ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 211 พลานุภาพของประมุขเซียน
เจียงหลีตกตะลึง มองไปทางเจียงเฮ่า แล้วก็หันไปมองมู่ชิงเหยียน
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงถามขึ้นมาเช่นนี้ แต่นางก็ตอบกลับไป “หากรอข้าขึ้นสู่ระดับหลิงเซิ่ง กระสวยเวลาที่สร้างขึ้น อาจจะสามารถพาไปได้ทั่วทุกที”
เจียงเฮ่าอมยิ้ม ไม่ได้พูดต่อ
แต่ทว่า สายตาของเขา มองยังทางมู่ชิงเหยียนที่กำลังเดินมาโดยไม่รู้ตัว
เหมือนมู่ชิงเหยียนรับรู้ได้ถึงการจ้องมองของเขา แก้มของมู่ชิงเหยียนมีประกายของความเขินอาย หลบตาเดินไปทางเจียงหลี “ประมุขเซียน”
การเอ่ยเรียกของมู่ชิงเหยียน ทำให้รอยยิ้มของเจียงหลีจางหายไป “เจ้าเรียกข้าว่าประมุขเซียน ทำให้ข้ารู้สึกแปลกๆ”
“เจ้าเป็นผู้นำของที่นี่ อยู่ต่อหน้าคนนอก ก็ต้องให้เกียรติในสถานะที่แตกต่างกันออกไป” มู่ชิงเหยียนพูดอย่างยึดมั่นในหลักของตนเอง
เจียงหลีพยักหน้า ไม่อยากถกคำถามนี้ต่อ
แต่ว่าสายตาของนางมองไปทางมู่ชิงเหยียนและเจียงเฮ่าพักหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยถามขึ้นมาทันที “มีเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเจ้าสองคนแล้วข้าไม่รู้หรือไม่”
เจียงหลีถามหยั่งเชิงแต่คาดไม่ถึงว่าหลังจากนางพูดประโยคนั้นลั่นออกมา ระหว่างมู่ชิงเหยียนและเจียงเฮ่ากลับปรากฏบรรยากาศของความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้น
“อะแฮ่ม” เจียงหลีรู้จักวางตัวและไม่ได้ถามต่อ แล้วเปลี่ยนบนสนทนาในทันที “พวกกงเสวี่ยฮวามาถึงแล้วหรือไม่”
มู่ชิงเหยียนท่าทีสงบลง พลางส่ายหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “พวกเขายังมาไม่ถึง แต่ว่ามีอีกคนมาถึงแล้ว”
“ใคร”
เจียงหลีและเจียงเฮ่าต่างประหลาดใจ
“เจียงหลี” เสียงที่ดังมาตามมาด้วยชายหนุ่มรูปงามสวมเสื้อสีแดงเดินเข้ามาจากด้านนอก ใบหน้าของชายหนุ่มสง่างาม ลักษณะท่าทางของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความเรียบง่ายและสบายๆ
“ฉินเทียนอีหรือ” เจียงหลีประหลาดใจ
แต่ทว่า ท่าทีของเจียงเฮ่ายังคงดูปกติ
“แปลกใจหรือ” ฉินเทียนอีเดินมาตรงหน้าเจียงหลี ยิ้มอย่างสดใส
อื้อหือ!
“ผิดคาดมากกว่า” เจียงหลีพูดตามความจริง
ฉินเทียนอีที่โดนโจมตี ทำท่าทีแสร้งเสียใจแล้วเอ่ย “ข้ามาไกลถึงพันลี้เพื่อมาสร้างความแปลกใจให้กับเจ้า แต่เจ้ากลับทำตัวเย็นชาไร้ความรู้สึก”
“แสดงละครเก่งแล้วหนึ่ง!” เจียงหลีอดไม่ได้ที่จะพูดแขวะ
ฉินเทียนอีหยุดในทันที เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ไม่พูดจาไร้สาระกับเจ้าแล้ว ข้าจะมาขอตำแหน่งผู้อาวุโสกับท่านประมุขเซียน”
หืม
เจียงหลียิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีก
ฉินเทียนอีกลับไม่สนใจในท่าทีของเจียงหลี แล้วเอ่ยต่อ “ครั้งที่แล้วที่ข้ามาก็เพราะอยากได้ตำแหน่งผู้อาวุโส แต่มู่ชิงเหยียนและเจียงเฮ่าบอกว่าเรื่องนี้มีเพียงเจ้าที่จะตัดสินใจ จได้ ดังนั้น วันนี้ข้าจึงมาหาเจ้า”
