ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 100 กฎของผู้มาใหม่หรือ
เดิมทีเจียงเฮ่ามาถึงซีฮวงก่อน ก็เพื่อตามหาร่องรอยของกู่หล่านเย่ว์
มารดาของพวกเขามีประวัติลึกลับ พวกเขาได้รับสายเลือดมาจากมารดา จึงมีร่างกายที่พิเศษไม่เหมือนกัน ตอนมารดายังมีชีวิตอยู่ เรื่องนี้เจียงหลีกับเจียงเฮ่าต่างรู้ดี
แต่ทว่าหากนางยังไม่ตาย นางหายไปที่ไหน ทำไมถึงไม่ตามหาพวกเขาสองพี่น้องเลย
“พี่ใหญ่หาเจอหรือไม่” เจียงหลีดวงตาเป็นประกาย เอ่ยเสียงเข้ม
นางรู้ว่าเจียงเฮ่าเลือกที่จะหารือปัญหานี้กับนางเวลานี้ คงจะไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญแน่
“ที่อยู่ของท่านแม่ ช่วงนี้ข้าหาไม่พบ แต่ว่าข้ากลับพบเบาะแสที่อาจจะเกี่ยวข้องกับท่านแม่” เจียงเฮ่าเอ่ย
ตอนนี้ยังเหลือเวลาก่อนจะไปอยู่พอสมควร เจียงหลีกับเจียงเฮ่าจึงนั่งลง เพื่อฟังเรื่องที่เขาสืบมาได้อย่างละเอียด
“อาหลี เจ้าเคยได้ยินมาก่อนหรือไม่ว่าในกลุ่มอำนาจระดับกลางของซีฮวงมีความพิเศษที่ลึกลับซ่อนอยู่” เจียงเฮ่าเอ่ยถาม
เจียงหลีส่ายศีรษะเบาๆ
นางเคยได้ยินกงเสวี่ยฮวาแนะนำสถานะของกลุ่มอำนาจระดับสูง แต่ว่ากลุ่มอำนาจกลางที่มีจำนวนมากกลับไม่ได้เข้าใจมากนัก
“ความพิเศษที่มีอยู่นี้ ไม่เหมือนกับพลังอื่นของซีฮวงที่ต้องเป็นคนในตระกูลเดียวกันเท่านั้น ไม่นับลูกศิษย์จากภายนอก ถึงแม้คนที่ไม่ใช่ตระกูลเดียวกัน ก็ได้แค่พลังของผู้อาศัยชั่วคราวหรือทาสรับใช้เท่านั้น”
เจียงหลีดวงตาลุกวาว ถึงกับพูดโพล่งออกไป “ตระกูลเดียวกันหรือ ตระกูลกู่!”
เจียงเฮ่าพยักหน้าอย่างเงียบๆ ยืนยันในสิ่งที่นางคาดเดา
เจียงหลีรู้ชัดแจ้งในใจ มารดาของพวกเขาคงมาจากตระกูลนั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดนางจึงร่อนเร่ไปถึงหนานฮวง แล้วยังมาอยู่กับเจียงหลินเฟิงจนเป็นสามีภรรยากันเช่นนั้นหรือ
สิ่งที่พิเศษของพวกเขาสองพี่น้องล้วนมาจากสายเลือดของมารดา แต่ตระกูลเจียงที่หนาน
ฮวงก็เป็นแค่ตระกูลขุนนางธรรมดา
“พลังนี้ถูกคนนอกกล่าวขานไว้ว่าเป็นตระกูลเทพประทาน ส่วนพวกเขาเรียกตนเองว่าตระกูลเก่า เป็นตระกูลเก่าแก่ ที่ไม่ได้หมายถึงตระกูลกู่” เจียงเฮ่าเน้นเสียง
เจียงหลีดวงตาหรี่ลง
“ตระกูลนี้ลึกลับมาก คนภายนอกรับรู้ข่าวคราวของพวกเขาน้อยมาก ข้าเคยใช้ความคิดอย่างหนัก อยากจะสอบถามว่าในบ้านตระกูลนี้มีคนชื่อ ‘กู่หล่านเย่ว์’ หรือไม่ แต่ว่ากลับถามไม่ได้ความอะไรเลย” เจียงเฮ่าอธิบายมาเช่นนี้
“ถ้าเช่นนั้นเหตุใดถึงคิดว่าเกี่ยวข้องกับท่านแม่ล่ะ” เจียงหลีถามอย่างสงสัย
เจียงเฮ่าเอ่ย “เพราะว่าตระกูลนี้สิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วคือรูปลักษณ์อันพิเศษที่พวกเขามี”
!
