ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 459 นี่ถึงจะเป็นไพ่ใบสุดท้ายของสำนักพรตเสวียนหมิง
บทหลิงหวัง!
ยังมีหลิงหวังอีกหนึ่งคน!
ที่แท้ นี่เป็นไพ่ใบสุดท้ายของสำนักพรตเสวียนหมิงสินะ เจียงหลีสะท้านในใจ
ตอนที่นางยังอยู่ในสำนักพรตเสวียนหมิง เคยได้ยินหลายคนบอกว่าถึงแม้สำนักพรตเสวียนหมิงจะอยู่ในกลุ่มอำนาจระดับต่ำ แต่กลับเป็นกลุ่มอำนาจระดับต่ำมีพลังความสามารถอันแข็งแกร่ง ในงานเลี้ยงเหล่าเซียนที่จัดขึ้นในอีกไม่กี่ปีหลังนี้ มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะสามารถท้าทายสำเร็จและกลายเป็นกลุ่มอำนาจระดับกลาง
แต่ทว่าเวลานั้นสำหรับเจียงหลีแล้วนางเป็นเพียงแขกผู้มาเยือนสำนักพรตเสวียนหมิงเท่านั้น นางไม่ได้พินิจพิจารณาอะไรและยิ่งไม่รู้ว่าสำนักพรตเสวียนหมิงจะมีคุณสมบัติที่แข็งแกร่งอยู่ที่นั่น
เวลานี้ ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้ว!
กลุ่มอำนาจระดับต่ำมีหลิงหวังนั่งกุมบังเหียนหนึ่งคน แต่สำนักพรตเสวียนหมิงกลับมีหลิงหวังถึงสองคน คนหนึ่งอยู่ในที่สว่าง อีกคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในที่มืด!
ตู้มมม!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวถาโถมเข้าใส่เจียงหลีดั่งพายุ
เจียงหลีไหวตัวหลบอย่างรวดเร็ว และยังมีการโจมตีบางส่วนตกใส่เกราะเสวียนกังของนาง
ทันทีที่เจียงหลียืนได้อย่างมั่นคงท่ามกลางซากปรักหักพัง นางก็เห็นร่างของคนๆ หนึ่งที่ซ่อนตัวภายในเสื้อคลุมมาปรากฏตัวข้างกายประมุขสำนักพรตเสวียนหมิง
“มหาปุโรหิต” แววตาของเจียงหลีดำดิ่ง
เจ้าวัตถุโบราณนี่ซ่อนตัวได้ดีทีเดียว ก่อนหน้านี้เจอหน้ากันไม่กี่ครั้ง นางสัมผัสถึงลมปราณของหลิงหวังบนเรือนร่างของเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
พลังควบคุมจิตหายไป ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงยืนขึ้นด้วยความอัปยศ
บัดนี้ ร่างของเขาโชกเลือดเนื้อหนังถลอกปอกเปิกและมีบางจุดมีกระดูกขาวโผล่ออกมา แต่เขาคือหลิงหวัง บาดแผลแค่นี้ไม่พอที่จะเอาชีวิตของเขาไปได้หรอก!
“นังสารเลว” ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงมองเจียงหลีด้วยแววตาดำมืดและเย็นเยียบ
เจียงหลีทำเขาจนบาดเจ็บเช่นนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน หากไม่ใช่เพราะฐานการฝึกบำเพ็ญของเขาสูงส่งกว่าเจียงหลี เขาคงตายไปแล้วด้วยพลังโจมตีอันน่ากลัวเมื่อครู่นี้
เจียงหลียกยิ้มมุมปากและหัวเราะออกมา นางปีศาจไร้พ่าย นางมองประมุขคู่ของสำนักพรตเสวียน
หมิงที่ยืนอยู่ตรงข้ามด้วยสายตาเย็นยะเยือก แล้วเอ่ยประชดประชัน “จิตใจอำมหิตของประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงไม่น้อยทีเดียวเชียว!”
