ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 105 นี่คือม้ามืดเจ้าเสน่ห์!
เหลือนางเพียงคนเดียวแล้ว เจียงหลีไม่ลังเลอีกต่อไป
เมื่อนางยืนอยู่ที่เชิงเขาหนาน นางไม่ได้ลอยขึ้นไปบนสนามประลอง แต่กลับเดินขึ้นบันไดทีละขั้น
ณ อาณาบริเวณของฮวงเสิน ในน้ำตกขนาดใหญ่ เจียงหลีได้ปรากฏตัวขึ้น
“อู้หูววว! สาวงาม!”
“คาดไม่ถึงว่าในการทดสอบครั้งนี้ จะมีหญิงสาวเจ้าเสน่ห์ที่หาใครเปรียบไม่ได้ซ่อนอยู่ด้วย!”
ทันทีที่เจียงหลีปรากฏตัว ศิษย์ชายหลายคนของฮวงเสินเปล่งเสียงตกตะลึงออกมา
ส่วนศิษย์หญิงบางคนก็เผยใบหน้าที่รู้สึกน่าอัศจรรย์เช่นเดียวกัน แต่ก็มีศิษย์หญิงที่งดงามบางคนเผยความริษยาออกมาให้เห็นบ้างเล็กน้อย
เพราะเป็นเพศเดียวกัน สตรีมักจะรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่สวยกว่าตน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกนางจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม เจียงหลีได้เป็นที่รู้จักของฮวงเสินแห่งนี้แล้ว
“ผู้หญิงที่งดงามเช่นนี้ กลับไม่ไปที่หอฉยงเซียน แต่มาที่ฮวงเสินของเราแทน! ช่างเป็นความโชคดีของฮวงเสินเราจริงๆ!”
“มีเสน่ห์น่าหลงใหลเช่นนี้ ต้องทะนุถนอมอย่างดี ใครจะยอมลงมือเล่า”
“ชนะแล้ว ชนะแน่แล้ว หากเปลี่ยนเป็นข้า ข้าคงพูดคุยกับสาวงามก่อนอย่างแน่นอน และปล่อยให้นางชนะ”
“พวกเจ้าว่านางสวยกว่า หรือสาวงามที่เป็นที่หนึ่งของซีฮวงคนนั้นจากหอฉยงเซียนสวยกว่า”
“เจ้าหมายถึงนางฟ้าเหยาอวี๋หรือ”
“ใช่แล้ว! นางนั่นแหละ ว่ากันว่าคนที่พบเจอนางต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันนางเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ งดงามจนปรากฏได้เพียงบนสวรรค์เท่านั้น”
“คนหนึ่งงดงามโดดเด่น อีกคนงดงามจนร่ำลือกันทั่วทั้งเมือง พวกนางทั้งสองล้วนเป็นหญิงงามที่สุดในปฐพี!”
“…”
การสนทนาทั้งหมด มุ่งเน้นที่ความงามของเจียงหลี
“หึ!” บทสนทนานั่นดังมาถึงหูของเจียงเฮ่า ทำให้เขาอุทานอย่างไม่พอใจ
ลู่เสวียนชักสีหน้าเล็กน้อย
เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองเห็นว่าใบหน้าของพวกเขาทั้งสองดูแย่มาก จึงหัวเราะและปลอบว่า “พวกเขาพูดว่าฝ่าบาทของเราคือหญิงงามยังไม่พอใจหรือ ความงามบางครั้งก็เป็นอาวุธของผู้หญิงได้เหมือนกัน!”
คนที่มีใบหน้างดงาม คล้ายกับจะมีข้อได้เปรียบโดยกำเนิด แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่รู้จักเจียงหลี พวกเขาต่างคาดหวังว่าเจียงหลีจะได้รับชัยชนะ
ความทะนุถนอมเช่นนี้เกิดขึ้นจากสัญชาตญาณ
เช่นเดียวกับตอนนี้ หลังจากที่เจียงหลียืนอยู่บนสนามประลองแรก คนที่ยืนตรงข้ามนางดูแข็งทื่อและจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และลืมภารกิจของตนไปโดยสิ้นเชิง
ขณะนี้ หากเจียงหลีต้องการฆ่าเขาก็เป็นเรื่องง่ายดาย
โชคดีที่พวกเขาไม่ใช่ศัตรู
เจียงหลีอดทนรอชั่วครู่ เห็นว่าเขายังนิ่งเฉยอยู่ จึงส่งเสียงไอเบาๆ และปลุกเขาให้ตื่นจากความลุ่มหลง
“อิจฉา!”
