ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 206 ข้าแค่อยากกอดเจ้า
ลู่เจี้ย!
ในใจของเจียงหลี เรียกชื่อเขาออกมาโดยไม่รู้ตัว ราวกับสั่นสะท้านมาจากวิญญาณ
นางหยุดต่อต้านความดื้อรั้น ยืนอยู่กับที่ ปล่อยให้ใครบางคนปิดกั้นการมองเห็นของนางไว้อย่างนิ่งสงบ การเข่นฆ่าด้านนอก ไม่เกี่ยวข้องกับนางแล้ว
ณ เวลานี้ ในความมืด นาง ‘เห็น’ ลู่เจี้ยในอดีตทุกๆ ขณะ
ครั้งแรกที่เผชิญหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างวางแผนคิดทำร้ายกันและกัน เราทั้งสอง…ให้ความอบอุ่นแก่กัน…
ลู่เจี้ย!
ลู่เจี้ย ลู่เจี้ย!
ความหวานซึ้ง ความเศร้าโศก การจากลา การได้อยู่ด้วยกัน ทั้งหมดเหมือนกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน และชัดเจนจนนางกลัวภพหน้า และภพต่อๆ ไปจะลืมไม่ลง
ลู่เจี้ย ข้าอยากบอกเจ้าว่า เจ้าคือความรับผิดชอบของข้า
นางเคยสารภาพรักอย่างเด็ดเดี่ยว และเพิกเฉยกับความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันในดวงตาของเขา
ลู่เจี้ย เจ้าไปเถิด
ก่อนที่เขาจะตาย นางเคยฝืนความตั้งใจจริงที่พูดประโยคนี้กับเขา ความจริงแล้ว นางเสียดายมาก เสียดายตั้งแต่ช่วงวินาทีที่เขาจากไป
แต่ทว่า นางยิ่งไม่อาจทนเห็นเขาทนทรมานเจ็บปวดอยู่เช่นนี้
ลู่เจี้ย กลับมาเร็วๆ นะ อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียวนานๆ
เขามองนางเป็นกิเลส ยิ่งปล่อยวางเร็วยิ่งดี แต่เขากลับทำไม่ได้ ยิ่งเข้าใกล้ความสับสนนั้นทีละก้าวๆ ในที่สุดเขาก็กลับมาอยู่ข้างกายนาง
เขาบอกกับนางว่านางเป็นภรรยาของเขา เขาจะอยู่กับนางชั่วนิรันดร์
ภายใต้กรงเล็บที่ดุร้าย เจียงหลียืนหันข้างเห็นเพียงใบหน้าอันมีเสน่ห์เพียงครึ่งซีก เวลาราวกับถูกหยุดไว้อย่างนั้น ลมพัดอย่างบ้าคลั่ง พัดผมยาวและแขนเสื้อของนางพลิ้วไหว
ในดวงตาสีอ่อน สะท้อนภาพผู้หญิงท่าทางนิ่งเงียบ และมองเห็นนางยกริมฝีปากแดงขึ้นยิ้มเบาๆ
นางกำลังยิ้ม!
ในดวงตาสีอ่อนที่หรี่ลงเล็กน้อยเต็มไปด้วยความสงสัย
จนถึงบัดนี้ เขายังไม่รู้ว่าภรรยาที่เฉลียวฉลาดของเขา รู้ตัวตนของเขาตั้งนานแล้ว
ดังนั้น เขาไม่เข้าใจ สงสัย และไม่ทราบอธิบายความหมายในรอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้าได้
“อ๊ากกก! ไว้ชีวิตข้าเถิด…!”
อ๊ากกกก!
โฮกกก!
