ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 439 เทียนเจียวจู่โจมเขาเฟิ่งอู่ซาน
“เจ้ากล้าแตะต้องนางก็ลองดู!”
เสียงสตรีห้าวหาญ ผสมน้ำเสียงที่ทรงพลังเข้ามาแทรกอย่างกะทันหัน
มือที่ง้างออกไปของเฟิ่งเซียน ค้างอยู่กลางอากาศ จะถอยก็ไม่ใช่จะเดินหน้าต่อก็ไม่ได้ ไม่สามารถขยับได้
ท่ามกลางกำแพงที่ใสดังแก้วมณี ก็มีเรือนร่างที่สง่างามปรากฏออกมา ซึ่งก็คือเจียงหลีที่ถูกดูดเข้าไปในตอนแรกนั้นเอง
“เจ้าเป็นทาสต่ำต้อยจากไหน กล้ายุ่งเรื่องของข้าอย่างนั้นรึ” เฟิ่งเซียนโกรธ
การถูกดูถูกต่อสาธารณะ ทำให้นางอับอายมาก ภายในใจของนางได้ฆ่าเจียงหลีไปเรียบร้อยแล้ว
“ปากสถุล!” เจียงหลีตอบเสียงนิ่ง
มือที่ถูกควบคุมของเฟิ่งเซียน ถูกปล่อยอย่างกะทันหัน
จากนั้น มือที่นางง้างไปไม่ใช่ทางหน้าของมู่ชิงเหยียน แต่ผ่านจมูกและตบลงไปอย่างแรงที่…
เพี๊ยะ!
เสียงดังก้องกังวานบนแท่นนี้ ดังเข้าไปในหู
ผู้คนต่างก็มองไปยังฝ่ามือที่ตบลงไปของเฟิ่งเซียนอย่างตกใจ ที่แท้นางได้ตบลงไปบนแก้มของนางเอง
พลังและแรงนั่น…โอ้โห!
คนไม่น้อยที่รู้สึกแก้มของตัวเองก็เกร็งและเจ็บไปตามๆ กัน!
มู่ชิงเหยียนมองไปทางเฟิ่งเซียนด้วยความประหลาดใจ แต่คนๆ นั้นถูกตัวเองตบจนมึน มือยังจับอยู่ตรงแก้มที่บวมแดง และไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
เกิดอะไรขึ้น แววตาเฟิ่งเซียนเต็มไปด้วยความงุนงง
ความเจ็บแสบบนแก้มนั้นคอยเตือนนางอยู่เรื่อยๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
“นางปีศาจ เจ้าทำอะไรลงไป!” เฟิ่งเทียนดึงตัวเฟิ่งเซียนมาไว้ข้างหลัง และถามเจียงหลี
เมื่อครู่ในขณะที่เจียงหลีกำลังเดินออกมา เขายังตกตะลึงในความสวยงามของนางอยู่เลย นึกคิดไม่ถึงว่า ยังผ่านไปไม่นานก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเสียแล้ว
“ศิษย์พี่ใหญ่เจ้าคะ เป็นนางเจ้าค่ะ! ฆ่านางแทนข้าซะ! ฆ่าคนต่ำต้อยสองคนนี้ทิ้งซะ!” เฟิ่งเซียนที่หลบอยู่หลังเฟิ่งเทียน ดุด่าอย่างรุนแรง
มุมปากเจียงหลียกขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา
แต่มู่ชิงเหยียนกลับยืนต่อหน้านางตอนนี้ และเผชิญหน้ากับเฟิ่งเทียน “ศิษย์พี่ใหญ่เจ้าคะ เป็นคุณหนูเฟิ่งเซียนที่ตบหน้าตัวเองนะเจ้าคะ เกี่ยวอะไรกับคนอื่นอย่างนั้นหรือเจ้าคะ”
“เจ้า! พวกคนต่ำต้อย พวกเจ้าเป็นพวกเดียวกัน!” เฟิ่งเซียนโกรธรุนแรง
มู่ชิงเหยียนอกผายไหล่ผึ่ง ไม่มีความหวาดกลัวใดๆ
เจียงหลีมองไปยังมู่ชิงเหยียนด้วยความสงสัย นางลงมือทำเองเช่นนี้ ก็เพราะเห็นแก่เจียงเฮ่าเท่านั้น มิได้เพราะมู่ชิงเหยียนเลย แล้วมู่ชิงเหยียนล่ะ เหตุใดถึงต้องปกป้องนางด้วย
พูดไปพูดมา ราชวงศ์ของตระกูลมู่ก็อยู่ในกำมือของนางนะ!
