ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 454 ศึกล้างแค้น!
ทันใดนั้น บนยอดเขาทั้งห้าก็สั่นไหว ผู้คนต่างรู้สึกเหมือนว่าตรงกลางเวทีประลองจะทรุดลงไปเล็กน้อย
พระเจ้า!
คนนับหมื่นบนยอดเขาทั้งห้าต่างตกอยู่ในความเงียบ
การต่อสู้ครั้งนี้รุนแรงมากเกินไป มากเกินกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้มาก
ถึงแม้ว่าจะไม่นาน แต่ความยอดเยี่ยมนั้นยากเกินจะบรรยาย
แท้จริงแล้วเจียงหลีมาจากที่ใดกันแน่!
ในขณะที่ผู้คนจิตใจหวาดหวั่น รังสีปีศาจที่สาดส่องบนเวทีประลอง ทุกอย่างสะท้อนข้าไปในตาของผู้คน
บนเวทีประลอง เจียงหลีได้คืนสภาพเป็นปกติ ยืนตัวตรง ผมยาวของนางยังคงพลิ้วไหวไปตามลม ส่วนโค้งส่วนเว้าของร่างกายที่สมบูรณ์แบบ เผยให้ผู้คนเห็นได้อย่างชัดเจน
ส่วนนางจ้องมองไปยังมู่เหยี่ยนฉือที่ล้มลงอยู่บนเวทีประลองอย่างจนตรอก บนร่างกายมีบาดแผลเต็มไปหมด สิ่งที่ใช้ป้องกันตรงหน้าเขายังแตกกระจายเต็มพื้นไปหมด
“อย่างนี้แม่นางเจียงหลีก็ชนะแล้วน่ะสิ!”
ท่ามกลางความเงียบสงัด ในที่สุดก็มีคนมีสติกลับมา แต่ทว่าการตอบสนองนี้กลับทำให้เขายิ่งตกใจ
เจียงหลีชนะลูกศิษย์อันดับหนึ่งของวังเทียนอู่กงหรือ
กระบวนท่าที่สามารถสังหารหลิงหวังระดับต้นได้ กลับถูกเจียงหลีทำลายลงด้วยการใช้ทักษะการต่อสู้ที่เพิ่งจะได้รับมา
“อ่ะแฮ่ม!” มู่เหยี่ยนฉือไออย่างแรงทีหนึ่ง แล้วเงยหน้ามองเจียงหลี “เจ้าชนะแล้ว” ในแววตาของเขาไม่มีความไม่เต็มใจ แต่กลับมีบางอย่างหายไป
บางทีก็อย่างที่เขาพูด ไม่ว่าอย่างไร ความเคียดแค้นระหว่างราชวงศ์มู่และเจียงหลีจักรพรรดินีพระองค์นี้ก็ได้สูญสิ้นลงไปกับการต่อสู้ในครั้งนี้แล้ว
เจียงหลีไม่ได้พูดอะไร ยังคงมองเขาอย่างเงียบๆ
มู่เหยี่ยนฉือลุกขึ้นมาจากเวทีประลอง แล้วค่อยๆ เดินลงไป ในตอนที่เขาเดินผ่านนางไป ก็ได้พูดเบาๆ ว่า “ขอบคุณ”
การโจมตีครั้งสุดท้ายเมื่อครู่นี้นั้นถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเจียงหลีได้ลดพลังลงครึ่งหนึ่ง ตอนนี้เขาก็คงตายไปแล้ว
เจียงหลีไว้ชีวิตเขา ดังนั้นก็คู่ควรที่เขาจะพูดขอบคุณ
“ชนะแล้ว!”
“แม่นางเจียงหลีชนะจริงๆ ด้วย! ข้าบอกแล้ว มู่เหยี่ยนฉือจะเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้อย่างไร”
“เจ้าพูดตอนไหนกัน”
“ข้าเคยพูดแล้ว!”