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะสามารถหลุดพ้นจากยันต์ธาราทมิฬได้ ทำให้ข้าประหลาดใจยิ่งนัก” น้ำเสียงกักขฬะแหบต่ำดังออกมาจากเสื้อคลุม
ในมุมมองของเจียงหลียามนี้ มหาปุโรหิตท่านนี้ที่ไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงมีความน่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงอีก
เจียงหลียิ้มเย็นเฉียบ
นางสามารถถอนยันต์ธาราทมิฬออกจากร่างได้อย่างไร แน่นอนว่านางไม่อธิบายให้สองคนนี้ฟังหรอก
แต่ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงกลับหัวเราะอย่างมาดร้าย “นางมีความสามารถลบยันต์ธาราทมิฬได้หรือ… หึ ท่านดูนางสิ มีวิญญาณยุทธ์ขั้นหนึ่งถึงสีดวงทั้งยังเป็นสามประเภทร่วมฝึกด้วย แล้วไหนจะการโจมตีเมื่อครู่อีก”
“นั่นคือพลังควบคุมจิต” ในน้ำเสียงของมหาปุโรหิตนั้นเต็มไปความโลภโมโทสัน
“พลังควบคุมจิต” ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงหรี่ดวงตาทั้งสอง ประกายริษยาตาร้อนกะพริบไหวผ่านม่านตาของเขา “ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่า! จับตัวนางไว้ดึงวิญญาณยุทธ์ของนางออกมาแล้วบีบบังคับให้นางบอกความลับของนาง”
มหาปุโรหิตพยักหน้าช้าๆ
ทันใดนั้นลมปราณของทั้งสองพลันเปลี่ยนไป ความเกรงขามอันน่าสะพรึงกลัวของหลิงหวังทั้งสองกดทับร่างของเจียงหลี
ทันใดนั้นเจียงหลีก็สัมผัสได้ถึงความมืดดำที่ครอบงำรอบด้าน
ความรู้สึกเย็นยะเยือกแปลกๆ ภายใต้แรงกดดันอันหนักหน่วงทำให้เจียงหลีเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว แสงที่มืดมนส่องผ่านยามราตรีกลายเป็นอุ้งมือผีดำทมึนจิกไปที่ศีรษะของเจียงหลี
เจียงหลีหรี่ตากำหมัดและชูขึ้นโจมตีไปยังอุ้งมือผีนั้น พลังหมัดและอุ้งมือผีประทะกันสั่นสะเทือนเป็นพลังคลื่นชั้นๆ ออกมา
ทันใดนั้น แสงบางละเอียดก็ตกลงมาจากอากาศพุ่งเข้าใส่เจียงหลี
เจียงหลีไหวตัวเพื่อหลบหนี ในขณะเดียวกันแรงกดดันจากทั้งสองฝ่ายก็ตกกระทบร่างของเจียงหลี
ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงและมหาปุโรหิตทั้งสองคือหลิงหวัง คิดไม่ถึงว่าจะหมาหมู่โจมตีเจียงหลีพร้อมกันอย่างหน้าไม่อาย!
แรงกดดันจากทั้งสองทาง ด้วยพลังมหาศาลที่กักเก็บนี้ปกคลุมร่างของเจียงหลีทันที
เจียงหลีมีสีหน้าเย็นเยียบ
แววตาทั้งคู่ของนางเปล่งประกายต่างจากเดิม ดาบเล็กใสที่ควบแน่นด้วยความไม่ยอมอ่อนข้อหมุนไปอย่างรวดเร็วในดวงตาของนาง แรงกดดันจากหลิงหวังคู่นี้กดทับตัวนางจนเกิดรอยแตกเล็กน้อยบนเกราะเสวียนกัง หากไม่ใช่เพราะนอกจากนางจะมีเกราะเสวียนกังแล้ว นางยังมีกระดูกหยกอีกด้วย มิฉะนั้นตอนนี้นางคงถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆ ด้วยพลังนี้แล้ว
ในชั่วพริบตา อาจกล่าวได้ว่าเจียงหลีได้รับการโจมตีข้างหลังจากศัตรู
ด้วยหลิงจงขั้นแปดต่อสู้กับหลิงหวังขั้นสาม ต่อให้นางจะใช้กระบวนท่ามากเพียงใดก็ทำได้เพียงรับมืออย่างสุดกำลังความสามารถ ในขณะเดียวกันก็มีหลิงหวังของมหาปุโรหิตสำนักพรตเสวียนหมิงที่ไม่อ่อนแอเพิ่มมาอีกหนึ่งคน
ทันใดนั้นก็เกิดวิกฤตการณ์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เจียงหลีมีสีหน้านิ่งขรึมแล้วตะโกนเสียงดังลั่น “ทำลาย!”
พลังควบคุมจิตพลุ่งพล่านออกมาจากร่างของนาง รัศมีอันแพรวพราวได้แผ่ขยายไปรอบๆ อย่างรวดเร็วทำให้ท้องฟ้าสว่างไสว
แกร็ก!
