ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 233 ถล่มทับเศษสวะอย่างเจ้าเสีย!
เจียงหลีทำอะไรกันแน่
ที่จริงแล้ว นางไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแค่ตั้งใจจดจ่อกับการทำความเข้าใจเคล็ดทักษะอวี้ซานในเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ
ตัวหนังสือที่ไร้รสชาติเหล่านั้น หลังจากที่ถูกนางวิเคราะห์ครั้งแล้วครั้งเล่า กลายเป็นภาพต่างๆ ภาพเหล่านี้ล้วนเป็นภาพการเปลี่ยนแปลงของภูผา
การเปลี่ยนแปลงจากผืนทะเลเป็นผืนนา จากไม่มีเป็นมี จากก้อนหินหนึ่งก้อนกลายเป็นภูเขาสูงใหญ่ จากภูผากลายเป็นทะเลกว้างใหญ่
เหมือนว่า นางต้องหากฎเกณฑ์จากในนั้นให้ได้ จึงจะสามารถเข้าใจและควบคุมทักษะอวี้ซานนี้ได้
เมื่อความเข้าใจของนางมากขึ้นเรื่อยๆ เจดีย์หินก็เริ่มมีรอยร้าว ทักษะในชั้นอื่นๆ ก็เริ่มสลายตัวเรื่อยๆ แล้วสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
โลกภายนอก รอยร้าวบนตัวเจดีย์หินมากและลึกขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนกับว่า จะถล่มลงมาได้ในทุกเวลา
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว นางไม่รู้ว่าในเจดีย์หินนั้นเกิดอะไรขึ้น จนถึงถึงตอนนี้ เหตุใดเจียงหลีจึงยังไม่ออกมาอีก นางเข้าไปได้ครึ่งวันแล้ว แต่กลับยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด
ผู้เข้าสอบที่ถูกชักนำมานั้น เมื่อเห็นฉากนี้เข้า ก็ตกตะลึงยิ่งนัก พวกเขาทั้งสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจดีย์หิน ทั้งสงสัยว่า เจียงหลีได้อะไรดีๆ จากในนั้นกันแน่ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ได้เพิ่มมากี่คะแนน
ความสงสัยอันแรงกล้า ทำให้พวกเขาค่อยๆ เข้าใกล้เจดีย์หินมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
แสงแห่งความโลภ เผยออกมาจากดวงตาของพวกเขา ทุกคนต่างก็จ้องมองเจดีย์หินที่กำลังจะทลายลง
เหมือนกับว่า เพียงแค่เจียงหลีปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็จะเข้าไปช่วงชิง แย่งคะแนนของนางมา
มู่ชิงเกอสายตาเยือกเย็นเล็กน้อย มองดูคนที่ละเลยนางและค่อยๆ เข้าใกล้เหล่านั้น ขมวดคิ้ว ตะคอกเสียงต่ำ “ไสหัวไป!”
“ไสหัวไปหรือ” ใบหน้าอ่อนโยนของเฉียนจวิ้นก็ดุร้ายขึ้นมา เขากล่าวเสียดสี “ที่นี่ไม่สามารถสังหารคนให้ตายได้ ถึงแม้เจ้าจะทำให้พวกข้าตกรอบไป แล้วจะทำไม เมื่อออกไปแล้ว ถึงเจ้าจะแข็งแกร่งมากเพียงไร จะแข็งแกร่งไปกว่าประเทศหรืออย่างไร ถึงแม้เจ้าจะแข็งแกร่งกว่า แล้วเจียงหลีเล่า ชีวิตของนาง หากข้าอยากได้ ข้าก็ริบมาได้ทุกเวลา! ”
ใช้เจียงหลีมาขู่นางหรือ
มู่ชิงเกอสายตาเยือกเย็น องค์ชายท่านนี้ปลุกจิตสังหารของนางขึ้นมาได้สำเร็จ
นางไม่ใช่คนของโลกใบนี้แต่แรก และไม่คิดอยากจะเกี่ยวพันกับปัญหาในที่แห่งนี้ให้มากความ นางมาที่นี่ ก็เพื่อเจียงหลี นางไม่อยากจากไป นางจะคุ้มกันนาง
ทว่า เจ้างั่งคนนี้ กลับใช้ชีวิตของเจียงหลีมาข่มขู่นางต่อหน้านาง
มู่ชิงเกอยิ้มออกมา รอยยิ้มกลับทำให้กระดิ่งเตือนภัยในใจหู่อี้ส่งเสียงดังขึ้น “องค์ชายรองระวัง!”