“…”
เหล่าลูกศิษย์ผู้ชายของวังเทียนอู่กงเริ่มตื่นเต้นดีใจขึ้นมา ราวกับตัวเองเป็นคนชนะในการต่อสู้ครั้งนี้
ส่วนสีหน้าของเหล่าลูกศิษย์ผู้หญิงก็ยิ่งไปกันใหญ่ ตอนแรกพวกนางตะลึง หลังจากนั้นก็ไม่เชื่อ แล้วท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงยอมรับความจริงนี้
“มู่เหยี่ยนฉือแพ้ได้อย่างไรกัน”
“หรือว่าเจียงหลีใช้วิธีสกปรกอะไรรึเปล่า”
“สตรีอย่างพวกเจ้าเห็นคนอื่นดีกว่าตัวเองไม่ได้ใช่หรือไม่ ขนาดมู่เหยี่ยนฉือยอมรับว่าแพ้เองกับปาก พวกเจ้ายังจะหาข้ออ้างให้เขาอีกอย่างนั้นหรือ”
มีลูกศิษย์ผู้ชายทนฟังไม่ไหว ก็เลยพูดออกมา
สุดท้ายที่ได้กลับมาคือสายตาที่โมโหของเหล่าลูกศิษย์ผู้หญิง มองจนเขาทำได้แค่หนีไป
“เจียงหลีชนะแล้ววว!”
กงเสวี่ยฮวาหายใจเข้าลึกๆ แล้วตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
เสียงของเขาดังก้องไปยังอัฒจันทร์บนยอดเขาทั้งห้า ทำให้คนไม่น้อยเปิดปากพูดตาม ตะโกนเรียกชื่อของเจียงหลี
“เจียงหลี!”
“เจียงหลี!”
เสียงร้องเรียกชื่อจากบนเขา ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกอะไร นางมองมู่เหยี่ยนฉือจากด้านหลัง แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่ปล่อยวาง
ตอนนี้ นางถึงเพิ่งจะสนใจเสียงเรียกชื่อของนางจากรอบๆ
นางมองไปรอบๆ ยกมือขวาขึ้นแล้วกำมือ ทันใดนั้นเสียงก็เงียบลง เหล่าลูกศิษย์ของวังเทียนอู่กงที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมากก็เงียบลงตามท่าทางของนาง แล้วมองนางด้วยแววตาที่เปล่งประกาย
ทันใดนั้นเจียงหลีก็แสยะยิ้ม แล้วตะโกนเสียงดังว่า “ขอบคุณที่ปรานี”
ทันใดนั้น ท่าทางที่โอนอ่อนของนางก็ได้ชนะใจของเหล่าลูกศิษย์มากยิ่งขึ้น
และตอนนี้ มู่เหยี่ยนฉือได้เดินลงเวทีประลองไปแล้ว ตรงหน้าเขามีคนๆ หนึ่งปรากฏตัวขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็คุ้นเคย
“ข้าคือมู่ชิงเหยียน” มู่ชิงเหยียนแนะนำตัวเอง
มู่ชิงเหยียนรึ
หลังจากที่ในแววตาของมู่เหยี่ยนฉือเผยความงุนงงออกมา ก็นึกออกในทันที เขาพยักหน้า แล้วเดินผ่านมู่ชิงเหยียนไป ไม่ได้พูดอะไร
มู่ชิงเหยียนหันไปพูดกับเขา “พี่รอง คุยกันหน่อยได้หรือไม่”
เสียงเรียกพี่รองนั้น ทำให้มู่เหยี่ยนฉือหยุดลง เขาเงียบไปอยู่นาน แล้วถึงพูดเสียงเข้มว่า “มากับข้าสิ”
มู่ชิงเหยียนสีหน้าดีใจ แล้วเดินไปกับมู่เหยี่ยนฉือ
เจียงหลีเดินมาอยู่ข้างๆ กงเสวี่ยฮวา ทั้งสองคนมองมู่ชิงเหยียนและมู่เหยี่ยนฉือด้วยกันจากด้านหลัง
“ให้ข้าส่งคนไปจับตาดูไว้ไหม” กงเสวี่ยฮวาเสนอ
เจียงหลีส่ายหน้า “ไม่จำเป็น”
กงเสวี่ยฮวาหันมามองด้วยความสงสัย “เจ้ากับตระกูลของพวกเขามีความเคียดแค้นอะไรต่อกันรึเจ้าไม่ได้มาจากในป่าลึกหรอกหรือ”
เจียงหลีมองเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทำให้กงเสวี่ยฮวารู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาทันที
