ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 465 ประเด็นที่ไม่มีใครกล้าถาม
กลุ่มคนตัดสินใจชื่อกลุ่มอำนาจใหม่และเริ่มหารือเรื่องการเกณฑ์กำลังพล
ซีฮวงไม่จำเป็นต้องเหมือนหนานฮวง ตามวิธีที่กงเสวี่ยฮวาพูดเพียงแค่ออกเงื่อนไขที่มีความน่าดึงดูดพอเรียกให้ลูกศิษย์นำออกไปติดประกาศก็จะมีคนพาตัวมาสมัครเอง
สำนักพรตเสวียนหมิงมีสถานที่และทรัพยากรเพียบพร้อมเสร็จสรรพรวมทั้งสาวกที่ยอมจำนน อย่างไรก็ตาม การใช้ทุกอย่างให้เกิดประโยชน์สูงสุดยังสามารถบรรเทาความต้องการเร่งด่วนได้
สำหรับคนอื่นอาจจะเดินไปทีละก้าว
“เมื่อกลุ่มอำนาจใหม่ปรากฏขึ้น กลุ่มอำนาจรอบข้างจะมีปฏิกิริยาอย่างไร” เจียงหลีถามกงเสวี่ยฮวา
คนในที่นี้มีเพียงกงเสวี่ยนฮวาที่คุ้นเคยกับสิ่งนี้มากที่สุด
กงเสวี่ยฮวากล่าว “พวกเขาจะแอบมองในที่ลับก่อน ดูว่าเจ้าจะยืนขึ้นสู่ยอดเขาได้หรือไม่ หากไม่แล้วล่ะก็พวกเขาก็จะซ้ำเติม หากเจ้ายืนขึ้นได้ก็จะมีพวกไม่พอใจและบางทีอาจมาหาเรื่องจยาเซียนในงานเลี้ยงเหล่าเซียนก็เป็นได้”
“ขึ้นสู่ยอดเขาได้หรือไม่ได้คืออะไร” เหวินเหรินชิ่งชิ่งถามอย่างสงสัย
เมื่อเผชิญกับหญิงงาม กงเสวี่ยฮวาจึงมีความอดทนมากพอ “กล่าวอีกนัยหนึ่ง เจ้าสามารถทำให้ทุกอย่างในขอบเขตกลุ่มอำนาจมีเสถียรภาพภายในระยะเวลาอันสั้นและสามารถให้ทุกคนยอมรับกลุ่มอำนาจได้หรือไม่”
“อ๋อ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ
“จะไม่มีการโจมตีเกิดขึ้นเลยหรือ” เจียงหลีถาม
กงเสวี่ยฮวายิ้มให้และส่ายหน้า
หนานอู่เฮิ่นกล่าวกับเจียงหลี “ตอนนี้ในซีฮวงนั้น การต่อสู้ขนาดใหญ่ระหว่างกลุ่มอำนาจจะไม่เกิดขึ้นง่ายๆ ความขัดแย้งต่างๆ มากมายจะมาสะสางกันที่งานเลี้ยงเหล่าเซียนและปาฐกถาเจ้าครองนคร หากสะสางกันไม่ลงตัวแล้วต้องสู้กันจริงๆ มันจะเตือนให้กลุ่มอำนาจขนาดใหญ่เข้ามาแทรกแซง แต่การได้จะไม่คุ้มกับการสูญเสีย”
“แต่ครั้งนี้ของพวกเรามันเป็นอุบัติเหตุ” กงเสวี่ยฮวาพูดพร้อมยิ้มตาหยี “เดิมทีมาเพื่อช่วยคน ใครจะไปเคยคิดว่าโค่นล้มสำนักพรตเสวียนหมิงได้โดยไม่ตั้งใจเล่า ช่วยไม่ได้ ตอนนี้ได้ดูแลรังของคนอื่นแล้วจึงทำได้เพียงก่อตั้งกลุ่มอำนาจใหม่ขึ้นมา”
“โอ้โห! สามารถพูดเรื่องโค่นล้มกลุ่มอำนาจได้แหวกแนวยิ่งนัก ท่านก็มีพรสวรรค์เหมือนกันนี่นา” ลู่เสวียนยกนิ้วโป้งด้วยความนับถือเขา
กงเสวี่ยฮวายอมรับคำชมนี้อย่างหน้าด้านๆ จากนั้นจึงรีบพูดกับเจียงหลี “เจ้าเองก็ถือโอกาสแต่งตั้งยศผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ให้ข้าบ้างสิ”
เจียงหลีเงยหน้ามองเขา รู้เจตนาจากรอยยิ้มของเขา แล้วก็ไม่ใช่เสแสร้งแต่กล่าวว่า “ขอบใจ!”
