ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 406 แม่นางคนงามจะคิดสั้นไปทำไม
“ไปกันเถอะ เดินเข้าไปด้านในต่อ อาจมีอะไรสนุกๆ ให้ดู หากพวกเราโชคดี อาจได้อะไรดีๆ ติดไม้ติดมือ” จอมยุทธ์กล่าว
ชิงหว่านและเจียงหลีเดินตามเขาเข้าไปด้านใน
แต่เจียงหลีไม่ได้สนใจเรื่องด้านนอกมากนักกลับคิดวางแผนให้ตัวเองอยู่
เดิมที่แผนของนางคือ แกล้งตายในถ้ำสวรรค์ หลังจากเปลี่ยนใบหน้าใหม่ แล้วรอให้พ้นสี่สิบเก้าวัน จึงจะจากไปอย่างเงียบๆ หนีจากสำนักพรตเสวียนหมิงไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่ยังมียันต์ธาราทมิฬอยู่ เกรงว่าอาจทำให้นางตายไปอีกรอบ
มีโอกาสที่จะฟื้นคืนชีพได้สามครั้ง หากตายจากที่นี่ไปครั้งหนึ่ง ใจเจียงหลีย่อมไม่ยินยอม
“ดู ข้างหน้ากำลังไล่ฆ่ากันอยู่” จอมยุทธ์ยกคางขึ้นไปยังทิศทางคลื่นพลังวิญญาณที่ดูรุนแรง พูดแนะนำทั้งสอง
“ไล่ฆ่าหรือ” ชิงหว่านเอ่ยแบบอยากรู้อยากเห็น
จอมยุทธ์พยักหน้า “ไล่ฆ่า แท้จริงแล้วคือการก่อสงครามอย่างไม่มีแบบแผน”
“นี่มัน…” ชิงหว่านรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชิน
จอมยุทธ์หัวเราะเสียงดังและมองไปยังนาง “หากเจ้าไม่คุ้นชินกับการฆ่าคนจำนวนมาก ก็ไปหาพวกสัญลักษ์แดง สัญลักษ์เงิน หรือสัญลักษณ์ทองพวกนั้นเพื่อท้าประลอง ฆ่าได้หนึ่งคน ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง”
“…” ชิงหว่านชะงักงัน มองตาขวางไปทางเขา “ถ้าฆ่าคนระดับนั้นได้ คนๆ นั้นคงเก่งมากใช่หรือไม่ เมื่อคิดดูแล้วต่อให้เป็นท่านก็ใช่ว่าจะทำได้อย่างง่ายดาย”
“ดูถูกกันเกินไปแล้ว! ข้าแค่ใจกว้างกับหญิงงามทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า” จอมยุทธ์ตะโกนเสียงดัง
“หึ!” น้ำเสียงที่ฟังดูคลุมเครือ ทำให้ดวงตาคู่นั้นของชิงหว่านแดงก่ำและส่งเสียงดูแคลน
“ไปเถิด” เจียงหลีหันหลังกลับ เดินไปทิศทางตรงข้ามกับจุดที่ต่อสู้
จอมยุทธ์และชิงหว่านรู้สึกฉงนแล้วเดินตามไป
“เหตุใดจึงไม่ดูแล้วเล่า” จอมยุทธ์ตามถาม
เจียงหลีหัวเราะตอบ “วันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี ไม่อยากฆ่าคน”
“…” จอมยุทธ์มองไปที่นางอย่างงงงัน เอ่ยพึมพำ “อารมณ์ไม่ดี ยิ่งต้องฆ่าคนไม่ใช่หรือ”
“นี่เพิ่งวันที่สอง ไม่ต้องรีบหรอก” ชิงหว่านยิ้มหวาน เดินแยกจากเจียงหลีไป ไม่ได้กล่าวโทษอะไร
ในความเป็นจริง หากดูตามนิสัยนาง ในหนึ่งวันฆ่าไปไม่กี่คน ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
หากให้นางไล่ฆ่าคนทุกวัน นางคงเป็นบ้าเสียก่อน
เมื่อจนปัญญากับแม่นางทั้งสอง จอมยุทธ์จึงพาพวกนางกลับไปยังตลาด ณ โรงเตี๊ยมที่จะพักอาศัยชั่วคราว
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเพิ่งกลับมาถึงไม่นาน เจียงหลีก็มาเคาะประตูห้องเขา
จอมยุทธ์เปิดปะตู มองไปยังหญิงสาวที่สวยหยาดเยิ้ม ยิ้มกรุ้มกริ่ม “ธิดาสวรรค์แม้แต่สัตว์เลี้ยงที่ตัวติดกันตลอดเวลายังยอมปล่อยลง เจ้ามาหาข้าถึงที่ หรือว่าจะชอบพอในตัวข้าแล้ว อยากมาใช้ชีวิตเคียงคู่กันใช่หรือไม่”