“…”
ทางด้านหลัง เสียงคำรามของวิญญาณยุทธ์ เสียงร้องขอชีวิตของเหล่ายอดฝีมือสกุลจงซาน ราวกับดังมาจากโลกอื่น ใครก็มิอาจรบกวนช่วงเวลาอันสงบของพวกเขา
ในที่สุด พวกที่น่าสงสารทั้งสามคนกลับไม่สมควรได้รับความเห็นอกเห็นใจ และถูกฝูงวิญญาณยุทธ์ที่อำมหิตบดขยี้ จนร่างฉีกเป็นชิ้นๆ แล้วหายไปในอาณาเขตหลิงอู่
การลงโทษสิ้นสุดลง เหล่าวิญญาณยุทธ์แต่ละตัวก็สลายไป เหลือเพียงร่างสูงใหญ่สีขาวเงิน และยังคงปรากฎผู้หญิงเจ้าเสน่ห์ยืนเงียบๆ อยู่ด้านหน้าเขา
อุ้งมือที่ปิดกั้นตรงดวงตา ในที่สุดก็ค่อยๆ ลดลงมา เขามองเห็นใบหน้าผู้ทรงเสน่ห์ที่สุดมีรอยยิ้มและปิดตาไว้
ความสงบสุขเพิ่มขึ้นมาก ความหยิ่งผยองก่อนหน้านี้ลดลงไปมาก
ทันใดนั้น นางกะพริบตาเบาๆ หลายครั้ง ดวงตาก็ค่อยๆ ลืมขึ้น
เจียงหลีตื่นขึ้นจากความทรงจำ การมองเห็นทางด้านหน้าจากที่เลือนลางกลับชัดเจนขึ้น ในดวงตาสว่างขึ้น สะท้อนภาพของใครบางคนที่ท่าทางเหมือนเดรัจฉาน
คนหนึ่งคนกับเดรัจฉานหนึ่งตนยืนตรงข้ามกัน ในดวงตามีเพียงกันและกัน
เหตุใดจึงกลับมาเกิดเป็นเดรัจฉาน เหตุใดหลังจากที่เจ้ากลับมาเกิดใหม่แล้ว ยังจำข้าได้ ยังปฏิบัติกับข้าเหมือนเช่นแต่ก่อน ปกป้องข้า รักข้า เคียงข้า ความสงสัยมากมายวนเวียนอยู่ใน นใจเจียงหลี
แต่คำพูดเหล่านี้ยังคงติดที่ปากทุกครั้ง นางฝืนตัวเองโดยกลืนคำพูดนั้นลงไป ชายหนุ่มไม่พูด นางก็จะไม่ถาม
จู่ๆ เจียงหลียิ้มขึ้นมา ยิ้มสดใสไร้ที่เปรียบ แต่ในดวงตากลับมีน้ำตา
เมื่อมองเห็นดวงตาของนางน้ำตาคลอเบ้า เดรัจฉานร่างกายสูงใหญ่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง นางร้องไห้หรือ เหตุใดจึงร้องไห้
ในความทรงจำของเขา นางร้องไห้น้อยมาก และจะยิ้มเสียมากกว่า
น้ำตาคลอเบ้าที่ยังไม่หยดลงมานั้น ทำให้ดวงตาสีอ่อนแฝงความตื่นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
เจียงหลีกางแขนทั้งสองข้างออก โผไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขายังไม่ทันตั้งตัว สองแขนโอบรอบคอของเขาไว้แน่น ศีรษะซบลงบนตัวเขา
ณ สถานที่ห่างไกล คุนอู๋รีบตามมาอย่างรวดเร็วในสภาพที่ทุลักทุเล กลับเห็นภาพที่ศิษย์น้องเล็กโผเข้าหาเดรัจฉาน จึงตกใจจนเขาเกือบจะลงมือ
ยังดีที่ในช่วงเวลาสำคัญ เขามองเห็นรอยยิ้มที่ไม่เคยมีมาก่อนของเจียงหลี จึงได้หยุดลง แล้วยืนอยู่ข้างๆ มองนางอย่างนิ่งเงียบด้วยความสงสัย
เดรัจฉานยืนตัวแข็งทื่อเมื่อถูกเจียงหลีสวมกอด นางรู้แล้วหรือ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของเขา ทำให้เขายิ่งไม่กล้าขยับ
เจียงหลีหลับตาลง เก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ในก้นบึ้งหัวใจ นางเพียงแค่อยาก…กอดเขา
ภายในอาณาเขตหลิงอู่ ปรากฏภาพที่ประหลาดตาแต่กลับงดงามไร้ที่เปรียบ สตรีสูงสง่ามีเสน่ห์ชวนหลงใหลกอดเดรัจฉานร่างสูงใหญ่ที่ขาวดุจหิมะเอาไว้ สงบนิ่งและไร้กังวล ลมเย็นพัดผ่าน ท ทุกสิ่งล้วนพัดไปตามกัน
หลับฝัน ตื่นขึ้น และลุ่มหลงอีกครั้ง
…
ร้านขายสุราแถวริมคูน้ำแห่งหนึ่ง
“เถ้าแก่ นำสุราที่ดีที่สุดของปีนี้มาอย่างละไห” เสิ่นฉงกลับไม่รังเกียจเก้าอี้โทรมๆ และเอ่ยกับเถ้าแก่ร้านขายสุราด้วยรอยยิ้มงดงามของเขาเหมือนเดิม
เว่ยจี๋กระซิบถาม “สถานที่แบบนี้สุราที่กลั่นออกมาจะดีกว่าสุราที่ท่านกลั่นได้หรือ”
ราวกับว่าหลังจากที่เคยลิ้มรสการกลั่นสุราทีละหยดแล้ว เขาก็ดื่มได้แค่สุราที่เสิ่นฉงกลั่นเท่านั้น
“ได้เลย!”