“ซ้อเล็ก เจ้าขอบใจเขาทำไม” ลู่เสวียนถามอย่างไม่เข้าใจ
เจียงหลียิ้มก่อนจะเอ่ยว่า “นายน้อยแห่งวังเทียนอู่กงได้ย้ายชื่อของเขาออกมาจนปีศาจต้องตกใจ ข้าควรจะขอบใจเขาสักหน่อยหรือไม่”
มีนายน้อยจากวังเทียนอู่กงมาทำหน้าที่ผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ หากเป็นกลุ่มอำนาจอื่นอาจจะต้องคิดหลายตลบ
“นายน้อยแห่งวังเทียนอู่กง!”
หนานอู๋เฮิ่นและเฟิงสิงอวิ๋นมองไปที่กงเสวี่ยฮวาด้วยความตกตะลึง ก่อนหน้านี้แม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้เคียงข้างกัน แต่พวกเขาก็ไม่มีเวลาที่จะสื่อสารกันมากขึ้นและไม่รู้จักตัวตนของเขาเลย
“วังเทียนอู่กงที่อยู่ในกลุ่มอำนาจระดับสูง!” ลู่เสวียนเองก็ตะลึงงัน
เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองกงเสวี่ยฮวาอย่างไม่อยากเชื่อ ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนกงเสวี่ยฮวาก็หัวเราะด้วยความสาแก่ใจ
“จริงสิ ทำไมเขาถึงเรียกเจ้าว่าซ้อเล็ก” จู่ๆ กงเสวี่ยฮวาก็ถามเจียงหลีด้วยความสงสัย
แต่กลับไม่คิดว่าพอคำพูดนี้ออกมาจากปากเขา
นอกจากเจียงหลี คนอื่นๆ ก็พากันตัวแข็งทื่อ สีหน้าก็ผิดปกติ แม้กระทั่งเหวินเหรินชิ่งชิ่งที่เคยได้ยินลู่เสวียนเล่าเรื่องระหว่างเจียงหลีกับลู่เจี้ย นางยังรู้สึกซาบซึ้งในระหว่างความรักของคนทั้งสอง คำพูดนี้ของกงเสวี่ยฮวาทำให้นางถึงกับน้ำตารื้น
“พวกท่านเป็นอะไรกันไปหมด” เมื่อสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาของทุกคน กงเสวี่ยฮวาจึงถามเพราะความไม่รู้
และเจ้าเปี๊ยกที่อยู่ในอ้อมกอดของเจียงหลีค่อยๆ ลืมตามองดูทุกคนอย่างเกียจคร้านแล้วหลับตาลงอีกครั้ง แต่มันมองไปที่ลู่เสวียนนานหน่อยและเอ่ยในใจ บางที ข้าสามารถให้โอกาสเด็กคนนี้ได้
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ลู่เสวียนเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับอารมณ์ที่คิดถึงพี่ชาย จึงไม่ทันสังเกต
“ที่เขาเรียกข้าว่าซ้อเล็ก เพราะข้ากับพี่ชายของเขามีสัญญาหมั้นหมายกัน” ทุกคนต่างเงียบและไม่กล้าพูดสิ่งใด ส่วนเจียงหลีก็เงียบขรึมลงอย่างเห็นได้ชัด
“อา! เจ้ามีคู่หมั้นแล้วนี่เอง” ข้อมูลนี้ทำเอากงเสวี่ยฮวาตกใจไม่น้อย
เขาไม่ได้อิจฉาในความรักของเจียงหลี แค่ตกใจเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะมีบุรุษมาชอบสตรีอย่างเจียงหลี
เหอะๆ เปล่าสักหน่อย
เขาแค่คิดว่าเจียงหลีเปรียบเสมือนสตรีประเภทที่เกิดมาเพื่อสร้างเสน่ห์ให้กับใต้หล้า คนอื่นก็ชอบนางได้ แต่นางคงไม่หวั่นไหวง่ายๆ หรือจะมีชายหนุ่มคนไหนทำสามารถทำให้นางสยบได้
คิดไม่ถึงว่านางจะมีคนในใจแล้ว
“สายตาเจ้าหมายความว่าอย่างไร คิดว่าข้าจะขายไม่ออกหรือไง” เจียงหลีเบิกตาจ้องเขาเขม็ง
เจ้าเปี๊ยกเองก็ให้ความร่วมมือโดยการส่งสายตาคมกริบไปยังฮวาฮวาผู้น่าสงสาร
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย เจ้ามาจากในป่าเขามิใช่หรือ” กงเสวี่ยฮวารีบอธิบายแต่ยิ่งอธิบายก็ยิ่งเละเทะ
เจียงหลีคำราม “มาจากป่าเขาแล้วแต่งงานไม่ได้หรือไงฮะ! เจ้าดูถูกชาวป่าชาวเขาอย่างพวกข้ารึ!”