สีหน้าเฟิ่งเทียนแย่ลง และกล่าวอย่างมีพลังว่า “หลีกไป อย่าหาเรื่องใส่ตัว”
มู่ชิงเหยียนส่ายหัว เพราะว่าเจียงหลี นางถึงได้เข้าไปในเขาเฟิ่งอู่ซานได้ แล้วนางจะถอยได้อย่างไรกันยิ่งไปกว่านั้นนางยังเป็นน้องสาวของคนๆ นั้นอีก
“ศิษย์พี่ใหญ่เจ้าคะ ถึงตอนนี้แล้วท่านยังจะใจอ่อนอีกหรือเจ้าคะ” สายตาเฟิ่งเซียนมีความเกลียดชังและความอิจฉาริษยาปนอยู่
นางต้องการให้มู่ชิงเหยียนตาย!
เฟิ่งเทียนลังเลไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวกับมู่ชิงเหยียนว่า “เจ้าอย่าลืมล่ะ ว่าเจ้าเป็นศิษย์ของเขาเฟิ่งอู่ซาน”
“เป็นเพียงศิษย์นอกเท่านั้น จะสนใจอะไรกัน แค่ลาออกไปก็พอแล้ว” กงเสวี่ยฮวาที่มองดูเหตุการณ์อันสนุกสนานนี้ กล่าวออกมาอย่างร่าเริง
“แล้วเจ้าเป็นใครกัน ในที่นี้มีที่ให้เจ้าออกความคิดอย่างอย่างนั้นรึ” เฟิ่งเทียนดุ
กงเสวี่ยฮวาผงะ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายิ่งเบ่งบานขึ้น และกล่าวอย่างขี้เล่นว่า “ก็ได้ๆ ที่นี่ไม่มีที่ให้ข้าพูด”
เจียงหลีมองท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ของเขา อมยิ้มและไม่ได้พูดอะไร สายตาของนางตกอยู่ที่มู่ชิงเหยียน “มู่ชิงเหยียน เจ้ามานี่”
หลังของมู่ชิงเหยียนแข็งทื่อ และมีรอยยิ้มเกิดขึ้นที่มุมปากของนาง
“มู่ชิงเหยียน นี่เจ้าคิดจะทรยศเขาเฟิ่งอู่ซานอย่างนั้นรึ” เฟิ่งเทียนมองนางอย่างตักเตือน
มู่ชิงเหยียนเงียบไปครู่หนึ่งและยิ้มอ่อนๆ จากนั้นก็ถอยหลังไปสองก้าว เข้าไปใกล้เจียงหลีแล้วกล่าวกับเฟิ่งเทียนว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ชิงเหยียนไม่ผิดเจ้าคะ หากศิษย์พี่คิดจะทำร้ายเพื่อนของข้า ข้าก็ทำได้เพียงต่อสู้ไปพร้อมกับเพื่อนของข้า”
หลังจากพูดจบ นางก็หันไปมองเจียงหลี และกล่าวอย่างเงียบๆ ว่า “หาโอกาสหนีไป มิต้องสู้ต่อ กำลังเสริมของเขาเฟิ่งอู่ซานกำลังมา”
สุดท้าย เรื่องที่เฟิ่งเทียนสั่งให้เฟิ่งเซียนไปเรียกคนมานั้นก็ปิดบังนางมิได้สินะ
สายตาเจียงหลีเป็นประกาย รอยยิ้มหยุดอย่างกะทันหัน ความรู้สึกที่ถูกปกป้องนี้หมายความว่าอะไรกัน ยังไม่ทันได้เป็นพี่สะใภ้ของนาง ก็เริ่มทำหน้าที่เป็นพี่สะใภ้แล้วหรือ
“กินบนเรือนขี้บนหลังคา! มู่ชิงเหยียน เจ้ามันคนอกตัญญู เป็นคนเนรคุณจริงๆ! ศิษย์พี่เจ้าคะ ถึงตอนนี้แล้วท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือเจ้าคะ ในสายตาและในใจของมู่ชิงเหยียนนั้นมีเขาเฟิ่งอู่ซานของเราที่ไหนกัน เกรงว่า รวมทั้งศิษย์พี่อย่างท่านก็คงไม่อยู่ในใจนางเลยแม้แต่น้อย” เฟิ่งเซียนพูดใส่สีตีไข่
กับที่นางได้ว่ามานั้น มู่ชิงเหยียนยังคงนิ่งและไม่โต้ตอบอะไร อารมณ์ของนางเช่นนั้น ดูสูงส่งกว่ามากเมื่อเทียบกับเฟิ่งเซียน
ผู้คนที่ยืนอยู่บนแท่นก็ถอยหลังกันไปอย่างเงียบๆ เมื่อเห็นบรรยากาศอันตึงเครียดนี้
เมื่อเห็นท่าทางของพวกเขาแล้ว เจียงหลีหัวเราะเยาะในใจและไม่ได้พูดอะไรออกไป
“มู่ชิงเหยียน กลับมาเดี๋ยวนี้!” เฟิ่งเทียนกล่าวด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
เจียงหลีเยาะเย้ย “คนเขาก็พูดชัดเจนแล้ว เหตุใดเทียนเจียวผู้นี้ถึงยังไม่รู้เรื่องสักที” นางตั้งใจเพิ่มน้ำหนักในคำว่า ‘เทียนเจียว’ สองคำนี้ ราวกับว่าเป็นฝ่ามือที่ไร้เงาตบลงบนใบหน้าของเฟิ่งเทียนอย่างไรอย่างนั้น
เฟิ่งเทียนได้ยินเจียงหลีพูดเช่นนั้น สายตาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นอีก “เจ้ารนหาที่ตาย!”
