ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 101 ไม่ชนหนานซานห้ามหันหลังกลับ
การทดสอบเข้าสำนักหรือ
แสงตรงหน้าหายวับไป เจียงหลีจึงมองเห็นตำแหน่งที่ตนยืนอยู่ได้ชัดเจน
ราวกับ…ภูเขาลูกหนึ่ง…
นางค่อยๆ เงยหน้า มองไปยังหอคอยที่สูงเสียดเมฆอยู่ข้างหน้า นี่เป็นการเอาหินมาสร้างขึ้นละชั้น คล้ายกับสิ่งก่อสร้างรูปทรงกรวย มองขึ้นไปทีละชั้น ล้วนเป็นรูปสามเหลี่ยม ส่วนล่างกว้างส่วนบนแคบ ถูกเมฆหมอกลอยบดบังมองเห็นได้ไม่ชัดเจน
สิ่งเดียวที่มองเห็นชัดคือป้ายหินหยกที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่ข้างหน้าหอคอย
“หนานซานหรือ” เจียงหลีอ่านอักษรที่สลักอยู่บนแผ่นป้าย
“ที่กล่าวกันว่า ไม่ชนหนานซานไม่หันหลังกลับ หนานซานที่ว่านี่คือการทดสอบเข้าฮวงเสิน หากสอบผ่านก็จะได้เป็นศิษย์ของฮวงเสิน หากสอบไม่ผ่านก็ต้องกลับไป” ทันใดนั้น ด้านหลังมีเสียงดังขึ้นมา
เจียงหลีมองไปเห็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาสง่างามกำลังยิ้มมองนาง
คนที่สนทนาเมื่อครู่นี้เป็นเขานี่เอง
เมื่อเจียงหลีมองกลับไป ชายหนุ่มผู้นั้นเริ่มมีสายตาสับสน ในใจเอ่ยเงียบๆ ที่มองเห็นไกลๆ เมื่อครู่นี้ ก็รู้สึกได้ว่าหญิงสาวผู้นี้งดงามอย่างหาได้ยาก คิดไม่ถึงว่าเมื่อมามองใกล้ๆ แล้วจะยิ่งสวยจนทำให้ใจเต้นได้ขนาดนี้
ได้เป็นศิษย์สำนักเดียวกับหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้ ก็ไม่เสียทีที่มาอยู่เมืองฮวงเสิแล้ว! เขารำพันในใจ รอยยิ้มบนใบหน้าก็เปลี่ยนสงบเสงี่ยมลง
แต่ทว่าเจียงหลีกลับไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของเขา เพียงเวลานี้สังเกตได้ว่า ที่แท้คนที่ยืนอยู่เชิงเขาหนานซาน ไม่ได้มีแค่นางคนเดียว มองไปแล้วมีเหล่าชายหญิงราวๆ ร้อยกว่าคนอยู่ด้วย
“คนพวกนี้คือคนที่จะมาทดสอบเข้าฮวงเสินวันนี้ทั้งหมดเลยหรือ” เจียงหลีเอ่ยถาม
พบว่าเจียงหลีสนใจเขาแล้ว เขาจึงตอบอย่างพอใจ “ถูกต้องแล้ว ข้าชื่อเจิ้งหยวน”
“ข้า…เจียงหลี” เจียงหลีงบอกชื่อของตนกับเขา
แต่ทว่าในใจของนางยังคงสงสัยว่าพวกเจียงเฮ่าหายไปไหนกัน
ในขณะเดียวกันลานแสดงวิทยายุทธ์ที่ใหญ่โตของฮวงเสินก็เบียดเสียดไปด้วยผู้คนจำนวนมาก พวกเขายืนอยู่กันเป็นกลุ่มๆ สนทนากันอย่างเบาๆ สายตาต่างมองไปยังสถานที่เดียวกัน
สถานที่ที่พวกเขามองนั้นคือน้ำตกอันยิ่งใหญ่ที่ตกลงมาจากฟากฟ้า
น้ำในน้ำตกใสระยิบระยับไหลลงมาจากยอดเขาทะลุเมฆหมอกลงมาอย่างเชี่ยวกราด แสงแดดที่สะท้อนทำให้ดูคล้ายกับผ้าม่านสีเงิน
ไร้เสียงน้ำตก ไม่รู้กลับไปยังที่ใด
บนน้ำตกที่กว้างใหญ่ไพศาลสะท้อนภาพวิวทิวทัศน์ของเขาหนานซานออกมาได้อย่างคาดไม่ถึง
เพียงแต่พวกเขาเห็นแค่สถานการณ์ของเขาหนานซานข้างบน มองไม่เห็นภาพข้างล่างของเขาหนานซาน