“ชาวเขาหรือ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองเจียงหลีและกงเสวี่ยฮวาอย่างสงสัย
“แค่กๆ” หนานอู๋เฮิ่นยิ้มกระแอมไอ
เจียงหลีกระแอมไอแล้วมองกงเสวี่ยฮวาที่ทำหน้าฉงน “เอาล่ะ ในเมื่อท่านเป็นคนซื่อสัตย์ ข้าก็จะไม่ปิดบังท่าน ข้าไม่ใช่คนซีฮวงแต่ข้ามาจากหนานฮวง”
“อา!” กงเสวี่ยฮวาตกตะลึงให้กับข้อมูลนี้แล้วพึมพำ “ข้าว่าแล้ว ซีฮวงทันมีปีศาจอย่างเจ้าตอนไหน ที่ไม่ถูกกลุ่มอำนาจระดับสูงจับได้เพราะที่แท้เจ้ามาจากหนานฮวงนี่เอง”
“อย่าถามมากกว่านี้อีก เพราะข้าเองก็พูดอะไรมากไม่ได้” เจียงหลีเอ่ยเตือน
ต่อไปคงต้องพูดถึงการจัดระเบียบฮวงเสินในหนานฮวง การมีอยู่ของสถาบันไป๋หยวนทำให้เจียงหลีได้รับการยอมรับ แล้วนางก็ต้องการเข้าร่วมกับกลุ่มอำนาจฮวงเสิน ไม่สามารถบอกกงเสวี่ยฮวาในเรื่องที่พูดไม่ได้อย่างแน่นอน
กงเสวี่ยฮวาพยักหน้าเข้าใจ “ข้ารู้แล้วล่ะ” จากนั้นจึงรีบทุบปากทันที
“ซ้อเล็ก เจ้ามากับข้าหน่อย” จู่ๆ ลู่เสวียนก็ลุกขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมราวกับว่ากำลังทำเรื่องที่ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ก็มิปาน
เจียงหลีมองเขาด้วยความแปลกใจแล้วเดินตามเขาไป
เมื่อมาถึงที่ๆ ไร้ผู้คน ลู่เสวียนจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ “ซ้อเล็ก พี่ใหญ่ข้าจากไปหลายปีแล้ว ความรักของเจ้าที่มีต่อเขาพวกเราเห็นมากับตาแล้ว แต่ในเมื่อเขาไม่อยู่แล้ว เจ้าก็อย่าฝังใจไปตลอดชีวิต หากเจอผู้ชายที่เพียบพร้อมเหมาะสมก็ลืมพี่ใหญ่ของข้าเสียเถิด”
ชิ่ว!
ลำแสงเย็นยะเยือกสองลำพุ่งออกมาจากดวงตาของเดรัจฉานน้อยที่ลืมตาขึ้น เขาอยากคืนคำที่เพิ่งพูดกลับมาว่าเขาต้องการให้โอกาสลู่เสวียน
เจียงหลีนิ่งค้าง คิดไม่ถึงว่าลู่เสวียนจะเอ่ยเช่นนี้กับนาง แต่เรื่องของมหาเทพตี้จวินนางมิอาจพูดอะไรมาก ได้แต่พูดอย่างคลุมเครือ “เจ้าคิดว่าบนโลกใบนี้นอกจากพี่ชายเจ้าแล้วยังมีใครต้องตาข้าอีก เราต้องมีความมั่นใจ เขาเคยสัญญาว่าจะกลับมาหาข้าก็ต้องกลับมาแน่นอน”
นี่สิถึงจะสมกับเป็นภรรยาของข้า!
เมื่อจักรพรรดิบางองค์ได้ยินน้ำคำของเจียงหลีก็รู้สึกยุบยิบในใจ หลิวหลีกะพริบตาวาวใสเป็นระลอกคลื่น
“แต่ว่า พวกเราก็อยากให้เจ้ามีความสุข” ลู่เสวียนกำหมัดแน่น
เจียงหลีหันหลังจากไป “ตอนนี้ข้าก็มีความสุขดี”
ลู่เสวียนมองเงาหลังของนางและกะพริบตาด้วยความซาบซึ้ง “ซ้อเล็ก เป็นสตรีที่เข้มแข็งจริงๆ”