ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 102 คนที่จ้องจะเอาชีวิตของเจ้าช่างมีมากเสียจริง
ฟุบฟุบ
ลูกธนูที่แหลมคมและแฝงด้วยเจตนาฆ่า แปรเปลี่ยนเป็นแสงที่เย็นวาบสองเส้น ตัดผ่านท้องฟ้า พุ่งตรงมายังลู่เสวียน
กะด้วยสายตาแล้ว คงจะทิ่มแทงเข้าไปในตัวเขา
เมื่อลูกธนูพุ่งออกมา ลู่เสวียนก็รับรู้ได้แล้ว เขาเงยหน้าขึ้น มองไปยังแสงเย็นวาบที่พุ่งตรงมายังเขา
แต่ทว่า ลูกธนูนี้ช่างเร็วเสียจริง
เร็วจนแทบจะหลบไม่ทัน!
ทันใดนั้น ลู่เสวียนสัมผัสได้ว่ารอบตัวเขามีเสียงส่งผ่านตามมาด้วย เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่สะโพก ร่างของเขาล้มลงบนกองหญ้าที่อยู่ตรงหน้า ด้วยท่าทางที่อับอาย และค่อยๆ หลบการโจมตีของลูกธนูที่ต้องการชีวิตเขา
แม้จะหลบทันเช่นนี้ แต่เสื้อคลุมของเขา ก็ถูกแสงเย็นวาบของลูกธนูตัดผ่าน แถมมีรอยขาดสองจุด
“ถุ้ย!” ลู่เสวียนเงยหน้าจากกองหญ้า บนใบหน้าที่งดงามนั้นเต็มไปด้วยหญ้า ยิ่งกว่านั้นปากของเขาเต็มไปด้วยดินที่เต็มไปด้วยเศษหญ้า
“หลียาโถ่ว!” ลู่เสวียนมองด้วยสายตาที่ดุเดือด จ้องมองไปยังใบหน้าของผู้ร้าย
แน่นอน เจียงหลีเองก็ค่อยๆ มองเขา “ไม่ต้องขอบคุณที่ข้าช่วยชีวิตเจ้า”
“……” ลู่เสวียนแทบจะกระอักเลือดออกมา เขาตั้งใจจะขอบคุณนางที่ช่วยชีวิตไว้อย่างนั้นหรือ
ลูกธนูสองลูกพุ่งมา ตามด้วยลูกธนูที่เล็งมาอีกเจ็ดถึงแปดลูก ครั้งนี้ ลูกธนูที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าไม่เพียงแต่เพ่งเล็งไปยังลู่เสวียน ยิ่งไปกว่านั้นยังรวมถึงเจียงหลีด้วย
“หลียาโถ่ว ระวัง!” ลู่เสวียนเห็นลูกธนูที่พุ่งมายังเจียงหลี เขาอ้าปากตะโกนบอกไปว่า ถ้าเด็กสาวนี่ตายที่นี่ ข้าจะบอกแก่พี่ชายเยี่ยงไรเล่า
“เจ้าเป็นห่วงตัวเองเถอะ” เจียงหลีเริ่มใช้กระบวนท่าหนึ่งก้าวพันย่อง ร่างนางเหมือนดังผีเสื้อ หลบลูกธนูที่พุ่งมาได้อย่างคล่องแคล่ว
พอเห็นว่าเจียงหลีไม่มีปัญหา ลู่เสวียนถอนหายใจกับตัวเอง ตัวเขากลิ้งไปข้างๆ และหลบลูกธนูที่พุ่งมาที่เขา
ลู่เสวียนลุกขึ้นจากพื้นอย่างคล่องแคล่ว โดยไม่สนใจดินและเศษหญ้าที่ติดบนร่างกาย ตะโกนแก่เจียงหลี “หลียาโถ่วพวกนี้ล้วนแต่เป็นนักฆ่า พวกเราหนีกันก่อน!”
นักฆ่า!
เจียงหลีเงียบลง คิดไม่ถึงว่านางเพิ่งจะเจอกับลู่เสวียนได้ไม่นาน ก็ต้องพบกับการลอบสังหารแล้ว
ที่ลู่เจี้ยจะเป็นกังวล ก็ใช่ว่าไม่มีเหตุผล
ลูกธนูรอบที่สองพุ่งเข้ามา คนที่ซุ่มในที่มืดยังไม่ยอมหยุด ลูกธนูที่มากขึ้น และพุ่งตรงมา ดูเหมือนจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะได้ชีวิตพวกเขา!
