ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 234 อาหลี เจ้าชอบใครกันแน่
บนซากปรักหักพังนั้น ผู้คนที่ถูกเจดีย์หินดึงดูดมานั้น ส่งคะแนนมาให้แล้วต่างก็รีบหลบหนีไป
เจียงหลีลอยตัวตกลงมาอย่างช้าๆ เก็บคะแนนบนพื้นไป แล้วมายังข้างกายมู่ชิงเกอ นางไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็มีเสียงชายชราลอยมาจากกลางอากาศ…
“ฝึกทักษะอวี้ซาน ในระดับหายากสำเร็จ ได้รับหนึ่งพันคะแนน”
เมื่อเสียงนั้นพูดจบก็หายไป
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงหลีก็ยิ่งสดใสมากขึ้น
เมื่อเห็นท่าทางได้ใจของนางแล้ว มู่ชิงเกอก็กล่าวอย่างขบขัน “เก็บอาการหน่อยได้หรือไม่ เหมือนกลัวคนอื่นจะไม่รู้ว่าคะแนนของเจ้าในตอนนี้สูงมากอย่างนั้นล่ะ”
ก็สูงจริงๆ มิใช่หรือ
อย่าว่าแต่คะแนนที่นางหาได้เองหนึ่งพันสามร้อยคะแนนเลย เพียงแค่คะแนนที่แย่งมาจากเฉียนจวิ้นและคนอื่นๆ นั้น ก็ได้มาพันสองพันคะแนนแล้ว
รวมกันแล้ว นางได้คะแนนประมาณสามพันกว่าคะแนน คาดว่าน่าจะชนะผู้เข้าร่วมการทดสอบทั้งหมดแล้วกระมัง
“อย่างไรเสีย มีสุดยอดฝีมืออย่างเจ้าคอยคุ้มกัน ถึงแม้ข้าจะได้ใจ ก็คงจะเป็นอะไร” เจียงหลีกล่าวเย้าหยอก
มู่ชิงเกอส่ายหน้าหมดคำพูด
รอให้นางดีใจสักพัก จึงกล่าวเตือนว่า “องค์ชายนั่นถูกเจ้าทำให้ตกรอบ หลังจากนี้น่าจะยุ่งยาก ต้องให้ข้าลงมือหรือไม่”
“ไม่ต้อง” เจียงหลีเก็บรอยยิ้มนั้นแล้วกล่าวเยาะเย้ย “ในเมื่อเป้าหมายคือข้า ก็ให้ข้าเป็นคนจัดการเองแล้วกัน”
“ได้” มู่ชิงเกอพยักหน้า ไม่ได้บังคับขัดขืนใด
นางจะไม่ไปขวางทางเติบโตของเจียงหลี!
“ไปที่ใดกันต่อ” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม
เจียงหลียักไหล่ “อย่างไรเสียเราก็มีคะแนนมากมายเพียงนี้แล้ว พวกเราก็ไม่ต้องรีบร้อนไป หาที่นั่งดื่มสุรากันต่อเถิด”
มู่ชิงเกอหลุดหัวเราะออกมา รู้ว่าอาการเกียจคร้านของหญิงผู้นี้กำเริบอีกแล้ว
หากไม่มีความเร่งรีบคาดคั้นนางไว้ ไม่มีความกดดันให้แบกรับ นางก็สามารถเกียจคร้านจนออกนอกเส้นขอบฟ้าไปได้!