เขาเตือนแล้ว แต่ก็ช้าไปหนึ่งก้าว
เฉียนจวิ้นที่ก่อนหน้านี้ยังกำเริบเสิบสานอยู่นั้น รู้สึกว่าร่างกายของตนเสียการควบคุมไปทันใด แล้วพุ่งกระโจนไปข้างหน้า เมื่อเขาหยุดลง ก็มาอยู่ตรงที่ที่ห่างจากมู่ชิงเกอสามไม้บรรทัด มือของนางก็กำลังจับอยู่ที่คอของเขา ความรู้สึกหายใจไม่ออกทำให้เขาไม่สามารถพูดได้ สีหน้าก็กลายเป็นสีม่วงคล้ำ
เขาขัดขืนอย่างหวาดกลัว แล้วมองไปยังมู่ชิงเกอที่ยังยิ้มแย้มอยู่
“เจ้าขู่ข้าอยู่หรือ” มู่ชิงเกอเอ่ยถามอย่างสบายๆ ถึงแม้นางจะไม่ใช่คนบนโลกใบนี้ สิ่งที่ฝึกฝนบำเพ็ญก็ไม่ได้อยู่ในระบบของโลกใบนี้ แต่อย่าลืมว่า ตอนนี้นางมาจากโลกใบหลัก เป็นสถานที่ที่เส้นทางต่างๆ มาบรรจบกัน สรรพสิ่งไม่เปลี่ยน รู้ว่าสัจธรรมใดๆ ล้วนมาจากแหล่งเดียวกัน ไม่ว่านางจะไปที่ใด ก็ยังคงยิ่งใหญ่แข็งแกร่งเช่นเดิม
“หยุดนะ!” หู่อี้ตกใจ
หากเฉียนจวิ้นตายต่อหน้าเขา จุดจบของเขาก็เลวร้ายเช่นกัน
เสียงของเขา ทำให้มู่ชิงเกอกลอกตาไปเหลือบมองเขา สายตาที่มองนี้ กลับทำให้หัวใจประหนึ่งถูกฟ้าผ่า เจ็บปวดเหน็บชาไปทั้งร่างเดินหรือขยับไม่ได้เลย
ช่างน่ากลัวนัก! ช่างเก่งกาจยิ่งนัก! ในดวงตาของหู่อี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาไม่อาจคาดคิดได้เลยว่าเฉียนจวิ้นไปล่วงเกินผู้ใดเข้า!
“เจ้า…เจ้าสังหารข้าไม่ตายหรอก…” เฉียนจวิ้นกว่าจะพูดประโยคหนึ่งออกมาได้
มู่ชิงเกอกลับยิ้มออกมาด้วยท่าทีสนุกสนานมากกว่าเดิม “สังหารที่นี่อาจจะไม่ตาย แต่ก็ทำให้เจ้ารู้ถึงรสชาติความตายได้ อีกอย่าง เจ้าชอบข่มขู่คนนัก เช่นนั้นตอนที่ออกไปแล้ว ข้าทำลายประเทศนี้ไปด้วยเลยดีหรือไม่”
เฉียนจวิ้นเบิกตากว้าง มองนางด้วยความหวาดกลัว
คนอื่นๆ ที่เข้าสอบอยู่ เมื่อเห็นฉากนี้เข้า ต่างก็เผยสีหน้าอันหวาดกลัวออกมา แล้วต่างก็ถอยหลังไป
คนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ พวกเขาไม่กล้าตั้งตนเป็นศัตรูด้วย
ทว่า เวลานี้เอง เจดีย์หินที่ใกล้จะถล่มลงมานั้น ก็ระเบิดขึ้นมากะทันหัน
ก้อนหินที่แตกเป็นเสี่ยงๆ นั้นไม่ได้พุ่งกระจายไปรอบๆ แต่กลับรวมตัวกัน ตรงกลางของก้อนหินเหล่านั้น มีเงาคนเล็กๆ ลอยอยู่ คือเจียงหลีที่เข้าเจดีย์ไปนั่นเอง
ทุกคนต่างมองนางด้วยความตกตะลึง ก้อนหินที่แตกออกเหล่านั้น ล้อมรอบนาง เหมือนว่าถูกควบคุมเอาไว้
มู่ชิงเกอกลอกตามองดูเจียงหลี
เห็นเพียงผมของนางลอยกลับหัว ตั้งตรงอยู่กลางอากาศ ดวงตาทั้งสองหลับสนิท เหมือนว่าจะยังไม่ได้ตื่นขึ้นมาจากการฝึกบำเพ็ญ
มู่ชิงเกอยกคิ้วขึ้น รู้ว่าเจียงหลีคงจะได้ของดีไม่น้อย
