูตึงเครียดราวกับปรากฏจิตสังหารอย่างแท้จริงขึ้น
คนที่ใจจดใจจ่ออยากสร้างตำนานรักกับเจียงหลีอย่างผู้อาวุโสสี่กลับมิได้สังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้
หลังจากที่เขาพูดออกมา หลิงหวังทั้งสองยังร่วมกันหัวเราะ การกระทำนี้เช่นนี้ต้องใช้คำว่า ‘เสื่อมทราม’ มาอธิบาย สายตาของพวกเขาแสดงออกถึงการล่วงละเมิด ราวกับกำลังใช้สายตาถอดเสื้อผ ผ้าของเจียงหลีออกทีละชิ้น จินตนาการถึงร่างกายที่งดงามและเย้ายวนของนาง พร้อมกับทำท่าโยกย้ายไปมาอยู่ตรงหน้าของพวกเขา
โฮกกก!
ใครทนได้แต่เจ้าเปี๊ยกทนไม่ได้!
เจ้าเปี๊ยกที่บ้าคลั่ง ดิ้นหลุดออกจากอ้อมอกของเจียงหลี วิ่งโผไปทางที่ผู้อาวุโสสี่ยืนอยู่
เจ้าเปี๊ยกที่น่าสงสาร กลับไม่สนใจเจียงหลีที่ยืนคงริมฝีปากขึ้นอยู่ด้านหลัง ยิ้มเหมือนแผนการที่วางไว้สำเร็จแล้ว
ดวงตาเปล่งแสงสีขาว ร่างกายที่ดูอ่อนนุ่มของเจ้าเปี๊ยกได้กลายร่างขนาดใหญ่ขึ้นในทันที จากนั้นลมปราณอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้บังเกิดขึ้น
ตูม!
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ผู้อาวุโสสี่โดนเจ้าเปี๊ยกกระโจนเข้าหาถึงกับล้มลง เขาไม่ทันได้ตอบโต้ก็เห็นว่าเจ้าเปี๊ยกยกกรงเล็บ ตะครุบไปที่ร่างกายจนตัวเขาลอยขึ้น
ร่างของผู้อาวุโสสี่เหมือนดาวตกที่ตกไปยังสถานที่ไกลแสนไกล
และในเวลานั้นเจ้าเปี๊ยกหันไปมองทางหลิงหวังโง่เง่าทั้งสอง ตัวอะไรกันแน่ เมื่อครู่ยังตัวกลมขนปุกปุยอยู่ แต่ทำไมถึงกลายร่างเป็นสัตว์ที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งเช่นนี้
โฮกกก!
เจ้าเปี๊ยกส่งเสียงคำราม กรงเล็บเหยียบไปที่พื้นอย่างดุร้าย
ดวงตาของหลิวหลีเยือกเย็นนัก หนวดสีแดงสองเส้นที่สันคิ้วปลิวไสว ทำให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น
หึ่ง!
เมื่อเจ้าเปี๊ยกก้าวเท้า บนพื้นดินจู่ๆ ก็ปรากฏค่ายกลโบราณสีทองขึ้น ราวกับเป็นเสียงร้องคำรามที่มาจากโบราณกาล เมื่อปรากฏขึ้น เสียงดังกึกก้องทั่วทุกสารทิศ
เจียงหลียืนอยู่ที่เดิม ฟังเสียงร้องอันโบราณนี้ ราวกับรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของพื้นดิน
ในเวลานั้น เห็นเงาคนจากระยะไกลกำลังใกล้เข้ามา คือเงาของผู้อาวุโสสี่ที่เมื่อชั่วครู่โดนโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวจนลอยออกไปไกล
ขณะที่เขากลับมา สีหน้าเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดเหมือนอสูรร้าย พลังจู๋อินของร่างกายเขา ทำให้พื้นที่นั้นเยือกเย็นไม่หยุด สายตาของเขาจ้องไปเจ้าเปี๊ยกอย่างเอาเป็นเอาตาย โดนหลิงหวั งทั้งสองที่ดูยืนเฉยๆ ตะคอกใส่อย่างโมโห “มัวตะลึงอะไรอยู่ ฆ่าเดรัจฉานนี้ทิ้งซะ!”
โง่เขลา!
โง่เขลา
จักรพรรดินีและเจ้าเปี๊ยกด่าทอในใจพร้อมกัน
อ๊ากกก!
โฮก โฮกกก!
แต่ทว่า ในเวลานั้น พื้นเริ่มสั่นสะเทือน ราวกับว่าวิญญาณยุทธ์ในอาณาเขตหลิงอู่ ล้วนขยับตัวพุ่งมาทางนี้
แม้แต่เจียงหลียังอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง
นางคิดไม่ถึงว่าการเรียกใครบางคนออกมาปกป้องผู้เป็นภรรยา ผลลัพธ์ที่ได้นั้นจะสั่นสะเทือนจนไม่อาจมีสิ่งใดเทียบได้เพียงนี้
ตึงงง!
เจียงหลีสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ทันที ดวงตาเบิกกว้าง และมองเหล่าวิญญาณยุทธ์ที่วิ่งออกมาจากในป่า โอ้แม่เจ้า เดรัจฉานดุร้ายชานอวี๋! เดรัจฉานดุร้ายปีศาจมังกร! เดรัจฉานดุร้ายจู๋จี !…
เจียงหลีอดกลืนน้ำลายไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขนลุกไปทั้งตัว
วิญญาณยุทธ์ที่เจ้าเปี๊ยกเรียกออกมาเหล่านี้ ล้วนโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนัก และลักษณะหน้าตาของเดรัจฉานร้ายยังดูอัปลักษณ์อีกด้วย
โฮกกก!
ทั้งผืนฟ้าและผืนป่าเกิดเสียงร้องของเดรัจฉานดังไปทั่วสารทิศไม่หยุด
ผู้อาวุโสสี่ตกตะลึงจนตาค้าง หลิงหวังสองคนนั้นก็เช่นกัน
เดรัจฉานที่ปกติพบเจอได้ยาก คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัว ณ ที่แห่งนี้ และเพียงพริบตาก็มากันเป็นสิบตัวเลยหรือ
ค่ายกลนี้ยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว!
ความคิดที่จะต่อสู้ของผู้อาวุโสสี่ได้มลายหายไปในทันใด เหลือเพียงความคิดที่อยากจะหลบหนีจากสถานที่แห่งนี้
แต่ทว่าเมื่อเขาเพิ่งคิดออก ก็รับรู้ได้ว่าตนเองนั้นโดนสายตาเยือกเย็นสะกดตัวให้แน่นิ่ง เพียงเขาหันกลับมามอง ก็สบไปกับดวงตาคู่นั้นที่ทำให้คนเห็นต้องหวาดกลัวของหลิวหลี
โฮกกก! เจ้าเปี๊ยกคำรามอย่างโมโหและดุร้าย
เดรัจฉานร้ายสิบกว่าตัวเมื่อได้ยินคำสั่ง ก็กระโจนไปที่ที่ทั้งสามคนยืนอยู่โดยพร้อมเพรียง
การต่อสู้แบบหมู่คณะครั้งนี้…
จุ๊ๆ! เจียงหลีเบือนหน้าหนี ‘ใจไม่แข็งพอ’ จะมองเหตุการณ์โหดร้ายตรงหน้านี้ต่อ
“อ๊ากกก! ไม่!”
น่าอนาถจนไม่มีสิ่งใดเทียบได้ เสียงร้องอันน่าเวทนาดึงดูดความสนใจจากเจียงหลี จนนางหันกลับมา แต่สิ่งที่นางมองเห็นกลับทำให้นางตกตะลึง โดยเฉพาะฉากที่ไม่น่ามองตรงหน้า
“…” เจียงหลีมองอย่างตกตะลึงจนอ้าปากค้างและลืมภาษาพูดไปเสียแล้ว
ในฝูงของเดรัจฉาน ยอดฝีมือทั้งสามคนของสกุลจงซาน เสื้อผ้าฉีกขาดเป็นชิ้นๆ กางเกงถูกดึงออก ปรากฏอิริยาบถที่อัปยศอดสู โดยนอนกระดกก้นหมอบกราบอยู่ที่พื้น และถูกเดรัจฉานร้ายเหล ล่านั้นหมุนเวียนสับเปลี่ยน…
ฉากเหล่านี้น่าเวทนายิ่งนัก เจียงหลีค่อยๆ หันหน้าหนี หนีออกจากฉากที่ทำให้คนรู้สึกคลื่นไส้อาเจียน และได้ไอเสียงเบา
อะแฮ่มๆ
เสียงไอเบาๆ ดึงดูดความสนใจของเจ้าเปี๊ยกจนหันมามองนาง และทันใดนั้น เมื่อนึกถึงฉากที่อยู่ด้านหลังว่าไม่สมควรให้สตรีมาเห็น จึงเดินไปทางนาง ใช้ร่างกายที่สูงใหญ่บดบังการมองเห็น นของนาง
เดิมทีเจียงหลีก็ไม่ได้สนใจฉากตรงหน้า แต่เมื่อเจ้าเปี๊ยกตั้งใจมาบังนางไม่ให้นางมอง กลับทำให้นางเปลี่ยนความคิด ตั้งใจชะโงกหน้าไปอีกทางเพื่อมอง
การกระทำที่ตั้งใจขัดขืนของเจียงหลี ทำให้ความเยือกเย็นในสายตาของหลิวหลีละลายให้ไป ดวงตาสีอ่อนคู่นั้น แสดงออกถึงความตามใจอย่างจนปัญญา เจ้าเปี๊ยกยกอุ้งมือข้างหนึ่งปิดตาของเ เจียงหลี
!
บริเวณด้านหน้าจู่ๆ ก็มีอุ้งมือมาปิดกั้นการมองเห็น เจียงหลีร่างกายแข็งทื่อ ยืนตะลึงอยู่กับที่
ดวงตาของนางมองเห็นเพียงความมืด แต่ในชั่วขณะนั้น กลับมีภาพลวงตาเกิดขึ้นกับนาง หลิวหลีที่ยืนอยู่ตรงหน้า ค่อยๆ กลายร่างเป็นคนผู้หนึ่ง
ลู่เจี้ย…