“เก็บท่าทางเจ้าชู้ไว้เถอะ ไม่ได้เป็นคนกะล่อนเช่นนั้น ทำไมต้องแสร้งทำด้วยเล่า” เจียงหลีเหล่ตามองเขา ผลักประตู และเดินเข้าไป
จอมยุทธ์ยิ้มมุมปาก ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มเอ่ยถาม “ธิดาสวรรค์รู้ได้อย่างไรว่าข้าแสร้งทำ ธิดาสวรรค์สวยจนทำให้คนหวั่นไหว เจ้างามไม่เป็นสองรองใคร ช่างงามเสียจริง งามจนทำให้ชายหนุ่มไม่อาจควบคุมตนเองได้”
“ไม่ได้แสร้งทำ ทำไมปากของเจ้าพูดจาแทะโลมไม่หยุด แต่ร่างกายกลับสงวนท่าที เวลาเดินไปไหนด้วยกัน ไยเจ้ายังตั้งใจรักษาระยะห่างระหว่างกันด้วยเล่า” เจียงหลีหันกลับไปมอง ยิ้มเอ่ย
จอมยุทธ์ตะลึง รอยยิ้มหายไปทันใดพลางส่ายหน้า “ข้าเคยไว้พูดแล้ว ธิดาสวรรค์ช่างฉลาดเสียจริง”
“พอได้แล้ว เลิกประจบเถอะ จนถึงตอนนี้เจ้ายังไม่ยอมบอกว่าเจ้าเป็นใคร มาประจบข้าก็ไร้ประโยชน์” เจียงหลีเอ่ย
“ที่ข้ามา ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า”
“เชิญธิดาสวรรค์พูด หากข้ารู้ จะตอบอย่างแน่นอน” จอมยุทธ์กลับมาเย้าแหย่ดังเดิม
เจียงหลีมองไปยังเขาอย่างตั้งใจ “เจ้ารู้จักยันต์ธาราทมิฬไหม”
“ยันต์ธาราทมิฬหรือ” จอมยุทธ์สีหน้าเปลี่ยน “ธิดาสวรรค์ถามถึงสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้ไปทำไม”
“พูดให้ข้าฟัง” เจียงหลีไม่ตอบคำถาม
จอมยุทธ์มองไปที่นาง มองไปยังใบหน้าที่งดงามของนางสักครู่ จึงเอ่ย “ยันต์ธาราทมิฬ เป็นสิ่งของที่เอาไว้ควบคุมคน เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็จะเข้าควบคุมร่างกายของคนๆ นั้น ครอบงำให้ทำในสิ่งที่ต้องการ”
“พูดให้ละเอียดหน่อย” เจียงหลีเอ่ย
จอมยุทธ์เงียบไปชั่วขณะ แล้วยิ้มอีกครั้ง “ในเวลาปกติ ยันต์ธาราทมิฬจะสงบนิ่ง แต่หากคนที่โดนควบคุมมีความอารมณ์ตรงข้าม หรืออยากต่อต้าน ยันต์ธาราทมิฬก็จะเริ่มออกฤทธิ์ ระดับเบา คือเจ็บอวัยวะภายในทั้งหมด… ”
เจียงหลีหรี่ตา นึกถึงตอนที่ชิงหว่านโดนฤทธิ์ของยันต์ธาราทมิฬ นั่นยังถือว่าเป็นเพียงระดับเบา
“ที่ร้ายกาจคือ โลหิตที่หมุนเวียนทั่วกายจะแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง ร่างกายจะค่อยๆ แข็งจนขยับตัวไม่ได้ และรู้สึกทรมานเป็นที่สุด” จอมยุทธ์พูดจบ สายตามองไปยังใบหน้าเจียงหลี คล้ายสังเกตสีหน้า
แต่ใบหน้าเจียงหลีกลับดูปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“นอกจากนี้ เพียงกลิ่นอายของยันต์ธาราทมิฬ ก็สามารถรู้ได้ถึงที่อยู่ของคนที่โดนยันต์ธาราทมิฬควบคุมอยู่” จอมยุทธ์พูดเสริม
เจียงหลีเหลือบตาลงต่ำมีรังสีอันเยือกเย็นขณะนั่งคิดในใจ ยันต์ธาราทมิฬเป็นสิ่งของชั่วร้ายที่ทำลายอวัยวะภายใน
“ทำอย่างไรถึงจะกำจัดยันต์ธาราทมิฬออกไปได้” เจียงหลีถามขึ้นอีกครั้ง
เขาตะลึงงัน และหัวเราะเสียงดัง
เจียงหลีมองไปที่เขาอย่างสงสัย
หลังจอมยุทธ์หัวเราะ จึงเอ่ย “ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม กำจัดยันต์ธาราทมิฬ ธิดาสวรรค์รู้หรือไม่ว่าทำไมยันต์ธาราทมิฬถึงได้ชื่อว่าเป็นของชั่วร้ายก็เพราะเมื่อหลังจากมันเข้าสู่ร่างกายใคร ก็ไม่อาจจำกัดมันได้ นอกจากตายสถานเดียว”
เป็นไปอย่างที่คิด!
ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ดวงตาเจียงหลีเป็นประกาย เม้มริมฝีปาก
“ธิดาสวรรค์ เหตุใดถามละเอียดเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเจ้าโดนฤทธิ์ยันต์ธาราทมิฬหรอกนะ” จอมยุทธ์มองเจียงหลีทั่วร่างกาย ดวงตามองอย่างคิดวิเคราะห์
เจียงหลียิ้มบางๆ ยื่นมือออกไป ยกนิ้วเรียกตรงหน้าเขา
พฤติกรรมที่ตามใจตัวเองของนางนั้น ทำให้ในใจจอมยุทธ์เต้นรัว ร่างกายร้อนรุ่มขึ้นมา หญิงสาวคนนี้…ช่างงดงามเสียจริง!
“ธิดาสวรรค์มีอะไรจะพูดหรือ” จอมยุทธ์หักห้ามใจที่โดนเจียงหลีปั่นอยู่อย่างไม่ตั้งใจ และทำท่าทีสงบนิ่งต่อไป
“จอมยุทธ์ช่วยอะไรข้าหน่อยได้ไหม” เจียงหลีผู้ยิ้มอย่างยั่วยวน
ใบหน้าที่งดงามนี้ จอมยุทธ์หลงจนเกือบโงหัวไม่ขึ้น ราวกับว่าในเวลานี้หากเจียงหลีเรียกให้เข้าไปตาย เขาคงทำตามอย่างไม่มีข้อกังขา “ธิดาสวรรค์ว่ามา”
“ฆ่าข้าซะ” ดวงตาคู่นั้นเจียงหลีหรี่ลง พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หืม!
จอมยุทธ์ได้สติ เดินถอยหลังไปหลายก้าว ชี้ไปที่เจียงหลีอย่างเกรงกลัว “เจ้าใช้มนต์เสน่ห์กับข้าหรือ”
เจียงหลีงงงงวย “มนต์เสน่ห์อะไร คิดว่าข้าจะฝึกมนต์ดำอย่างนั้นหรือ” จะว่าไป หากนางจะฝึกมนต์เสน่ห์ ก็คงใช้ได้กับคนๆ นั้นเพียงผู้เดียว
“งั้น…รอก่อน…” จอมยุทธ์กะพริบตาเอ่ยอย่างไม่มั่นใจ “เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ ให้ข้าฆ่าเจ้าหรือ”
เจียงหลีพยักหน้า
จอมยุทธ์ยิ้มอย่างฝืนๆ มือทั้งสองปัดผมบริเวณหน้าผากออก ใช้สายตาที่จริงจังมองมายังนาง “ธิดาสวรรค์ เจ้างามเช่นนี้ เหตุใดจึงคิดสั้น อยากตายเสียเล่า”
“เจ้าไม่ต้องรู้มาก หากเจ้าไม่ฆ่าข้า ข้าจะฆ่าเจ้า เจ้าเคยพูดเองว่าที่แห่งนี้ หากไม่อยากถูกฆ่า ก็ทำได้เพียงฆ่าคนอื่นก่อน” เจียงหลียิ้มขณะเอ่ย
“…” จอมยุทธ์ตะลึง สีหน้าลำบากใจเหมือนอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก
เขาแค่อารมณ์ดี จึงพูดเย้าแหย่ขณะที่พบเจอหญิงงามเท่านั้นเอง ทำไมถึงกับกลายเป็นทำให้หญิงงามโกรธไปได้! จะร้องขอความตายก็ช่างเถอะ! เหตุใดต้องดึงเขาเข้าไปเกี่ยวด้วย