ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 1 เจ้ามีดวงตาเหมือนเขา
เสื้อผ้าเปียกชุ่มหล่นบนโพรงหญ้าจึงทำให้หญ้าเปียกทันที
พรึ่บ!
เสื้อผ้าร่วงลงจากโพรงหญ้าหล่นใส่เจ้าก้อนขน
น้ำทำให้ผมเจ้าก้อนขนเปียกปอนและทำให้ขนสีขาวของมันแนบติดลำตัว หยดน้ำหยดลงจากขนติ๋งๆ
ใบหูสีชมพูเล็กๆ ของมันดูเหมือนจะสั่นเทาเล็กน้อยเพราะความเปียกปอน มีขนละเอียดอ่อนซ้อนเป็นชั้นๆ ที่ใบหูแหลม
ดวงตากลมโตดูเด่นชัดที่สุดบนใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือเด็ก
เห็นได้ชัดว่าดวงตากลมโตเหมือนตากวางแต่กลับมีแววเย้ายวนอยู่ในนั้น
เท้าทั้งสี่ข้างของมันนั่งยองบนพื้นหญ้าเปียกม่อล่อกม่อแลกไปหมดทั้งตัว ใบหน้าเล็กมองไปที่หญิงสาวในธารน้ำข้างหน้าด้วยท่าทางไร้เดียงสา
เงาร่างของเจียงหลีที่ซ่อนตัวอยู่ในน้ำสะท้อนเข้าไปในดวงตาใสดั่งอัญมณี ในส่วนลึกของดวงตาของมีร่องรอยของไฟร้อนที่ไม่สามารถเข้าใจได้
ส่วนเจียงหลีก็ชะงักค้างอยู่ในน้ำเช่นกัน เดิมที่คิดว่าเป็นศิษย์สำนักไหนสักแห่งมาแอบดูนางอาบน้ำ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ‘ลูกศิษย์’ ที่นางจับได้จะเป็นเพียงแค่สัตว์ร้ายตัวน้อยน่ารักตัวหนึ่งเท่านั้น
น่ารักจังเลย! เจียงหลีจ้องไปที่เจ้าก้อนเล็กน่ารักบ้องแบ๊ว หัวใจของหญิงสาวก็ท่วมท้นขึ้นมาทันที
“สัตว์น้อยมาจากไหน หลงทางมารึถึงได้มาอยู่ที่นี่”
เสียงน้ำกระจายดังขึ้นพร้อมๆ กับคำพูดของเจียงหลี
“…” เมื่อสัตว์ร้ายตัวน้อยที่เปียกปอนเห็นหญิงสาวคนนี้ยืนขึ้นจากสระโดยไม่มีอาการเขินอายใดๆ ดวงตาทั้งคู่จึงเบิกกว้าง กระตุกแผ่วเบาด้วยความโกรธหัวร้อน
หลังจากหายหัวร้อนสายตาของมันก็ถูกดึงดูดโดยหุ่นเพรียวระหงส์ไร้ที่ติของเจียงหลี
ฟืด!
จมูกสีชมพูของสัตว์ร้ายตัวน้อยสูดอากาศอย่างรุนแรง สูดเอาความร้อนที่แปลกประหลาดกลับเข้าไป
การกระทำที่ไร้สติของมันทำให้เจียงหลีที่เข้าใกล้มัน หัวเราะ ‘ฮ่าๆ’ ออกมาทันที “เจ้าน่ารักมากจริงๆ”
ไม่รู้ทำไมอารมณ์ของเจียงหลีดีขึ้นหรืออาจเป็นเพราะจู่ๆ ก็มีเจ้าก้อนปรากฏตัวออกมา
นางหยิบเสื้อผ้ายั่วยวนขึ้นมาสวมทับบนร่าง
เมื่อเห็นว่าเจ้าก้อนเอาแต่จ้องตัวเองไม่กระดิก เจียงหลีหันมาหัวเราะ “นี่ เจ้าก้อนเปี๊ยก เจ้าสัตว์ร้ายตัวน้อย รู้หรือเปล่าว่ามองคนสวยใส่เสื้อผ้ามันเสียมารยาท”
นางเอ่ยล้อไปเรื่อยเปื่อย แต่กลับไม่คิดเลยว่าหลังจากสิ้นเสียงนาง เจ้าก้อนน่ารักนั้นจะฟังภาษาคนรู้เรื่อง มันสั่นเทิ้มไปทั้งร่างและหลังจากนั้นก็…
