ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 212 จยาเซียนเยี่ยมสุดๆ ไปเลย
หลิงหวัง!
หลิงหวังขั้นสี่!
รวมถึงยังเป็นหลิงหวังขั้นสี่ผู้งดงามและทรงเสน่ห์! และนางเป็นผู้นำจยาเซียนของพวกเขา! ประมุขเซียนของพวกเขา!
ในลานฝึกซ้อม สายตาของคนนับหมื่นสุกใสเป็นประกายอย่างยิ่ง
พวกเขาเริ่มรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา เพราะผู้นำที่แข็งแกร่งจะนำพวกเขาสู่ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้นไปและทำให้ความสามัคคีของพวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก
“พวกเจ้าคิดว่าพียงพอแล้วหรือไม่” เจียงหลีแสดงท่าทีเคร่งขรึมต่อคนนับหมื่น แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยขึ้นทันที
หืม!
หมายความว่าอะไร
ผู้คนที่อยู่ในลานฝึกซ้อม ตื่นจากอารมณ์ฮึกเหิม มองไปยังนางด้วยสีหน้างุนงง
“ผู้อาวุโสทุกท่าน ให้ทุกคนเห็นถึงศักยภาพของพวกท่านสักหน่อย” เจียงหลีเอ่ยปากพูด
เจียงเฮ่าและคนอื่นๆ เข้าใจความหมายของนางในทันที นอกจากมู่ชิงเหยียนอีกที่เหลืออีกสี่คน ก็ปลดปล่อยระดับพลังฝึกฝนของตนพร้อมกัน
“หลิงหวัง!”
“หลิงหวัง!”
“หลิงหวัง!”
“…”
ผู้คนนับหมื่นที่ลานฝึกรู้สึกตกตะลึงถึงขีดสุด ในดินแดนซีฮวง มีกลุ่มอำนาจขนาดเล็กจำนวนมาก แต่ก็ล้มสลายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน นั่นก็เป็นเพราะมีหลิงหวังคนเดียวก็กลายเป็นกลุ่ม มอำนาจขนาดเล็กได้แล้ว ในตอนแรก สำนักพรตเสวียนหมิงมีหลิงหวังถึงสองคน ก็นับว่าเป็นกลุ่มอำนาจขนาดเล็กอยู่ในจุดที่มั่นคงแล้ว
แต่จยาเซียนของเราในตอนนี้หรือ
“ล้วนเป็นหลิงหวัง!”
“จยาเซียนของพวกเรานั้น เมื่อรวมประมุขเซียนแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะมีหลิงหวังถึงห้าคน”
ณ ลานฝึก ปรากฏเสียงตกตะลึงดังขึ้น
แต่ทว่า หลังจากเจียงหลีได้ยินคำพูดของพวกเขา รอยยิ้มก็เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น เท่านี้ก็ตกตะลึงแล้วหรือ ไม่! แค่นี้ยังไม่พอ!
“พวกเจ้าดูถูกกลุ่มอำนาจของตนมากเกินไปแล้ว” นางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับทำให้กลุ่มคนที่ฮึกเหิมหยุดลงในทันใด
ดูถูกหรือ
ไม่ พวกเขากล้าดูถูกที่ไหนกัน หลิงหวังห้าคนเชียวนะ! โดยเฉพาะประมุขเซียนยังเป็นถึงหลิงหวังขั้นสี่ เรื่องนี้เมื่อพูดออกไปก็นับเป็นเรื่องที่มีเกียรติเป็นอย่างมาก!
คนนับหมื่นที่อยู่ในลานฝึกซ้อมต่างยืนอย่างนิ่งเงียบ ทุกคนทั้งรอคอยอย่างเต็มเปี่ยมและใช้สายตาที่สับสนมองไปทางจียงหลี บางที พวกเขากำลังรอคอยให้ประมุขเซียนทำในสิ่งที่ทำให้ เขาตกตะลึงไปมากกว่านี้
“ออกมา!” เพียงเห็นเจียงหลีตะโกนออกมาเสียงเบา
เหนือศีรษะของนางมีช่องแนวยาวที่กำลังจะแตกออก เงาสีทองของคนส่องผ่านกลางช่องนั้นออกมา
ปังๆๆ…!