เจียงเฮ่าและคนที่กลับมาพร้อมกับเจียงหลี เวลานี้ก็ยืนอยู่ในหมู่คน
หนานอู๋เฮิ่นกับเฟิงสิงอวิ๋นเข้าไปรายงานตัวก่อน เหลือเพียงเจียงเฮ่า ลู่เสวียน เหวินเหรินชิ่งชิ่งสามคนยืนอยู่ด้วยกัน มองไปยังน้ำตก รอผลการทดสอบของเจียงหลี
“ก่อนหน้านี้ ข้าควรชี้แนะเกี่ยวกับการทดสอบเข้าสำนักให้อาหลีสักหน่อย”
ลู่เสวียนปลอบใจ “พี่เฮ่า จะโทษพี่ก็ไม่ได้ ใครก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ จะว่าไปแล้วการทดสอบเข้าสำนัก พวกเราก็ผ่านมาได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไม่ต้องห่วงซ้อเล็กเลย”
“ก็จริง ข้าก็เชื่อมั่นในตัวนางว่าจะต้องสอบผ่านอย่างแน่นอน” เหวินเหรินชิ่งชิ่งก็เอ่ยเช่นเดียวกัน
เจียงเฮ่าพยักหน้า “อาหลีถึงแม้ว่าจะแสดงฝีมือที่หนานฮวงแล้วถูกจัดเข้าในรายชื่อผู้ฝึกฝนหลัก แต่ว่าจะสามารถได้รับรางวัลจากการฝึกฝนหลักนั้นหรือไม่ ก็ต้องพึ่งตัวนางเอง”
…
ด้านล่างเขาหนานซาน เจิ้งหยวนยืนอยู่ข้างเจียงหลี ระมัดระวังที่จะรักษาระยะห่างอย่างมีมารยาท จะไม่ตื่นเต้นจนทำผิดต่อหญิงสาวผู้สง่างามนี้
เจียงหลีก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อการเข้าใกล้ของเจิ้งหยวน
ถึงแม้จะมีคนเกือบร้อยบริเวณเชิงเขาหนานซาน แต่อาจจะเป็นเพราะกำลังจะเริ่มทดสอบจึงดูเงียบสงบมาก คนที่มาด้วยกันก็ยืนอยู่ด้วยกัน ส่วนคนที่มาคนเดียวก็ยืนอยู่ข้างๆ อย่างไว้เนื้อไว้ตัว ต่างควบคุมลมปราณของตน เตรียมตัวเพื่อเริ่มการทดสอบ
ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว… สายตาของเจียงหลี มองยังข้างๆ “คนนั้นคือใครหรือ”
เจิ้งหยวนมองตามนาง จึงเห็นคนรูปร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงนั้น ข้างกายเขามีคนยืนห้อมล้อมอยู่สี่ห้าคน
ในกลุ่มคนสี่ห้าคนนั้น มีคนหนึ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษ
ไม่เพียงแต่ภายนอกที่โดดเด่น บุคลิกก็ดูโดดเด่นมาก ทำให้คนมองรู้สึกเหมือนเขาเป็นดาบคมที่ดึงออกจากฝักเพื่อแสดงความสามารถ
“นั่นคุณชายเหยากวงรึ”
เจียงหลีเหลือบสายตากลับมามองเจิ้งหยวน สีหน้าเขินอายและตื่นเต้นของเขานั้นอยู่ในสายตาของนาง
“ข้าเพิ่งมาถึง ไม่คิดว่าคุณชายเหยากวงก็มาด้วย!” ความตื่นเต้นของเจิ้งหยวนแสดงออกในน้ำเสียงของเขามาหมดแล้ว
ไม่เพียงแค่นี้ เจียงหลียังฟังออกว่าน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมนับถือ
“คุณชายเหยากวงหรือ” เจียงหลีเอ่ยออกมาเบาๆ แล้วมองยังชายหนุ่มรูปร่างสูงนั้น เขายังคงรักษาอาการเงียบขรึมในขณะถูกเยินยอ และไม่แสดงท่าทางอวดดีออกมา