มันค่อยๆ กระดุกกระดิกหันหลังเอาตูดอ้วนๆ ที่มีขนดกให้เจียงหลีบนพื้นหญ้า
ตูดเล็กๆ อวบอ้วนของมันมีขนสีขาวเงินเป็นประกายเงางามและอ่อนนุ่ม นอกจากนี้ยังมีหางเล็กน้อยที่ส่ายกระดุกกระดิกทำให้เจียงหลีอยากจะหยิกตูดแรงๆ สักทีอย่างมันเขี้ยว
เสียง ‘จิ๊จิ๊ดๆ’ ดังขึ้น เจียงหลีจึงหันออกจากความน่ารักแล้วรีบเอาเสื้อผ้าที่ยังซักไม่แห้งมาสวมใส่บนเรือนร่างของตัวเอง
ตึงๆ
การเคลื่อนไหวข้างหลังทำให้เจ้าก้อนใจเต้นโครมคราม ขณะนี้ผิวหนังของมันร้อนลวก โชคดีมีมีขนหนานุ่มปกคลุมจึงทำให้หญิงสาวที่อยู่ข้างหลังไม่ผิดสังเกต
ทันใดนั้นเจ้าก้อนน้อยก็รู้สึกว่าตัวเองถูกอุ้มขึ้นมาจากพื้นหญ้าเข้ามาในอ้อมกอด
ในขณะที่มันมองตัวเองลอยตัวกลางอากาศก็ได้ยินเสียงของเจียงหลีที่ข้างหู “เจ้าตัวเล็ก เมื่อครู่นี้ข้าทำเจ้าเปียกหมดเลยคงหนาวมากล่ะสิ ข้าจะช่วยตากแห้งเจ้าดีหรือไม่”
เจ้าก้อนช้อนสายตาเงยหน้ามองนาง
ที่แท้ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หญิงสาวเดินมาถึงข้างหลังของมันแล้วเอาเสื้อคลุมเปียกชื้นขึ้นมาสวมใส่ จากนั้นยังไม่ลืมอุ้มมันขึ้นมาในอ้อมกอดด้วย
“…” รู้สึกถึงความปั่นป่วนที่บีบคั้นตัวเองในเวลานี้ หัวใจเจ้าก้อนจึงเกิดความสับสน
“ดวงตาของเจ้า”
เมื่อเจ้าก้อนตัวน้อยมองย้อนกลับไปภายใต้แสงจันทร์ เจียงหลีสามารถมองเห็นสีในดวงตาที่ไร้เดียงสาเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน แววตาที่คุ้นเคยและใจดีมาก นางเคยเห็นที่ใครคนนั้นเพียงผู้เดียว
‘ดวงตาของข้า’ แสงมืดหม่นพาดผ่านนัยน์ตาของเจ้าสัตว์ร้ายตัวน้อยแล้วมันสบตาเจียงหลีโดยไม่คิดหลบสายตาสักนิด
“ราวกับลูกแก้วเหมือนกับเขา” จู่ๆ เจียงหลีก็ยิ้มออกมาดวงตาเป็นประกายอ่อนโยน นางเอามือขยี้ขนหัวที่เปียกปอนของมันอยู่หลายครั้งจนขนมันยุ่งไปหมดแต่มันกลับดูเชื่องยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
เจ้าก้อนสั่นสะท้านในใจแต่กลับนิ่งเงียบไม่เอ่ยสิ่งใด เพียงแต่หลับตาหนุนหัวเล็กๆ ของตัวเองไปที่แขนของเจียงหลี แล้วดูเหมือนจะเพลิดเพลินกับการ ‘ลูบไล้’ ของเจียงหลี
บางที ที่ข้าดูคุ้นเคยกับมันอาจเป็นเพราะดวงตาของมันก็ได้ ในขณะที่เจียงหลีขยุ้มเจ้าก้อนก็หาคำอธิบายให้กับตัวเอง
เจ้าก้อนตัวน้อยเชื่องมาก ไม่ว่าเจียงหลีจะขยุ้มขยำมันอย่างไรก็ไม่ร้องเลยสักแอะ ปล่อยให้นางทำตามใจชอบ
นอกจากได้กลิ่นหอมบนเรือนกายของหญิงสาวแล้วยังรู้สึกถึงผิวนุ่มเด้งผ่านเสื้อผ้าอีก ยิ่งทำให้มันมีความรู้สึกทรมานอยู่ในน้ำลึกและไฟร้อนลวก