เจียงหลีมองไปที่ลู่เสวียน เขาเข้าไปที่โพรงหญ้าแล้ว แต่ลูกธนูพวกนั้นก็ยังไม่ปล่อยเขาไป
ไม่นานนัก เจียงหลีก็ไปหลบซ่อนเช่นเดียวกัน
ฟุบฟุบฟุบ
ด้านหลัง มีเสียงลูกธนูส่งผ่านมาอย่างไม่หยุด เจียงหลีรู้สึกถึงความแหลมคมที่อยู่ข้างหลัง ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้นางไม่พอใจเป็นอย่างมาก!
หากระดับเนี่ยนซือของข้าสูงกว่านี้อีกหน่อย ก็จะสามารถตรวจหาที่ซ่อนของนักฆ่าเหล่านั้นได้ เจียงหลีบ่นในใจ
“หลียาโถ่วตามข้ามา” มีเสียงของลู่เสวียนส่งผ่านมาจากทางนั้น
เจียงหลีมองไป นางเห็นลู่เสวียนกำลังวิ่งไปที่หน้าผา
นี่เป็นเส้นทางที่ไม่เลว ขอเพียงแค่อ้อมไปที่หน้าผา ก็จะสามารถปิดกั้นการโจมตีของพวกที่ซุ่มโจมตี และหลบการโจมตีของลูกธนูนั้นได้
ทั้งสองราวกำลังเต้นรำในกระทะน้ำมัน เปลี่ยนแปลงตำแหน่งบนพื้นไปเรื่อยๆ เพื่อหลบลูกธนูเหล่านั้น
การไล่ล่าของคนที่ซุ่มในที่มืด ทำให้ทั้งสองรับรู้ได้ถึงความอำมหิตที่ต้องการชีวิตของพวกเขา
“เจ้านี่ช่างสรรหาปัญหาเสียจริง” เจียงหลีวิ่งไปข้างๆ ลู่เสวียน ทั้งสองหันตัวไป ในที่สุดก็เข้าไปหลังหน้าผา หลบหนีลูกธนูที่เสมือนมีดวงตาติดอยู่ด้วย
ลู่เสวียนยิ้มอย่างเย้นหยัน “บางครั้ง ไม่ใช่ข้าที่เป็นคนไปหาปัญหา แต่เป็นปัญหาต่างหากที่มาหาข้า”
เจียงหลีกะพริบตา รู้ว่าในใจลู่เสวียนรู้ถึงอันตรายที่พบเจอจากภายนอก
“หลียาโถ่วลำบากเจ้าอีกแล้ว” ทันใดนั้น ลู่เสวียนยิ้มอย่างสดใสให้กับเจียงหลี รอยยิ้มของเขาสะอาดสะอ้าน แต่สายตาของเขาแฝงไปด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร” เจียงหลีค่อยๆ กล่าว
“อย่างไรซะ ผ่านวันนี้ไป ถือว่าข้าติดหนี้บุญคุณเจ้า หากเจ้ามีอะไรที่ต้องการให้ข้าช่วย ก็เอ่ยปากบอกข้าได้เลย” ลู่เสวียนกล่าวคำมั่นสัญญา
เจียงหลีไม่ได้พูดอะไร แต่สายตานางกลับมองไปด้านหลัง
“ที่นี่ยังไม่ใช่ที่ปลอดภัย พวกเราหนีก่อน กำจัดพวกมันเสร็จก่อนค่อยว่ากันอีกที” ลู่เสวียนกล่าว
“ฆ่าไม่ได้หรือ” นางมองไปที่เขา ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัย
เป็นเรื่องน่าอายเล็กน้อยที่ต้องวิ่งหนีเหมือนกระต่ายเช่นนี้
ลู่เสวียนกลับกล่าวว่า “พวกเขาเลือกที่จะลงมือที่หุบเขาโยวโยว แน่นอนว่าต้องเตรียมการวางแผนเป็นอย่างดี ดูจากจำนวนลูกธนูที่ยิงมาเมื่อครู่ น่าจะมีไม่ต่ำกว่าแปดคน และยังมีเนตรญาณระดับสูง พวกเราสองคนเผชิญหน้าโดยตรง จะเสียเปรียบเป็นอย่างมาก”
“อย่างนั้นก็หนีกันก่อนเถอะ” เจียงหลีก็ไม่ได้เป็นคนขี้ลังเล พอเข้าใจคำพูดของลู่เสวียนแล้ว ก็รีบตัดสินใจทันที