เพราะอย่างไรเสีย ในเส้นทางการเป็นจักรพรรดินีของนางนั้น แต่ไหนแต่ไรมา นางพูดอะไรก็ทำสิ่งนั้น ไม่มีใครบังคับนาง ทุกคนต่างก็เอ็นดูรักใคร่นาง
มู่ชิงเกอรู้สึกโชคดีขึ้นมาทันใด เจียงหลีที่เติบโตมาท่ามกลางแวดล้อมของความเอ็นดูตามใจนั้น ไม่ได้นิสัยเสียหรือนิสัยแปลกไปเป็นเรื่องโชคดียิ่งนัก
…
สถานที่แห่งหนึ่งในสนามทดสอบ ทิวทัศน์ที่นี่สวยงามนัก ภูเขาลำเนาไพร ล้วนซ่อนอยู่ในทะเลเมฆหมอก
เจียงเฮ่าและลู่เสวียนค้างแรมนอกทะเลเมฆหนึ่งคืน เมื่อท้องฟ้าสว่างขึ้น จึงกล้าเข้าไปในทะเลเมฆหมอกเพื่อพิชิตภารกิจ
แก๊กๆ…
ด้านล่างเท้าของพวกเขา มีเสียงโซ่ตรวนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งสองเดินตามกันอย่างระมัดระวัง
ด้านล่างของพวกเขา เป็นเหวหมื่นจั้งที่มองไม่เห็นจุดหมาย
ด้านหน้านั้น ถูกเมฆหมอกบดบัง มองไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่าด้านหน้ายังห่างไกลอีกเพียงใด และไม่รู้ว่าในเมฆหมอกนั้นมีอันตรายใดหลบซ่อนอยู่
“พี่เฮ่า เบาะแสภารกิจนี้บอกเพียงว่า ต้องเดินตามโซ่ตรวนเข้าสู่ทะเลเมฆ ทำอย่างไรจึงจะถือว่าภารกิจสำเร็จ กลับไม่ได้บอกชัดเจน ประหลาดยิ่งนัก” ลู่เสวียนอาสาเดินอยู่ด้านหน้า พูดข้อสงสัยของตนออกมา
เจียงเฮ่าขมวดคิ้ว “ข้าก็รู้สึกแปลก รู้สึกว่าไม่น่าง่ายเช่นนั้น สรุปก็คือ พวกเราระวังหน่อยแล้วกัน อย่าตกหลุมพราง”
“อืม” ลู่เสวียนพยักหน้า แล้วระแวดระวังมากขึ้น
เดิมทีทั้งสองจะหาเบาะแสของเจียงหลี แต่กลับหาไม่พบ ด้วยความจนใจ จึงได้แต่ทำภารกิจไปด้วย ตามหาเจียงหลีไปด้วย
ผ่านไปสามสี่วัน ทั้งสองก็มีคะแนนสะสมไม่น้อย เมื่อพบคู่ต่อสู้ ก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ไปไม่น้อยเช่นกัน
ตอนนี้ สนามทดสอบยังเหลืออยู่กี่คนพวกเขาก็ไม่รู้เช่นกัน รู้เพียงว่า เมื่อการทดสอบยังไม่สิ้นสุดลง ก็ต้องเก็บคะแนนไปเรื่อยๆ
ครืดๆๆ…!
ทันใดนั้น โซ่ตรวนใต้เท้าของทั้งสองก็สั่นสะเทือน
ลู่เสวียนหยุดลงกะทันหัน ตาก็มองไปทางทะเลเมฆด้านหน้าอย่างระแวง เจียงเฮ่าก็หยุดเช่นกัน มือทั้งสองมีพลังวิญญาณรอบล้อม สามารถจู่โจมได้ตลอดเวลา
ทั้งสองไม่ได้ขยับ แต่โซ่ตรวนล่างเท้าพวกเขานั้นยังคงสั่นสะเทือนอยู่ นั่นก็หมายความว่า ตรงข้ามนั้นมีอะไรบางอย่างกำลังเข้าใกล้พวกเขา อีกยังอยู่บนโซ่เส้นเดียวกันเสียด้วย
ลู่เสวียนแอบมองไปด้านล่าง เต็มไปด้วยทะเลเมฆ เหวลึกหมื่นจั้ง เวลานี้ โซ่ที่พวกเขาเหยียบอยู่นั้น ยืนอยู่ตรงกลาง ด้านหน้ามีสิ่งกีดขวาง ด้านหลังไร้หนทางถอยกลับ
“ภารกิจในนี้ ขุดหลุมพรางลึกเชียวนะ!” ลู่เสวียนกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้
ตลอดทางที่มา ทุกครั้งที่พวกเขาพบภารกิจ ขณะที่ทำภารกิจอยู่นั้น ก็มักจะรู้สึกเหมือนถูกซุ่มทำร้าย ถูกหลอกลวงอยู่ตลอด
ก็เหมือนกับตอนนี้ ความเคลื่อนไหวของฝั่งตรงข้ามนั้น เพิ่งจะมาตอนที่พวกเขาเดินมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว จะต้องเป็นภารกิจที่จงใจจัดให้เป็นเช่นนี้เป็นแน่
“รวบรวมสมาธิ” เจียงเฮ่าเตือน
ลู่เสวียนเม้มปากแน่น ไม่พูดต่อ
ทั้งสองไม่ได้เดินหน้าต่อ หยุดอยู่กับที่ รอให้สิ่งที่อยู่ตรงข้ามนั้น เดินออกมาจากเมฆหมอกนั้น แล้วจัดการให้ถึงชีวิตทีเดียว
เป็นไปได้ว่า เอาชนะสิ่งที่อยู่ตรงข้าม ก็คือการทำภารกิจจนสำเร็จ!