เจียงหลีมองไปทางพี่ใหญ่ของนางอย่างไม่แน่ใจ
เจียงเฮ่ากำหมัดไปตรงริมฝีปากไอเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ตอนที่เจ้าโดนขังที่ดินแดนผนึกมาร เจ้านี่มาหาเจ้าและรออยู่ที่ฮวงเสินหนึ่งเดือน หลังจากข้ากลับไปก็เผลอพูดถึงเรื่องในจยาเซ ซียน แต่ใครจะคาดคิดว่า เขาจะมาจยาเซียนด้วยตนเองเช่นนี้”
“ใช่แล้ว เกรงว่าตัวข้านั้นจะคุ้นเคยกับที่นี่มากกว่าประมุขเซียนอย่างเจ้าเสียอีก ตำแหน่งผู้อาวุโสนี้ เจ้าก็ยกให้ข้าอย่างสบายใจเถิด” ฉินเทียนอีนั่งลงบนเก้าอี้อย่างทะนงองอาจ จและดื่มชาด้วยท่าทีที่สบายใจ
สายตาของเจียงหลีมองไปทางเขา จู่ๆ ก็ยิ้มอย่างขี้เล่นแล้วเอ่ย “เจ้าขึ้นเป็นหลิงหวังแล้วหรือ”
“นี่มันของแน่อยู่แล้ว” ฉินเทียนอีเลิกคิ้ว
เจียงหลียิ่งยิ้มกว้าง หันไปสั่งมู่ชิงเหยียน “ชิงเหยียน เตรียมป้ายคาดเอวผู้อาวุโสให้กับเขา”
“ได้” มู่ชิงเหยียนตอบรับทันที
“ใครเป็นผู้อาวุโสกันแน่” ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังมากจากด้านนอก
กลุ่มที่อยู่ในห้องมองออกไป เห็นกงเสวี่ยฮวาและมู่เหยี่ยนฉือเดินเข้ามาพร้อมกัน กงเสวี่ยฮวาเป็นถึงผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกจยาเซียน ส่วนมู่เหยี่ยนฉือนั้นคงโดนหลอกมา
เมื่อมองกงเสวี่ยฮวา ดวงตาเจียงหลีเป็นประกาย เอ่ยอย่างดีใจ “ฮวาฮวา ข้าเลื่อนขั้นเป็นหลิงหวังแล้ว!”
กงเสวี่ยฮวาพยักหน้าอย่างภูมิใจ “ข้าคงไม่โดนเจ้าทิ้งไว้ด้านหลังนะ!”
มู่ชิงเหยียนเอ่ย “เช่นนี้ก็ดีเลย จยาเซียนของพวกเรามีหลิงหวังห้าคน ก็นับได้ว่าอยู่ระดับบนในกลุ่มอำนาจระดับต่ำของซีฮวงแล้ว”
“ยังไม่พอ” เจียงหลียิ้มบางๆ แล้วเอ่ยขึ้น
“ยังไม่พอหรือ”
ผู้คนที่ได้ยินคำพูดของเจียงหลีตกใจไม่น้อย
กงเสวี่ยฮวาเดินเข้ามาใกล้เจียงหลี แล้วเอ่ยถามอย่างตกใจ “เจ้าจะไปชิงตัวผู้อาวุโสระดับหวังจากที่ไหนมาอีก”
แต่เจียงหลีกลับยิ้มอย่างมีเลศนัย หันไปสั่งมู่ชิงเหยียน “ไปพาทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ ข้าประมุขเซียนมีเรื่องจะกล่าว”
มู่ชิงเหยียนพยักหน้า เดินถอยออกไปเพื่อเตรียมการ
เจียงหลีหันมาพูดกับคนที่เหลือ “อีกสักครู่พวกเราค่อยออกไปพร้อมกันนะ” เจียงหลีคือจักรพรรดินีแต่ไหนแต่ไรมา ในภพนี้ก็ยังมาเป็นจักรพรรดินีของหนานฮวงอีก หากเอ่ยถึงเรื่องการปกค ครอง ก็นับได้ว่านางมีประสบการณ์ไม่น้อย
แม้นางจะไม่ได้อยู่จยาเซียนมานานนับปีและมู่ชิงเหยียนไม่ได้คิดทรยศ แต่ในสายตาลูกศิษย์จยาเซียนแล้ว ประมุขเซียนอย่างนางก็แทบจะไม่มีบารมีหรือชื่อเสียงเลย
ดังนั้น วันนี้นางต้องแสดงพลานุภาพให้ทุกคนเห็น
ไม่นาน มู่ชิงเหยียนก็นำลูกศิษย์ของจยาเซียนทั้งหมดมารวมตัวกัน จยาเซียนในวันนี้ มีลูกศิษย์รวมหมื่นกว่าคน ถึงแม้จะเทียบกลุ่มอำนาจระดับกลางและสูงไม่ได้ แต่ทว่า ในบรรดากลุ่มอำนา าจระดับต่ำนั้นก็นับว่าเป็นกลุ่มยิ่งใหญ่ที่ดำรงอยู่