ทันใดนั้นเอง เจียงหลีที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ลืมตาขึ้น ดวงตาอันสดใสคู่นั้น เหมือนดั่งสุริยาจันทราที่อยู่ในนภา โดดเด่นสะดุดตานัก ส่องแสงสู่ผืนดิน ส่องสว่างบนท้องฟ้ายามราตรี
ทักษะอวี้ซาน! เจียงหลีทอดถอนในใจ สายตาของนางค่อยๆ กวาดไป ที่ที่มองผ่านไป ทุกคนต่างก็รู้สึกขนหัวลุก มีความรู้สึกเหมือนภาพลวงตาดั่งถูกเทวดามองลงมา
เมื่อสายตาของนางมาหยุดอยู่ที่มู่ชิงเกอ ดวงตาอันสุกสว่างก็หรี่ลงเล็กน้อย แล้วกวาดสายตาไปยังเฉียนจวิ้นที่ใกล้จะถูกมู่ชิงเกอบีบคอตาย
“เขาล่วงเกินเจ้าหรือ” เจียงหลีเอ่ยปากถาม
มู่ชิงเกอก็ไม่ได้ปิดบัง แล้วพยักหน้ากล่าว “เหมือนจะใช่”
“เอามาให้ข้า” เจียงหลีสายตาชะงักไปแล้วกล่าวเยาะเย้ย
“ได้” มู่ชิงเกอไม่พูดพร่ำทำเพลง ยกมือขึ้นโยนร่างของเฉียนจวิ้นให้เจียงหลีที่ลอยอยู่กลางอากาศเหมือนดั่งโยนผ้าขี้ริ้ว
“โอ้ย! เจียงหลีเจ้ากล้าสังหารข้าหรือ!” เฉียนจวิ้นที่ในที่สุดก็พูดได้อีกครั้ง จ้องเจียงหลีอย่างดุร้าย
เจียงหลีมองเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสักขีพยานช่วงเวลาอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยเลยก็แล้วกัน” เมื่อพูดจบ ดวงตาของเจียงหลีก็ดุร้ายขึ้นมา
ก้อนหินที่ลอยล้อมรอบตัวนางเหล่านั้น เหมือนกับว่าได้รับคำบัญชา ต่างก็ลอยเข้าไปกระแทกบนร่างของเฉียนจวิ้น
“โอ้ย…! ”
ก้อนหินตกกระทบบนร่างของเฉียนจวิ้นเหมือนดั่งห่าฝน แล้วกระแทกเขาลงบนพื้น
เจียงหลีที่ลอยอยู่กลางอากาศ ควบคุมพลังแห่งธรรมชาติดั่งผีสางเทวดา ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายต่างหวาดผวา
มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้น มองดูเจียงหลีปล่อยแสงเปล่งประกาย ก็เผยรอยยิ้มออกมา นางดีใจกับสหายรักของนางอย่างจริงใจ
เจียงหลีนั้น เดิมทีก็ควรจะโดดเด่นสะดุดตาแต่แรก ไม่ใช่ติดตามอยู่ด้านหลังคนอื่น
ตู้ม!
ร่างกายของเฉียนจวิ้นถูกกระแทกบนพื้น ก้อนหินเหล่านั้นก่อตัวกลายเป็นภูเขาหินบนร่างของเขา เขา ตกรอบแล้ว! คะแนนของเขาก็ย่อมตกเป็นของเจียงหลีไปโดยปริยาย
หู่อี้หน้าเสียอย่างมาก แต่เนื่องด้วยกฎนั้นจึงต้องตกรอบตามเฉียนจวิ้นไป
เจียงหลีมองด้วยหางตาอย่างดูแคลน แล้วก็มองไปยังผู้เข้าร่วมทดสอบคนอื่นๆ “มอบคะแนนมา หรือจะตกรอบไป พวกเจ้าเลือกเอาเองแล้วกัน”
นางไม่ลืมว่า ที่นี่ ทุกคนคือศัตรู!
ขณะที่นางฝึกบำเพ็ญอยู่ในเจดีย์หินนั้น คนเหล่านี้ก็คิดอยากจะทำร้ายนางมิใช่หรือ
“ให้…ให้คะแนน อย่าสังหารพวกข้าเลย…”
เมื่อได้สติกลับมาจากภาพที่เฉียนจวิ้นถูกหินกระแทกจนตกรอบไปแล้ว ไม่มีใครอยากจะไปสัมผัสรสชาตินั้นอีก
………………..