ทันใดนั้น ทั้งสองก็เกิดปัญญาขึ้น
แก๊กๆ…
เสียงโซ่ตรวนดังใกล้เข้ามาทุกที
ท่ามกลางเมฆหมอกนั้น มีเงาเผยออกมารำไร แล้วเงาคนสองคนก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงข้ามกับลู่เสวียนและเจียงเฮ่า
“อาหลี!” ขณะที่เจียงเฮ่ากำลังจะลงมือ เงาคนที่คุ้นเคย กลับทำให้เขารีบชะงักไว้
“อาซ้อ!” ลู่เสวียนก็กล่าวอย่างประหลาดใจเช่นกัน
พวกเขาไม่คิดว่า คนที่มาจากฝั่งตรงข้ามของเมฆหมอกนั้น จะเป็นเจียงหลีไปได้ แล้วยังมี…เพื่อนคนนั้นของนางอีก
“พี่ใหญ่ เสี่ยวเสวียนจื่อ” เจียงหลีก็คิดไม่ถึงเช่นกัน
นางไม่คิดว่า จะได้พบทั้งสองคนในสถานการณ์เช่นนี้
“แล้ว…ทำอย่างไรต่อ ภารกิจเหมือนว่าจะให้เราสู้กันเอง!” ลู่เสวียนลูบจมูกอย่างเคอะเขิน
ผลของภารกิจนี้ ไม่ต้องลุ้นกันเลย!
ปกติเจียงหลีตีเขา ก็ไม่ได้ออมมือให้ บวกกับเจียงเฮ่าที่ตามใจน้องสาวเช่นนี้ ไม่ต้องสู้กัน พวกเขาก็แพ้แล้ว
เมื่อลองคิดดู ลู่เสวียนก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมา
“หรือว่า ถอยกลับไปก่อนดี” มู่ชิงเกอเสนอแนะ
“ความคิดนี้ดี! พวกเราอย่าสู้กันเองเลย! ถอยกลับไปก่อน! ” ดวงตาลู่เสวียนเปล่งประกาย แล้วรีบทำตาม
เจียงหลีและเจียงเฮ่าก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ ฉะนั้นทั้งสี่คนก็ค่อยๆ ถอยออกไปด้านหนึ่ง ยืนอยู่นอกทะเลเมฆ
“พี่ใหญ่ พวกนี้ข้าให้พวกเจ้า” เจียงหลีหยิบขนนกวิญญาณออกมาสิบก้าน และคะแนนที่แย่งมาได้ ยัดให้เจียงเฮ่าและลู่เสวียน
“ขอบคุณอาซ้อขอรับ!” ลู่เสวียนรับไว้อย่างปิติยินดี ไม่เกรงใจเลยสักนิด
เจียงเฮ่ากลับลังเลสักครู่ “อาหลี พวกนี้…”
รู้ว่าเขาจะพูดอะไรเจียงหลีจึงรีบกล่าว “คะแนนของข้ามีมากนัก พวกนี้ไม่เท่าไรหรอก”
เป็นความหวังดีของน้องสาว เจียงเฮ่าจึงได้แต่รับไว้ แต่ทว่า หลังจากที่เขาแอบมองมู่ชิงเกอแล้ว ก็ลากเจียงหลีเดินไกลออกไป
เจียงหลีตามไปกับเขาด้วยความสงสัย มู่ชิงเกอยืนอยู่กับที่ มองดูท่าทีของเจียงเฮ่า แล้วยักคิ้วขึ้น
ทันใดนั้น สายตาที่เป็นศัตรูนั้นก็มองมาที่นาง มู่ชิงเกอกลอกตาแล้วมองไป ก็เห็นลู่เสวียนมองนางอยู่ด้วยสายตาเย็นเยือก
เอ่อะ…
มู่ชิงเกอมุมปากกระตุกเล็กน้อย นางไปทำอะไรให้ทุกคนโมโหกัน
ที่ที่ไกลออกไป เจียงหลีเอ่ยถามอย่างสงสัย “พี่ใหญ่จะพูดอะไรหรือ ต้องลับตาเพียงนี้”
บนหน้าของเจียงเฮ่า มีสีหน้าจริงจังเคร่งเครียดที่น้อยนักจะพบเห็น เขาจ้องมองเจียงหลี จนทำให้เจียงหลีขนหัวลุก “อาหลี เจ้าชอบใครกันแน่”
………………..