“ริษยา!”
“ข้ารังเกียจ!”
ด้านนอกน้ำตกของฮวงเสิน ศิษย์ชายหลายคนแสดงความเสียดายและโกรธเคืองออกมา
“หากข้ารู้ว่าครั้งนี้มีหญิงงามเช่นนี้มาทดสอบด้วย ข้าจะแย่งเป็นผู้ประจำสนามประลอง!”
“เจ้าหรือ หากขึ้นไป ก็ทำได้เพียงเดิน เฉียดไหล่กับสาวงามเท่านั้น”
“นี่…”
“อะไร ทำไม! เจ้าดูตัวเองก่อนว่าการฝึกฝนอยู่ในระดับไหน สาวงามอยู่ในระดับไหน หากมองไม่ออก ก็ควรรู้ไว้ว่าศิษย์พี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้านางคือหลิงจงขั้นแปดของตำหนักซิง”
ฟู่…!
ภายใต้เสียงเตือนนี้ ทุกคนถึงจะดึงสติออกจากความงามของเจียงหลี และคนบางส่วนสนใจระดับการฝึกฝนของนาง
หลิงจงขั้นแปดยังเด็กอยู่ แต่ดูเหมือนพรสวรรค์จะไม่อ่อนแอเลย
ผู้คนประเมินความแข็งแกร่งเบื้องต้นของเจียงหลีในใจ
เวลานี้ ผู้ประจำสนามประลองแรกได้สติกลับมา และพูดกับเจียงหลีอย่างเขินอายว่า “ศิษย์น้อง…ล่วง…ล่วงเกินแล้ว”
หลังจากพูดจบ แก้มของเขาแดงก่ำขึ้นทันที
เจียงหลีพูดติดตลกว่า “ข้ายังไม่ผ่านการทดสอบ เรียกศิษย์น้องไม่เร็วไปหน่อยหรือ”
“ไม่…ไม่หรอก...” เขาพูดด้วยใบหน้าตื่นเต้น
“หือ” เจียงหลีมองเขาอย่างสงสัย
เขารีบอธิบายอย่างร้อนรนว่า “ด้วยพรสวรรค์ของศิษย์น้อง ต้องผ่านพ้นได้อย่างแน่นอน” เขาแอบพูดในใจว่า หญิงงามเช่นนาง ข้าแอบยอมให้นางผ่านการทดสอบดีกว่า!
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน” เจียงหลีพยักหน้าโดยไม่ถ่อมตนแม้แต่น้อย
ด้านนอกน้ำตก ศิษย์หญิงบางคนทนดูไม่ได้ เนื่องจากการตอบของนาง ช่างเหมือนอาการของคนสวยแล้วหยิ่งผยอง ซึ่งน่ารังเกียจมากจริงๆ อย่างไรก็ตาม ศิษย์ชายคิดว่าการตอบของนางน่ารักมาก
นี่สินะเป็นสิ่งที่ผู้หญิงควรมี ไม่ใช่เหมือนศิษย์หญิงร่วมสำนักคนอื่นที่โหดเหี้ยมราวกับบุรุษ!
แต่หลังจากที่พวกเขายังคงคร่ำครวญถึง ‘ความน่ารักและความอ่อนโยน’ ของเจียงหลีอยู่นั้น พวกกลับต้องตกตะลึงกับฉากตรงหน้า
เจียงหลีเดินออกจากน้ำตก เงาร่างส่องแสงประกายและปล่อยหมัดระเบิดออกไป
พร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่นนั้น หลิงจงขั้นแปดที่ยืนอยู่ตรงข้ามนางได้ปลิวออกไป ร่างนั้นลอยโค้งกลางอากาศและตกลงที่เชิงเขาหนานซาน
ขณะที่ร่างของเจียงหลีเป็นประกายอีกครั้ง และเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็อยู่บนสนามประลองที่สองแล้ว
อีกหมัดหนึ่ง!