เจียงหลีเย็นวาบในใจ
เพิ่มจุดนี้เข้าไป ทำให้คนกลับยิ่งต้องสงสัย
นางมองเจียงเฮ่า เขามีเทียนมิ่งหลิงหวง บัญชาสวรรค์กำหนดให้เขาเป็นหลิงหวง ในระหว่างฝึกฝน ลดความลำบากไปได้มากเมื่อเทียบกับคนทั่วไป ส่วนนางมีเซียนเทียนอู๋สยาอวี้ กักเก็บพลังวิญญาณได้มากกว่าคนทั่วไป ในขณะต่อสู้ การสะสมพลังวิญญาณได้จำนวนมากในอาณาเขตเดียวกัน ไม่มีใครสามารถเอาชนะนางได้
“เรื่องนี้ ยังจำเป็นต้องตามค้นหาต่อไป ที่ข้ามาบอกเจ้า เพื่อให้เจ้าไม่ต้องกังวลใจไป ค้นหาต่อไปในทางนี้ ไม่แน่ว่าพวกเราจะตามหาท่านแม่พบ กลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน” เจียงเฮ่าเห็นเจียงหลีขมวดคิ้ว จึงยื่นมือไปนวดเบาๆ ที่หน้าผากนาง
เจียงหลีช้อนตามองเขา ในแววตาเต็มไปด้วยความคิดลุ่มลึก
เจียงเฮ่าถูกเจียงหลีมองด้วยความสงสัย มองตนไปมา จึงถามขึ้น “มีอะไรหรือ”
“ข้าเพียงแต่คิดว่า ตระกูลที่ลึกลับเช่นนี้ ยังได้รับพรประทานจากสวรรค์ เหตุใดยังเป็นเพียงกลุ่มอำนาจระดับกลาง” เจียงหลีมองเขาด้วยความสงสัย
เจียงเฮ่าหัวเราะ “เจ้ามาซีฮวงครั้งแรก เกรงว่าจะไม่เข้าใจข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มอำนาจระดับสูงนัก ข้าจะบอกเจ้าไว้ ซีฮวงเป็นกลุ่มอำนาจระดับกลางและสูงขึ้นไป ล้วนครอบครองที่ผืนนี้เอาไว้ดำรงอยู่ไม่ต่ำกว่าพันปี ส่วนที่กำเนิดของกลุ่มอำนาจระดับสูงก็ยิ่งยาวนานกว่านั้น รายละเอียดยิ่งลึกจนไม่อาจคาดเดาได้ ตามที่กล่าวว่า พันกว่าปีก่อน ตระกูลนี้เฟื่องฟูในกลุ่มอำนาจระดับสูง แต่ภายหลัง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงถูกคัดออกจากตำแหน่งของกลุ่มอำนาจระดับสูง
“ไม่ใช่ว่าถกเถียงกันในงานเลี้ยงเหล่าเซียนและปาฐกถาเจ้าครองนครแล้วถูกท้าประลองหรือ” เจียงหลีถามอย่างสงสัย
เจียงเฮ่าส่ายศีรษะ “สถานะของตระกูลเทพประทานกับฮวงเสินไม่เหมือนกัน หลังจากกลุ่มอำนาจฮวงเสินพ่ายแพ้การต่อสู้ป้อมปราการเฟยอวิ๋นที่บัดนี้เป็นกลุ่มอำนาจระดับสูง จึงถูกขับออกจากกลุ่มอำนาจระดับสูง ส่วนตระกูลเทพประทานเป็นเพราะภายในค่อยๆ ถดถอย พลังลดลงอย่างมาก จึงตกอันดับลงมาเอง หลังจากกลายเป็นกลุ่มอำนาจระดับกลาง พวกเขายิ่งเก็บตัวลึกลับ แทบจะไม่ออกมาเดินข้างนอกให้เห็น
ในแววตาของเจียงหลีเต็มในด้วยความคิด สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วอ้าปากผ่อนลมหายใจออก ณ ดินแดนซีฮวงนี้ ซับซ้อนกว่าที่นางคิดไว้มาก
นอกจากตามหามารดาให้พบ ตัวนางเองยังมีภาระอันยิ่งใหญ่ที่ต้องหากลองศิลาจารึกซีฮวงให้เจอ ภายใต้ความกดดันนี้ กลับยิ่งกระตุ้นจิตวิญญาณการต่อสู้ของนางขึ้นมา อยากจะทะลวงเข้าไปในซีฮวงอันยิ่งใหญ่ให้รู้แล้วรู้รอด
“อย่าเพิ่งคิดมากเลย เรื่องของท่านแม่ ไม่ใช่วันสองวันจะหาเบาะแสได้ชัดเจน กลับถึงฮวงเสิน เจ้าก็ฝึกให้สบายใจเถิด เรื่องนี้มอบให้ข้าจัดการ ถ้ามีข่าวคราว ข้าจะบอกเจ้าเป็นคนแรกแน่นอน” เจียงเฮ่าเอ่ยปลอบใจ