หลังจากนั้นไม่นานขนของสัตว์ร้ายตัวน้อยก็แห้งสนิทและกลายเป็นเจ้าก้อนขนปุกปุยอีกครั้ง
“แห้งแล้ว” เสียงของเจียงหลีดังขึ้นอย่างชอบใจ
ราวกับว่านางมีความสุขที่ได้ทำเรื่องยิ่งใหญ่จึงทำให้เจ้าก้อนขนที่แกล้งหลับปุ๋ยอดลืมตาขึ้นมามองหญิงสาวที่อุ้มตัวเองอยู่ไม่ได้
เสื้อผ้าบนร่างกายของนางถูกทำให้แห้งเช่นกัน ดูเหมือนว่านางจะใช้พลังวิญญาณเพื่อกระทำการสิ่งนี้
“เจ้าเปี๊ยก เจ้าอาศัยอยู่บนเกาะนี้หรือ” เจียงหลีอุ้มเจ้าก้อนขนไปยังที่พักของตัวเองก่อนหน้านี้
นางจำได้ว่าละแวกนี้มีถ้ำภูเขา คืนนี้นางอาจนอนที่นั่นสักคืน
ไม่ใช่ เจ้าก้อนตอบคำถามในใจ
จากนั้นมันจึงแกล้งหลับตานอนหลับไปอีกครั้ง
“ข้ายังคิดอยู่เลยว่าบนเกาะนี้มีข้าเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงคนเดียว คิดไม่ถึงว่าจะมีเจ้าเพิ่มขึ้นมาอีกตัว” เจียงหลีเองก็ไม่สนใจว่ามันจะตอบหรือไม่และยังคงถามเองตอบเอง
“พ่อแม่ของเจ้าล่ะ ดูท่าทางเจ้าแล้วเหมือนเพิ่งเกิดได้ไม่นานใช่ไหม” เจียงหลีถามอีก
“…” เจ้าก้อนที่แกล้งหลับอยู่แน่นอนว่าไม่ตอบนางหรอก
“ดูจากลักษณะท่าทางของเจ้า มากสุดก็คงหนึ่งหรือสองขวบใช่หรือไม่” เจียงหลีสำรวจเจ้าก้อนในอ้อมกอดก่อนจะคาดเดาออกมา
แต่ทว่า เมื่อนางสบตากับนิ้วโป้งข้างขวาของตัวเอง ความอ่อนโยนนุ่มนวลในใจของนางดูเหมือนจะถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง
อุ้งเท้าเล็กขนปุยเผยให้เห็นเนื้อสีชมพูกำลังจับหัวแม่มือของนางพอดี แรงที่จับไม่เบาแล้วก็ไม่หนักเกินไป ราวกับว่ากลัวนางจะทิ้งตัวเองไปก็มิปาน
“เจ้าเปี๊ยก เจ้าคงไม่คิดว่าข้าเป็นแม่เจ้าหรอกกระมัง” เจียงหลีอดบ่นพึมพำไม่ได้เมื่อถูกเจ้าก้อนอิงแอบแนบชิด
และเมื่อสิ้นเสียงนางเจ้าสัตว์ร้ายตัวน้อยที่แกล้งหลับจู่ๆ ก็ลืมตาขึ้น ดวงตาลูกแก้วใสแวววาวมีประกายขุ่นเคืองแวบผ่าน
มันอ้าปากเผยให้เห็นฟันคมสองแถวกัดที่เนื้อใต้นิ้วหัวแม่มือของเจียงหลี
ซี๊ดด!
ความเจ็บแปลบเฉียบพลัน ทำให้เจียงหลีรีบดึงมือของออกจากปากของสัตว์ร้ายตัวน้อย “นี่! นึกจะกัดก็กัดรึ”
น่าเสียดายที่เจ้าก้อนทำได้แค่ส่งสายตาเยาะเย้ยนางเท่านั้นแล้วหลับตาลงอย่างภาคภูมิใจ
เจียงหลีทั้งโกรธทั้งขำ มองรอยฟันบนมือของนาง มันทิ้งแค่รอยฟันลึกๆ แต่กลับไม่มีเลือดออก เห็นได้ชัดว่าตอนที่เจ้าก้อนกัดมันระวังเรื่องแรงเหมือนกัน
“เจ้าเปี๊ยก ดุไม่เบาเลยนะเนี่ย” เจียงหลียื่นมือไปดีดหน้าผากของเจ้าสัตว์ร้ายตัวน้อย