ทุกคนต่างมองไม่ทันว่าเจียงหลีปล่อยหมัดตอนไหน เห็นเพียงเงาร่างที่เป็นประกายของนาง และคนที่อยู่ตรงข้ามกับนางนอนราบกับพื้นแล้ว
ส่วนตัวนางเองได้ปรากฏตัวยังสนามประลองที่สาม
เร็วมาก!
ทุกคนตกตะลึง
และบรรดาผู้คนที่คิดว่าเจียงหลีอ่อนโยนและมีเสน่ห์นั้น ในเวลานี้กับตกใจอย่างมาก และถอนคำพูดเดิมอย่างเงียบๆ
ท่าทางที่หยาบกระด้างและตรงไปตรงมานี้ มีเสน่ห์น่าหลงใหลอย่างที่พวกเขาคิดที่ไหนเล่า
“ไม่ใช่สิ! ทำไมนางไม่เล่นตามกฎเช่นทุกคน สนามที่สอง ทดสอบความชำนาญและความเข้าใจในทักษะการต่อสู้นี่นา” มีคนถามขึ้น
แต่ทว่า ไม่ว่าพวกเขาจะสงสัยเช่นไร พวกเขาก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ใดได้เพราะเจียงหลียืนอยู่บนสนามประลองที่สามแล้วและพร้อมเผชิญหน้ากับฝาแฝดทั้งสอง
ฝาแฝดยืนอยู่ตรงหน้าของเจียงหลี สวมชุดเกราะและเตรียมตัวพร้อมแล้ว จากบทเรียนทั้งสองก่อนหน้านี้ พวกเขาทั้งสองคนไม่กล้าดูแคลนความสามารถของเจียงหลี และร่างกายทั้งหมดเต็มไปลมปราณด้วยความรู้สึกอันน่าเกรงขาม
ฟิ้ววว!
ลมพายุพัดผ่าน ทั้งสองโจมตีเจียงหลีพร้อมกัน
โจมตีทั้งด้านซ้ายและด้านขวาอย่างรู้ใจกัน และปิดเส้นทางการหลบหนีของเจียงหลี
แต่เจียงหลีกลับไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด บิดร่างกายที่อ่อนราวกับไร้กระดูก หลบเลี่ยงการโจมตีของพวกเขา และปล่อยหมัดอีกครั้ง โดยคราวนี้นางปล่อยหมัดทั้งสองข้างพร้อมกัน
ในระหว่างการปล่อยหมัด ข้างหนึ่งรวบรวมร่างของเลี่ยเทียนซื่อ อีกข้างรวบรวมวานรกลืนเวหา
วิญญาณยุทธ์หลักทั้งสองมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวอยู่บนหมัดของนาง แล้วระเบิดในทันทีและเมื่อรวมกับพลังอำนาจของนาง ทำให้เกิดคลื่นกระแทกที่ไร้รูปร่างสองคลื่น พุ่งเข้าใส่ฝาแฝดทั้งสอง
ตู้ม! ตู้ม!…
พลังที่โหดเหี้ยมและน่าสะพรึงกลัวได้ทะลุผ่านแนวรับของฝาแฝดและพุ่งเข้าใส่เกราะบนอกของพวกเขา
แคว่ก!
เสียงแผ่วเบาดังขึ้นสองหน ชุดเกราะของพวกเขายุบลงพร้อมกัน และมีรอยร้าวขนาดเล็กปรากฏขึ้น โดยร่างของพวกเขาต่างบินเหินไปทางด้านซ้ายและด้านขวา เลือดพ่นออกมาจากปากและพุ่งเป็นเส้นโค้งกลางอากาศ
“…”
“พลังนี้…”
“สหายตระกูลเหลยฝึกฝนทักษะการป้องกัน และเมื่อสองฝาแฝดร่วมมือกัน พลังโจมตีต้องสูงมาก!”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“ในร่างกายของหญิงงามคนนี้มีอสูรร้ายอาศัยอยู่หรือ”
“สามการประลอง! นางยังไม่ได้ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์เลย!”
ด้านนอกน้ำตก มีเสียงอุทานดังขึ้นอย่างล้นหลามและแพร่กระจายออกไปไม่หยุด
ณ เวลานี้ ใครยังจะจดจำใบหน้าของคุณชายเหยากวางผู้โดดเด่นได้อีก