ลู่เสวียนพยักหน้าแรงๆ พาเจียงหลีมุ่งตรงไปยังต้นไม้ที่หนาแน่น ไปยังหุบเขาลึกที่มองไม่เห็นปลายทาง
และด้านหลังพวกเขา มีการรวมตัวของคนชุดดำที่สวมหน้ากากอยู่ไกลๆ จำนวนนั้นไม่ได้ต่างจากที่ลู่เสวียนคาดเดาไว้เท่าไหร่
หลังจากลู่เสวียนหลุดไปจากการไล่ตามของพวกเขา คนกลุ่มนั้นก็ตามไล่หลังไปยังทิศทางที่พวกเขาหนี
“คนที่อยากฆ่าเจ้าช่างมากเสียจริง! ก่อนหน้าก็มีจูเทียนโย่ว ตอนนี้ก็เป็นพวกไหนอีกก็ไม่รู้” หลังจากความรู้สึกแหลมคมด้านหลังหายไป เจียงหลีก็เยาะเย้ยลู่เสวียนที่อยู่ข้างๆ
ลู่เสวียนหัวเราะไม่หยุด สีหน้าที่เย่อหยิ่งนี้ช่างเหมือนราวกับพี่ชายของเขาเสียจริง
ถึงลู่เจี้ยจะสุขุมเยือกเย็น แต่ถ้าไปยั่วโมโหเขา เขาก็จะแสดงตัวตนที่มีท่าทางบ้าคลั่งออกมา แต่น่าเสียดาย คนที่มีโอกาสได้เห็น แท้จริงนั้นช่างน้อยยิ่งนัก
เจียงหลีคือหนึ่งในคนที่โชคดี
“เจ้าโง่นั่นรนหาที่ตายเอง น้องชายเศษเดนของมัน อายุเพียงแค่สิบสามก็กล้าลวนลามหญิงสาวข้างทางแล้ว ข้าตีขาของมันจนหักเพื่อสั่งสอน แต่เจ้าโง่นั่นยังกล้ามาซุ่มโจมตีคุณชายอย่างข้า ทำเหมือนว่าข้าเป็นลูกเจี๊ยบ คิดจะทำเช่นใดกับข้าก็ได้อย่างนั้นหรือ!” ลู่เสวียนกล่าวด้วยความไม่พอใจ
ที่แท้นี่คือสิ่งที่ทำให้ทั้งสองไม่ลงรอยกัน!
ตอนนี้เจียงหลีเข้าใจแล้ว จูเทียนโย่วก็ไม่ได้ตายอย่างอยุติธรรม! แต่รนหาที่ตายเอง พวกเขาเองก็ไม่จำเป็นต้องอ่อนข้อให้
“ส่วนคนกลุ่มด้านหลังนี้…” ลู่เสวียนเงียบลงครู่หนึ่ง เขาเก็บสีหน้าที่เยียดหยามจนหมดสิ้น เหลือเพียงความเข้มขรึม
กลุ่มคนด้านหลังนี้ เกรงว่าลู่เสวียนเองก็ไม่รู้ว่าเป็นนักฆ่าที่ใครส่งมาเช่นกัน เจียงหลีคาดเดาภายในใจ
ผู้ที่จ้องจะทำลายตระกูลลู่ช่างมากเสียจริง ผู้ที่รู้ได้ว่าลู่เสวียนจะเข้ามายังหุบเขาโยวโยว ได้ตระเตรียมนักฆ่ามาลอบโจมตีตั้งนานแล้ว และก็เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“กล้าวางแผนเช่นนี้ ฝีมือของนักฆ่าย่อมไม่ธรรมดา พวกเราเพิ่งจะเข้ามาที่หุบเขาโยวโยวนี้ ยังต้องอยู่ต่ออีกหลายวันถึงจะออกไปได้ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าไม่ผ่านการทดสอบ หากยังอยากเข้าฝึกในสถาบันไป๋หยวน ก็ต้องรอการเปิดรับสมัครครั้งต่อไปแล้ว” ลู่เสวียนกล่าว
เจียงหลีมองเขาด้วยความประหลาดใจ “มาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังคิดถึงเรื่องการทดสอบอยู่อีกหรือ”
ลู่เสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่าให้พวกแมงเม่าไม่กี่ตัวมาก่อกวนภารกิจของพวกเราสิ”
สิ้นสุดคำพูด สีหน้าของเขาและเจียงหลีก็เปลี่ยนไปในทันใด