“ใช่ นี่คือคุณชายเหยากวง! หันเหยากวงแห่งตระกูลหัน ผู้ถูกเลือกที่แข็งแกร่งที่สุดในพันปี ตำนานกล่าวขานว่า เขามีเนตรญาณทั้งแปดที่มีมาตั้งแต่กำเนิด อายุสิบห้าปีก็เข้าสู่อาณาเขตหลิงจงแล้ว ในระยะเวลาอันสั้นไม่ถึงเจ็ดปีเขาก็อยู่ขั้นสูงสุดของหลิงจง ล้วนกล่าวกันว่า หากเขาปรารถนา เขาจะขึ้นเป็น
หลิงหวังเมื่อไหร่ก็ได้ เขาไม่เพียงแต่มีความสามารถมาแต่กำเนิด ผลสอบดีเลิศ ตั้งแต่เขามีชื่อเสียง ต่อสู้มาร้อยครั้ง ไม่เคยแพ้สักครั้งเดียว แล้วยังเคยชนะหลิงหวังผู้แข็งแกร่ง ข้าเคยได้ยินว่า มีครั้งหนึ่งมีเทียนเจียวที่คนทั่วไปยกย่องนับถือท่านหนึ่ง ไม่ยอมที่ชื่อเสียงของหันเหยากวงนั้นเลื่องลือกว่าเขา จึงมายั่วยุถึงที่ คุณชายเหยากวงก็ไม่ได้สนใจ แต่เขาก็ไม่ยอมเลิกรา ถึงขั้นรังควานตระกูลหันที่อยู่ในรุ่นเดียวกันที่ฝึกฝนภายนอก ผลสุดท้ายมีครั้งหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าเขาจะหลอกล่อพี่สาวของคุณชายเหยากวง คุณชายเหยากวงโกรธมาก ไม่คิดว่าเพียงใช้กระบวนท่าเดียว ก็ทำลายเทียนเจียวนั่นได้แล้ว ต้องรู้ว่า เทียนเจียวคนนั้นอยู่ในอาณาเขตและขั้นเดียวกับคุณชายเหยากวง!”
เจิ้งหยวนที่แท้ก็เป็นสาวกของหันเหยากวง พอเอ่ยถึงหันเหยากวง คำพูดของเขาก็ดูราวกับคลื่นของแม่น้ำฉางเจียงที่ซัดสาดไม่หยุด ศรัทธาในตัวคุณชายหันดุจอย่างมั่นคงดั่งขุนเขาไม่เสื่อมคลาย เกรงว่านางจะรับรู้ไม่ถึงความยิ่งใหญ่ของหันเหยากวง
เจียงหลีฟังเขาแนะนำอย่างเงียบๆ และไม่ได้ถูกเจิ้งหยวนเผยแพร่ความหลงใหลจนแสดงออกทางสีหน้าว่าศรัทธาในตัวเขา
เจิ้งหยวนที่พูดมาตั้งมากมายรู้สึกผิดหวัง
เห็นท่าทางลังเลของเขา เจียงหลีหัวเราะเอ่ยออกมา “ที่แท้คนที่เจ้าคลั่งไคล้ก็อยู่นี่แล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ไปเถิด”
เจิ้งหยวนอยากจะใช้โอกาสนี้ เข้าใกล้หันเหยากวงให้มากขึ้น ทว่ามองเห็นข้างกายเขามีคนห้อมล้อมอยู่หลายคนแล้ว ก็นึกเสียดายหญิงสาวที่งดงามอย่างเจียงหลี เขาลังเลเล็กน้อย กัดฟันส่ายศีรษะ “ช่างเถิด ดูจากความสามารถของหันเหยากวงแล้ว คงสามารถเข้าไปเป็นศิษย์ของฮวงเสินได้แน่นอน ในภายภาคหน้าข้ายังมีโอกาส”
เจียงหลีหัวเราะเล็กน้อย แล้วจึงหยุด
เวลานี้เขาหนานซานมีเสียงระฆังดังมาเป็นระยะ ทำให้คนเป็นร้อยที่อยู่ตรงเชิงเขามองยังบนยอดเขาหนานซานเป็นสายตาเดียว
“เริ่มการทดสอบได้ ใครจะเริ่มก่อน” เสียงทุ้มดังจากบนเขาจนถึงเชิงเขา
“ข้าเอง!” เสียงเพิ่งจะเงียบลง ชายหนุ่มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นก็ลอยข้ามเขาลงมาที่บนบันไดเขาหนานซาน
ครืด ครืด ครืด…
เขาขึ้นไปบนระเบียงชั้นที่หนึ่งอย่างรวดเร็ว เวลานี้ เมฆหมอกลอยหายไป เจียงหลีถึงพบว่าบนระเบียงนั้นมีคนยืนอยู่หนึ่งคน
ยิ่งไปกว่านั้น…
พละกำลังของคนๆ นั้น เทียบกับพลังของคนที่มาทดสอบแล้วเขาคือหลิงจงขั้นห้าเช่นกัน