เสียงอันน่าอึดอัดใจดังขึ้น คนทั้งลานฝึกรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนหลายหน
กลุ่มสีทองทั้งเจ็ดที่มีท่าทางอันทรงพลังได้ปรากฏอยู่ด้านหน้าของเจียงหลี ยืนหลังตรงทื่อต่อหน้าผู้คนนับหมื่น แต่พวกเขากลับไร้ซึ่งอวัยวะบนใบหน้า โดยมีบางอย่างที่คล้ายหน้ากา ากคลุมอยู่ และในมือถือดาบเล่มใหญ่ ท่าทางน่าเกรงขาม มีพลังที่จนทำให้คนต้องรู้สึกเกรงกลัว
“นี่คือสิ่งใดกัน”
“เหมือนว่าเป็น…หุ่นเชิด”
“…”
ค่อยๆ มีเสียงวิจารณ์ดังขึ้นมาในกลุ่มคน
คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเจียงหลี นอกจากมู่เหยี่ยนฉือที่ยังคงยืนนิ่งดังเดิม คนอื่นๆ ต่างมองด้วยความรู้สึกประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงหลีแสดงหุ่นเชิดต่อหน้าผู้คน
“อัศวินเกราะทองทั้งเจ็ด หลังจากวันนี้จะไว้ที่จยาเซียนเพื่อปกป้องจยาเซียน” เจียงหลีเอ่ยออกไป
ทั้งใดนั้น บนร่างของอัศวินเกราะทองทั้งเจ็ด ก็มีรังสีพลังอำนาจระดับหวังเปล่งออกมา
“โอ้!”
เสียงอันตื่นตระหนกดังก้องทั่วสารทิศ ในเวลานี้พวกเขาได้เข้าใจความหมายในสิ่งที่เจียงหลีเอ่ยออกมาก่อนหน้านี้แล้ว
อัศวินเกราะทองทั้งเจ็ดตั้งมั่นปกป้องจยาเซียน ใครยังจะกล้ามุทะลุเข้ามากัน
หลังจากคนในลานฝึกซ้อมอยู่กันอย่างสงบนิ่ง ก็มีเสียงที่ตื่นเต้นดังขึ้นอีกครั้ง แต่คนที่ตื่นเต้นที่สุดก็คือมู่ชิงเหยียน เพราะเจียงหลีและพวกหลิงหวังทั้งหมดคงไม่อาจอยู่ในจ จยาเซียนได้นานหนัก มีหลายครั้งที่หลิงจงอย่างนางต้องเผชิญหน้าอย่างยากลำบาก แต่ในตอนนี้ มีอัศวินเกราะทองทั้งเจ็ดแล้ว ความกดดันของนางก็ลดลงไปมาก
“ชิงเหยียน เจ้าจะมีเวลาในการฝึกฝนแล้ว หากเจ้าต้องการเข้าสู่การบำเพ็ญ ก็ส่งสาสน์มาหาพวกข้า หากคนไหนว่าง ก็จะมานั่งบัญชาการแทนเจ้าเอง” เจียงหลีหันไปมองแล้วเอ่ยกับมู่ชิงเหยีย ยน
แววตาของมู่ชิงเหยียนแสดงออกถึงความตื้นตันใจและพยักหน้าอย่างแรง
“สวรรค์คุ้มครองจยาเซียนของพวกเรา! สวรรค์คุ้มครองประมุขเซียนของพวกเรา!”
“สวรรค์คุ้มครองจยาเซียนของพวกเรา! สวรรค์คุ้มครองประมุขเซียนของพวกเรา!”
“…”
หลังจากตกตะลึง ผู้คนนับหมื่นส่งเสียงดังกึกก้อง ดังสะท้อนไปทั้งประตูภูเขาแห่งจยาเซียนเป็นเวลานานต่อเนื่องไม่หยุด
…
คนในลานฝึกแยกย้ายกันไปหมดแล้ว อัศวินเกราะทองทั้งเจ็ดถูกจัดให้ไปอยู่ตามจุดต่างๆ เพื่อตั้งมั่นและปกป้องที่แห่งนี้ เจียงหลีใช้เวลาอันสั้น ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม แต่กลับสร้าง ความสั่นสะเทือนที่ยากจะลืมเลือนให้กับผู้คนนับหมื่นในจยาเซียน ผู้คนที่ใช้ชีวิตฝึกฝนอยู่ในซีฮวง กลุ่มคนระดับต่ำสุดได้เปิดโลกทัศน์ และสร้างความจงรักภักดีอย่างตั้งมั่นต่อจยา เซียนและเจียงหลี
ผู้ที่แข็งแกร่งควรค่าให้ผู้คนเคารพตลอดไป
สิ่งที่ควรทำก็ได้ทำไปแล้ว เจียงหลีและพรรคพวกก็กลับไปที่ตำหนักหลัก เพื่อปรึกษาหาเรื่องงานเลี้ยงเหล่าเซียน
“งานเลี้ยงเหล่าเซียน ตั้งชื่อได้ไม่เลว แต่เป็นเพียงงานเลี้ยงรวมตัวของพวกหัวมังกุท้ายมังกรก็เท่านั้น” กงเสวี่ยฮวาผู้นำกลุ่มอำนาจระดับสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม แล้วหันไปพู ดกับเจียงหลี “เจียงหลี เมื่อไหร่เจ้าถึงจะยกระดับอำนาจของจยาเซียนกัน”