“เหอะๆ ก็ได้ๆๆ ไม่พูดก็ไม่เป็นไร ข้าจะพาเจ้าไปดูวัง” กงเสวี่ยฮวารีบพูดขึ้นมาอย่างรู้งาน
“ไม่ล่ะ ข้าจะกลับไปพักผ่อน” เจียงหลีปฏิเสธ นางจะกลับไปหาเจ้าเปี๊ยก
กงเสวี่ยฮวาก็ไม่ได้บังคับ “ก็ดีเหมือนกัน เจ้าคงใช้พลังไปไม่น้อย กลับไปพักผ่อนก็ถูกแล้ว มีเรื่องอะไรไว้เดี๋ยวข้าไปหา”
พูดจบ เขายังไม่ลืมที่จะยกนิ้วโป้งให้เจียงหลี “ฝ่ามือพลังปีศาจนั้นทรงพลังมากจริงๆ! น่าเสียดายที่ข้าฝึกฝนไม่ได้แล้ว”
เจียงหลียิ้ม ไม่ได้พูดอะไร
อีกด้านหนึ่ง มู่เหยี่ยนฉือพามู่ชิงเหยียนออกจากเวทีประลองแล้วไปยังที่พักของเขาในส่วนของเสวียนจื้อ
“พี่รองรู้เรื่องในหนานฮวงได้อย่างไร หรือว่ามีคนมาบอกพี่รองรึ” มู่ชิงเหยียนถามตรงๆ
มู่เหยี่ยนฉือหันมามองนาง ไม่ได้ตอบคำถาม “เพราะเหตุใดเจ้าถึงไปอยู่กับเจียงหลีได้”
มู่ชิงเหยียนนิ่งไป กัดริมฝีปาก แล้วก็เล่าเรื่องที่ตัวเองและเจียงหลีเจอกันออกมา หลังจากนั้นนางก็พูดด้วยความคิดที่เปลี่ยนไปแล้วว่า “สงครามการแย่งชิงอำนาจจักรพรรดิ เดิมก็คือการนองเลือด เสด็จพ่อของพวกเราเห็นแก่ตัว ได้ฆ่าตระกูลเจียงทั้งตระกูล แล้วยังกลัวตระกูลลู่… เด็กกำพร้าของตระกูลเจียงร่วมมือกับตระกูลลู่โค่นล้มราชวงศ์โฮ่วจิ้นของตระกูลมู่ของพวกเรา จะผิดหรือถูก ใครจะบอกเสด็จพ่อได้”
นางอยากพูดมากว่าจักรพรรดิแห่งโฮ่วจิ้นได้รับผลกรรมที่ทำไว้ แต่การพูดแบบนี้มันดูไม่กตัญญูเอามากๆ ดังนั้นนางจึงไม่ได้พูดออกมา
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเคยบังเขาไว้ อยากจะเอาชีวิตตัวเองแลกกับชีวิตของเสด็จพ่อหรือ” ทันใดนั้นมู่
เหยี่ยนฉือก็พูดขึ้น
มู่ชิงเหยียนมองเขาด้วยความตกใจ ยิ่งเป็นการยืนยันได้ว่ามู่เหยี่ยนฉือก็มีสายข่าวของตัวเองคอยรายงาน “ใช่แล้วบางทีอาจเป็นเพราะว่าข้าอยู่ภายใต้สถานการณ์ตอนนั้นเป็นเรื่องที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้แล้ว”
มู่เหยี่ยนฉือเงียบไป แล้วจู่ๆ ก็พูดว่า “เป็นอย่างทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้ว”
มู่ชิงเหยียนมองเขาด้วยความมึนงง
เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “ใครทำอะไรไว้ ก็ควรได้รับผลของมัน การต่อสู้บนคมดาบ แพ้แล้วก็ต้องตาย เป็นเรื่องที่ยุติธรรมมาก”
“พี่รอง…” มู่ชิงเหยียนมีความสะอึกสะอื้นเล็กน้อย
นางและแม่เลือกที่จะทิ้งความเคียดแค้น ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วไปจากบ้านเกิดเมืองนอน เคยถูกเหล่าขุนนางเก่าแก่ด่าทอ แต่ในวันนี้ได้ยินมู่เหยี่ยนฉือพูดแบบนี้ นางรู้สึกว่าที่ทำมาทั้งหมดนั้นคุ้มค่าแล้ว
“ความเคียดแค้นนี้ได้จบลงตั้งแต่บัดนี้แล้ว ถ้าหากเจ้าคิดว่านางควรค่าแก่การติดตาม ก็ติดตามนางต่อไปได้แลย ที่นี่ไม่ใช่หนานฮวง แล้วก็ไม่มีโฮ่วจิ้นอีกต่อไป คงไม่มีใครมาคอยชี้นิ้วสั่งเจ้าแล้ว” มู่
เหยี่ยนฉือพูดอย่างช้าๆ
มู่ชิงเหยียนรู้สึกว่าเบ้าตาของตัวเองร้อนวูบ…
นางยิ้มออกมาทั้งน้ำตา