มู่ชิงเหยียนถือว่าเป็นคนที่มองคนเก่ง ลูกศิษย์ที่รับเข้ามา สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องมีคือจิตใจอันซื่อสัตย์และมีศีลธรรม จากนั้นถึงเป็นเรื่องของการฝึกฝนบ่มเพาะพรสวรรค์
เวลานี้ ในจยาเซียน มีหลิงจงอยู่ร้อยกว่าคน หลิงไซว่และหลิงเจี้ยงอีกนับไม่ถ้วน
เมื่อเจียงหลียืนอยู่ตรงหน้าของกลุ่มคนที่มีความสามารถ นางทอดถอนใจนับพันหมื่นครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ กลุ่มอำนาจเช่นนี้ เพียงพอที่จะนำพาหนานฮวงไปสู่วิบัติการณ์สะท้านโลกได้แล้ว กลองศิลาจารึกของหนานฮวงอยู่แห่งหนใดกันแน่
เจียงหลียืนอยู่บนแท่นสูงของลานฝึกซ้อม เจียงเฮ่า กงเสวี่ยฮวา มู่เหยี่ยนฉือ มู่ชิงเหยียนและฉินเทียนอี ล้วนอยู่ด้านหลังของนางอย่างรู้ตัว
ขณะที่ด้านล่างของแท่นสูง กลุ่มคนนับหมื่นยืนอยู่กันอย่างอัดแน่นและเงยหน้ามองประมุขเซียนที่ลึกลับของพวกเขา
เจียงหลีดูลึกลับจริงๆ ขนาดลูกศิษย์ที่เข้ารวมจยาเซียนรุ่นแรกๆ ยังไม่เคยพบนางมาก่อน
เมื่อได้พบกันในวันนี้ คนเหล่านั้นรู้สึกตกตะลึงที่ได้พบว่าประมุขเซียนของพวกเขาแท้จริงแล้วเป็นสุดยอดหญิงงาม! มู่ชิงเหยียนที่ว่าสวยมากแล้ว แต่ในสายตาของพวกเขา ล้วนดูสวยปร ระดุจเทพธิดาที่มีอยู่จริง แต่ใบหน้าของเจียงหลีนั้น กลับดูสวยหยาดเยิ้มและเปล่งประกาย จนทำให้ผู้คนทั้งหมดต่างลืมในการมีอยู่ของสตรีนางอื่นไปเลย
สวยงามและมีเสน่ห์ งดงามและน่าหลงใหล!
นี่คือความประทับใจแรกของเหล่าลูกศิษย์จยาเซียนแทบจะทั้งหมดที่ได้เห็นเจียงหลี
แต่เมื่อเจียงหลีก้าวมาข้างหน้าเพียงก้าวเดียว นางได้ปลดปล่อยพลังอำนาจระดับหลิงหวังออกมา ไม่เพียงแต่สะเทือนไปถึงเหล่าลูกศิษย์จยาเซียนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกลุ่มคนที่ยืนอยู ด้านหลังนางด้วย
หึ่ง!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวของหลิงหวัง ทำให้ผู้คนนับหมื่นกว่าคนที่อยู่ในลานฝึกรู้สึกหายใจถี่ขึ้นมาในทันใด เหมือนร่างกายโดนหินขนาดใหญ่กดทับ ประมุขเซียนผู้งดงามที่ยืนอยู่บนแท ท่นสูงนั้น สร้างความน่าเกรงกลัวให้ฝักตัวขึ้นจากจิตใต้สำนึกของตน
ศักยภาพอันน่าสะพรึงกลัว!
“โอ้โห! เจียงหลีกินยาเร่งหรือ! เวลาไม่ถึงปี ก้าวกระโดดไปถึงหลิงหวังขั้นสี่แล้ว!” กงเสวี่ยฮวาเอ่ยอย่างตกตะลึง
ศักยภาพของเจียงหลี ทำให้แววตาของมู่เหยี่ยนฉือเปล่งประกายออกมาอย่างชัดเจน เขาก็ตกตะลึงเช่นกัน เพราะว่าพวกเขาได้ระดับหลิงหวังพร้อมกัน แต่เขายังอยู่ระดับหลิงหวังขั้นหนึ่ง
ฉินเทียนอีที่ดูตกตะลึง บนใบหน้ามีรอยยิ้มปรากฏขึ้น ราวกับเป็นเรื่องที่มีความสุขโดยได้เห็นสตรีที่อยู่ตรงหน้าค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้นไป
หนึ่งในนั้น คนที่ตื่นมากที่สุดก็คือเจียงเฮ่า เมื่อเทียบกับผู้อื่นเขาคือผู้ที่ความปรารถนาอย่างสุดซึ่งที่อยากให้น้องสาวของตนเก่งกาจและเก่งกาจขึ้นไปอีก!
มู่ชิงเหยียนก็ยินดีด้วยเช่นกัน เพราะว่าการที่เจียงหลีเข้มแข็งขึ้นก็ย่อมทำให้จยาเซียนยิ่งรุ่งเรืองขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นอีก…