ลูกค้ารายใหญ่มาแล้ว เถ้าแก่ร้านสุรายิ้มหน้าบาน
สักพักสุราสี่ห้าไหก็มาวางตรงหน้าเสิ่นฉง ในดวงตาของเสิ่นฉงแสดงความยินดีออกมา ทำให้เว่ยจี๋กลั้นหัวเราะไม่อยู่
สายตาที่บริสุทธิ์ ทำให้เขาสามารถรับรู้ได้ว่าเสิ่นฉงเวลาเจอสุรา จะแสดงความบริสุทธิ์และเรียบง่ายออกมาจากภายในจิตใจ
เสิ่นฉงนำสุราแต่ละไหเทลงอย่างละถ้วย เขาไม่รีบร้อนดื่ม แต่จะค่อยๆ ชิมสี กลิ่น รส และในดวงตาบางครั้งแสดงออกมาเป็นสีที่บ่งบอกถึงความครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
เขาตั้งใจลิ้มรสสุรา ขณะที่เว่ยจี๋กลับมองเขาอย่างจริงจัง เว่ยจี๋ลืมเหตุผลไปแล้วว่าลำบากเพียงใดถึงมาอยู่กับเสิ่นฉงได้ เพียงแต่คิดว่าอยู่กับเขา โลกก็เปลี่ยนมาเงียบสงบลงและ อบอุ่นขึ้นมา
ขณะที่ออกจากร้านสุรา เสิ่นฉงไม่ได้ดื่มสุราหลายไหนั้นจนหมด ควรจะเรียกว่าลิ้มรสแต่ละชนิดไปไม่กี่อึก ก็จ่ายเงินเดินออกมา
เว่ยจี๋เดินอยู่ด้านหลังเขาห่างๆ จู่ๆ ริมฝีปากโค้งยิ้มออกมา ชีวิตแบบนี้ ก็ไม่เลวนะ
…
ณ อาณาเขตหลิงอู่ คนที่เจียงหลีกอดอยู่นั้นตอนนี้กลายเป็นเดรัจฉานขนฟูแล้ว และนางเดินเคียงไหล่ไปพร้อมกับคุนอู๋
“เดรัจฉานในบรรพกาลสมกับเป็นเดรัจฉานในบรรพกาล ยอดเยี่ยมมาก!” สักพักสายตาของคุนอู๋มองไปยังเจ้าเปี๊ยกที่เกียจคร้าน เอ่ยปากชมอย่างไม่หยุด
เจียงหลีเล่าเรื่องความเก่งกาจของเดรัจฉานบรรพกาลว่าเข่นฆ่าทั่วทุกสารทิศได้อย่างไรให้กับเขาฟัง แน่นอนว่าบางสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ นางก็จะไม่พูด
หลังจากที่คุนอู๋ฟังจบ แน่นอนว่าต้องชื่นชมไม่หยุด แล้วก็รู้สึกถึงความโชคดีอย่างมาก โชคดีที่มีเดรัจฉานบรรพกาลอยู่ข้างกายเจียงหลี มิฉะนั้น หากเกิดอะไรขึ้นกับเจียงหลี เขาจะบอก กซือจุนกับศิษย์พี่ทั้งหลายอย่างไร
ขณะที่ทั้งสองสนทนากันอยู่ เจ้าเปี๊ยกในอ้อมแขนของเจียงหลี กลับมีความคิดสับสน ถึงขั้นสงสัยว่าเจียงหลีคาดเดาบางอย่างออกแล้วหรือ
จู่ๆ คุนอู๋ถามอย่างแปลกใจ “ข้าเห็นเจ้ากอดมันเมื่อครู่นี้…”
ได้ยินคำถามนี้ เจ้าเปี๊ยกก็ยกหูอันน่ารักและนุ่มนิ่มขึ้นทันที
“อ๋อ ข้าขอบคุณที่เมื่อครู่มันใช้พลังปกป้องเจ้านายอย่างข้า” เจียงหลีกลับเอ่ยอย่างเมินเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ฮ่าๆๆๆ! ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง” คุนอู๋จึงยิ้มขึ้นมา
ในใจของเดรัจฉานกลับเกิดอารมณ์ที่ไม่ชัดเจนออกมา เพียงแค่นั้นเองหรือ