เจียงหลีขมวดคิ้ว “เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ใช่เจ้าที่รนหาที่ตายน่ะ”
เฟิ่งเทียนผงะ และหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “อวดดีนัก!” เขาก้าวออกมาหนึ่งก้าว แสงสีทองปรากฏบนร่างของเขา วิญญาณยุทธ์เบ่งบานไม่มีใครเปรียบได้
แต่เจียงหลีกลับมองเขานิ่งๆ ไม่มีความคิดที่จะเรียกใช้วิญญาณยุทธ์เลยแม้แต่น้อย
กงเสวี่ยฮวามองนางด้วยความประหลาดใจ ดวงตาขยับราวกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง และถอยหลังออกไป มู่ชิงเหยียนที่ยืนอยู่ท่ามกลางทั้งสองคน รู้สึกถึงแรงกดดันที่มาจากเฟิ่งเทียน คิ้วขมวด แต่ก็เตรียมพร้อมสู้เช่นกัน
เห็นท่าทางไม่เกรงกลัวเลยของเจียงหลีแล้ว เฟิ่งเทียนก็หัวเราะออกมาและกัดฟันพูด “รนหาที่ตายจริงๆ อีกเดี๋ยวอย่าร้องไห้ร้องขอชีวิตต่อข้าแล้วกัน”
“เจ้าช่างพูดมากเสียจริง” เจียงหลีหงุดหงิด
“นี่เจ้า!” ดวงตาของเฟิ่งเทียนจ้องเขม็ง ความโกรธของเขาแทบจะพุ่งออกจากตา พลังวิญญาณในร่างกายของเขากำลังคำราม รวมถึงวิญญาณยุทธ์ที่อยู่ด้านหลังก็คำรามเสียงยาวตามๆ กัน
ทันใดนั้น เขาก็พุ่งไปทางเจียงหลีอย่างกะทันหัน
ดวงตาของมู่ชิงเหยียนหนักแน่นกำลังจะต้านกลับไปแต่กลับถูกลมพันรอบเอวของนาง ดึงนางกลับไปยังด้านหลังของเจียงหลี
แต่เจียงหลียังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ผมยาวของนางปลิวไปตามสายลมและเสื้อคลุมของนางก็เริ่มปริแตกเปรี๊ยะๆ
นางรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่จากตัวเฟิ่งเทียน นอกจากนี้ยังเห็นถึงความดุร้ายและเจตนาฆ่าจากท่าทางของเขาด้วย
แต่แล้วอย่างไรเล่า
ในเบื้องลึกของเจียงหลี ดาบสองเล่มกำลังหมุนอย่างรวดเร็ว นางผู้ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน นับประสาอะไรกับเฟิ่งเทียน
พรวด! เมื่อพลังอันน่าสะพรึงกลัวจากเฟิ่งเทียนกำลังเข้าใกล้เจียงหลีนั้น นางก็ก้าวออกไปก้าวหนึ่ง และพ่นคำหนึ่งจากริมฝีปากสีแดงของนาง
คำๆ นี้ ราวกับว่าดาบนั้นได้รวมพลังและปะทะการโจมตีจากเฟิ่งเทียนออกเป็นเสี่ยงๆ กระทั่งทะลุผ่านเกราะป้องกันของเขาและปะทะเข้าหน้าอกเขาอย่างจัง
เฮือก!
เฟิ่งเทียนถูกโจมตีจนตัวปลิว เป็นพลังที่ไม่สามารถต้านทานได้จริงๆ
ผู้คนต่างมองอย่างตกตลึง
เทียนเจียวอันดับหนึ่งแห่งเขาเฟิ่งอู่ซานอ่อนแอเช่นนี้เชียวหรือ นี่พวกเขายังไม่ทันเห็นเจียงหลีโจมตีอย่างจริงจังเลยด้วยซ้ำ