“ใกล้แล้ว” เจียงหลีให้คำตอบที่ไม่ชัดเจน
ในเวลานี้ทุกคนไม่ได้คิดอะไรมาก และเดาไม่ออกว่าในใจของนางนั้นมีแผนการที่น่าเกรงกลัวอยู่
“หากจะเป็นกลุ่มอำนาจระดับกลาง ต้องมีหลิงหวงมาบัญชาการด้วยตนเอง” ฉินเทียนอีพูดเตือน
เจียงหลีโค้งริมฝีปากยิ้มแล้วมองไปทางพวกเขา เอ่ยเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ “ประมุขเซียนของจยาเซียนเป็นลูกศิษย์ตำหนักเย่า แถมยังมีผู้อาวุโสจากฮวงเสิน วังเทียนอู่กงและตำหนักหลี หั่วคอยสนับสนุน อยู่เบื้องหลัง กลุ่มอำนาจระดับสูงทั้งสองก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ใครมันจะกล้าบุ่มบ่ามบุกรุกเข้ามาตามอำเภอใจ และหากสถานการณ์เลวร้าย ข้าก็จะให้ศิษย์พี่ทั้งสามของข ข้า มาเป็นผู้อาวุโสของจยาเซียน”
เมื่อนางพูดเช่นนี้ ทุกคนก็หัวเราะขึ้นมา บรรยากาศดูผ่อนคลายมีความสุข ไม่มีความตึงเครียดสำหรับงานเลี้ยงเหล่าเซียนที่กำลังจะมาถึงเลยแม้แต่น้อย
“เล่าเรื่องงานเลี้ยงเหล่าเซียนหน่อย” เจียงหลีหันไปมองมู่ชิงเหยียน
มู่ชิงเหยียนพยักหน้า “งานเลี้ยงเหล่าเซียนจัดขึ้นเพื่อจัดระดับอำนาจของกลุ่มอำนาจระดับต่ำ แต่เพราะว่ากลุ่มอำนาจระดับต่ำนั้นมีจำนวนมาก ดังนั้น โดยทั่วไปแล้วก็จะแบ่งจัดตามพื้นท ที่ทั้งสี่ทิศเพื่อจัดงานไปพร้อมๆ กัน”
“พูดได้ว่าแข่งใครแข่งมัน” เจียงหลีเอ่ยอย่างคิดใคร่ครวญ
“ความจริงแล้วงานเลี้ยงเหล่าเซียนนั้นเลียนแบบงานปาฐกถาเจ้าครองนคร เพียงแค่ง่ายกว่าก็เท่านั้น” กงเสวี่ยฮวายิ้มแล้วพูดเสริม
มู่ชิงเหยียนพูดต่อว่า “ตามกฎที่มีมานั้น ตอนที่งานเลี้ยงเหล่าเซียนเริ่มขึ้น จะมีการจัดสังเวียนโดยแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกมีเพื่อแก้ไขปัญหาความแค้นระหว่างกลุ่มอำนาจสอง กลุ่ม ส่วนอีกประเภทหนึ่ง ก็คือการจัดอันดับเพื่อเลื่อนระดับ”
“ลงรายละเอียดเรื่องสังเวียนในการจัดอันดับหน่อย” เจียงหลีเน้นจุดสำคัญ
“ได้” มู่ชิงเหยียนพยักหน้า “หากพูดถึงการจัดอันดับเลื่อนขั้นก็นับว่าง่ายมาก ให้ทุกสำนักส่งคนมาห้าคนเพื่อยึดพื้นที่บนเวทีประลอง โดยผลัดกันป้องกันพื้นที่ หากชนะรอบหนึ่ง จะได ด้เพิ่มสิบคะแนน หากแพ้ก็โดนไล่ให้ลงจากเวที คะแนนสะสมทั้งหมดก่อนหน้านี้จะกลายเป็นศูนย์ หากอยากได้คะแนนก็จะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ หลังจากนั้นหนึ่งเดือน ก็จะดูตามระดับคะแนน เพื่อจัดระดับกลุ่มอำนาจ”
“ข้าจำได้ว่าอันดับต้นๆ ถึงสามารถเข้าประลองกับกลุ่มอำนาจระดับกลางได้ใช่ไหม” จู่ๆ เจียงหลีก็เอ่ยขึ้นมา
“ถูกต้อง!” กงเสวี่ยฮวาเอ่ยขึ้น “กลุ่มที่สะสมคะแนนได้อันดับแรกๆ ถึงสามารถเข้าประลองกับกลุ่มอำนาจระดับกลางได้ หากชนะการประลองกับกลุ่มอำนาจระดับกลางก็จะได้เข้าไปแทนที่ แต่ หากแพ้ก็จะกลับไปอยู่อันดับท้ายสุดของกลุ่มอำนาจระดับต่ำ”
มุมปากของเจียงมีรอยยิ้มเลศนัยปรากฏขึ้น เอ่ยกับทุกคน “อืม ข้าเข้าใจแล้ว พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่เรียกประชุมของงานเลี้ยงเหล่าเซียนแล้วสินะ?”