อารมณ์ของเจียงหลีจึงคลายลง แล้วยิ้มเอ่ย “ลำบากพี่ใหญ่แล้ว”
…
สองพี่น้องสนทนากันจบ ก็ใกล้ถึงเวลาออกเดินทางแล้ว
ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้อง มาถึงที่รวมตัว
เฟิงสิงอวิ๋นกำลังนำกระสวยเวลาให้กับผู้ที่มาถึงก่อนอย่างลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่ง เขาคิดอยู่สักครู่ ก็นำอันที่อยู่ข้างตัวส่งให้มู่ชิงเหยียนที่อยู่ข้างๆ
“ในยามที่อาหลียังคิดวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ออก กระสวยเวลานี้ให้เจ้าไว้คุ้มครองตัว เมื่อพบอันตราย สามารถนำมาใช้กันภัยได้ชั่วครู่ ในสถานการณ์ฉุกเฉินก็สามารถใช้มันให้พาเจ้ามาส่งที่ตรงหน้าอาหลีได้”
มู่ชิงเหยียนรับกระสวยมาด้วยความยินดี แล้วเอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณท่านอาจารย์เฟิงมากเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ” เฟิงสิงอวิ๋นยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
เหตุการณ์นี้อยู่ในสายตาของเจียงหลีกับเจียงเฮ่าที่ผ่านมาเห็นพอดี เจียงหลีมองไป แล้วเดินไปทางเฟิงสิงอวิ๋น ส่วนเจียงเฮ่ามองมู่ชิงเหยียนเพียงแค่ครู่เดียว ก็เกิดความรู้สึกซับซ้อนเบนสายตาไปทางอื่น
“มาแล้วหรือ รับไว้สิ” เฟิงสิงอวิ๋นนำกระสวยเวลาโยนให้เจียงหลี
เจียงหลีรับไว้ได้ ใช้พลังจิตที่รวดเร็วสัมผัสสักครู่ จึงยิ้มทีนที นางเอ่ยเสียงเบากับเฟิงสิงอวิ๋น “ท่านอาจารย์เฟิง ที่แท้ท่านคือเนี่ยนซือนี่เอง!
เฟิงสิงอวิ๋นยิ้มสดใส กลับไม่ปฏิเสธ
ทว่าการแสดงออกนั้นกลับอธิบายทุกอย่างแล้ว
เจียงหลีก็ไม่ได้ถามต่อ ถือกระสวยเวลาแล้วเดินไปยืนข้างๆ ตอนที่ได้สัมผัสกระสวยเวลาครั้งแรก นางฝึกฝนพลังจิตไม่มากพอ ก็ไม่ได้คิดมาก จนถึงสุสานโบราณหลิงจง สนทนากับผีเก่าแก่เสร็จเรียบร้อย นางจึงคาดเดาเรื่องเฟิงสิงอวิ๋นฝึกฝนหลิงเนี่ยนพร้อมกัน
บัดนี้เนี่ยนซือของนางมีการฝึกฝนเพิ่มขึ้น ตอนที่เพิ่งจะรับกระสวยมา ก็รู้สึกถึงพลังจิตเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน จึงได้ถามเช่นนั้นออกไป
“เรียบร้อย ออกเดินทางได้” ทุกอย่างที่เตรียมไว้พร้อม หลายคนเตรียมใช้กระสวยเวลาออกไป
กงเสวี่ยฮวายิ้มเอ่ยกับเจียงหลี “เจ้าอย่าลืมล่ะว่าข้าคือสหายที่มีประโยชน์กับเจ้า
เจียงหลียิ้มเอ่ย “ไม่ลืมหรอก”
กดกระสวยเวลาในมือให้แตก ทั้งหกคนกลายเป็นแสงไฟหกดวง ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
กงเสวี่ยฮวากับมู่ชิงเหยียนยืนอยู่บนพื้น เงยหน้ามอง คนข้างหน้าถอนหายใจพลางเอ่ย “อิจฉาฮวงเสินที่มีของเล่นเช่นนี้”
…
เมื่อการมองเห็นตรงหน้าของเจียงหลีฟื้นคืนมา ก็รู้สึกถึงการจู่โจมเป็นระยะๆ
ได้ยินเสียงเจียงเฮ่าร้องเตือนขึ้นมา “อาหลี ระวัง นี่คือบททดสอบเข้าสำนัก!”