พลังควบคุมจิตที่ไม่ยอมศิโรราบของเจียงหลี กล้าแม้กระทั่งล้มล้างฟ้าดินนับประสาอะไรกับแรงกดดันที่ร่วมมือกันระหว่างหลิงหวังสองคนเล่า
เสียงแตกหักดังขึ้นและแรงกดดันจากทั้งสองฝ่ายในที่สุดก็แตกสลาย จากนั้นก็ถูกบดขยี้โดยพลังควบคุมจิตของเจียหลีและล่องหนหายไป
ในเวลานี้เอง มหาปุโรหิตก็ปีนป่ายขึ้นมา เขาตบฝ่ามือกลางอากาศปรากฏเป็นฝ่ามือโลหิตแล้วตบพุ่งเข้าใส่เจียงหลี
เจียงหลียกมือสะบัดและปล่อยวรยุทธ์หัตถ์เทพเด็ดดาราออกมาเพื่อปะทะกับฝ่ามือโลหิต
ดวงตาของเจียงหลีราวกับสายฟ้าเต็มไปด้วยแสงเย็นที่น่าสะพรึงกลัว วิญญาณยุทธ์ข้างหลังของนางคำรามกึกก้องไม่หยุด เลี่ยเทียนซื่อและวานรกลืนเวหาทะลวงคำรามพร้อมกันก่อนจะการโจมตี
การโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวบังคับให้มหาปุโรหิตต้องถอยหลังไป เขาร่วมกับประมุขสำนักพรตเสวียนหมิง ปลดปล่อยพลังของวิญญาณยุทธ์เพื่อต่อต้านการโจมตีของเจียงหลี
เจียงหลีสะบัดข้อมือจนจูเสียร่วงลงมาในเงื้อมมือนางกลายเป็นแส้ยาว
นางฟาดแส้ออกไป เงาของแส้นั้นราวกับงูเลื้อยยาวกวัดแกว่างกลางอากาศส่องแสงเย็นยะเยือก
เพี๊ยะ!
แส้ยาวฟาดโดนมหาปุโรหิตอย่างแรงทำให้เขาสะเทือนไปทั้งร่างและฉีกชิ้นส่วนหนึ่งของเสื้อคลุมสีดำให้ปลิวออกมาก
เพี๊ยะ!
หวดแส้อีกครั้งลงบนหลังของประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงโดยตรง ฉีกเอาเสื้อผ้าของเขาและเลือดเนื้อของเขากระเซ็นเซ่นซ่าน เผยให้เห็นกระดูกของเขาโผล่ออกมา
ถึงกระนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ยังมีสมบัติอีกชิ้น!”
เจียงหลีหัวเราะเสียงเย็นเยียบ “อยากได้รึ เอาชีวิตให้รอดก่อนถึงจะได้มันไป!”
“คำพูดนี้ เจ้าเก็บไว้พูดกับตัวเองเถอะ” ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงมองนางด้วยสายตาที่เฉียบคม เผยให้เห็นถึงความบ้าคลั่ง
“วันนี้ ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้!” น้ำเสียงคงเจียงหลีเย็นยะเยือกจนถึงขีดสุด
นางเงยหน้าขึ้นมองมหาปุโรหิต พลังจิตที่มองไม่เห็นผุดขึ้นมาจากพื้นดินเพื่อสร้างกรงขังเขาไว้ชั่วคราว
พลังจิตและพลังวิญญาณมีความแตกต่างกัน เป็นการยากที่จะหลุดพ้นไปได้ชั่วขณะหนึ่ง
ทันใดนั้น พลังที่มองไม่เห็นก็พุ่งเข้าใส่ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงโดยตรง นั่นคือผลของอาคมสะท้อนกลับที่ประมุขสำนักต้องการโจมตีเจียงหลีแต่ย้อนกลับมาที่ตัวเขาเอง
ในเวลาเดียวกันเจียงหลีก็กระตุ้นพลังควบคุมจิตของนางอีกครั้ง คราวนี้พลังจิตที่น่ากลัวพุ่งตรงไปที่ศีรษะของประมุขสำนักพรตเสวียนหมิง
อ๊ากกกก! ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงประคองศีรษะของตนตะโกนร้องเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง
ในหัวสมองของเขามีกระบี่แสงจำนวนนับไม่ถ้วนที่ฆ่าอย่างบ้าคลั่ง ทำให้สมองของเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เมื่อถูกพลังควบคุมจิตควบคุม เขาก็มิอาจจัดการกับเจียงหลีได้อีกแล้ว
เขายังคงคำราม แต่เขาไม่สามารถผลักดันพลังควบคุมจิตของนางได้
เจียงหลีพุ่งเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว เริ่มโจมตีอย่างบ้าระห่ำ นางสะบัดฟาดจูเสียไปยังมหาปุโรหิตไม่หยุดยั้งเพื่อยับยั้งไม่ให้เขาทำลายกรงขังนั่นออกมาก
ในเวลาเดียวกัน มือทั้งสองข้างบีบอย่างรวดเร็ว และพลังวิญญาณในร่างกายก็เปลี่ยนเป็นพลังปีศาจอย่างรวดเร็ว
นางต้องการสังหารประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงด้วยพลังแห่งสายฟ้า
เจียงหลีในเวลานี้มีเพียงความคิดเดียวที่จะลงโทษคนชั่วนี้!
“เจ้ากล้า!?” ราวกับว่าสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าของเจียงหลี มหาปุโรหิตจึงฝ่าวงล้อมด้วยแรงมหาศาลทั้งหมดที่เขามี