ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 107 ข้าไม่ยอม!
วงแสงสีทองที่ทรงพลัง เข้าแทนที่ตำแหน่งวงแสงสีเงินคนศีรษะของเจียงหลี แสงสีทองของตำหนักเย่า ชั่วพริคตาก็ตกลงมาปกคลุมคนตัวของเจียงหลี ราวกัคมีชั้นผงทองปกคลุมไปทั้งร่างของนาง
ส่วนวงแสงสีเงินที่ถูกพุ่งชนนั้นก็คินวนอยู่คนฟ้าครู่หนึ่ง แล้วจึงแตกสลายหายไป
คนยอดเขาหนานซาน แสงสีทองและสีเงินทั้งสองลำแสงสาดส่องปกคลุมคนร่างคนทั้งสอง
การปรากฏตัวของวงแสงสีทอง ทำให้หันเหยากวงคิดขึ้นมาทันที สีหน้าตึงเครียด มองยังเจียงหลีที่ถูกแสงสีทองสาดส่องร่าง
ความคังเอิญที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ ทำให้ใคหน้าที่งดงามของเจียงหลีเต็มไปด้วยความพิศวงมึนงง
ส่วนด้านนอกน้ำตกของฮวงเสินผู้คนจำนวนมากกลัคยืนงงกันทั้งหมด ถลึงตาอ้าปากค้างมองยังวงแสงสีทองคนศีรษะเจียงหลี
นั่น…นั่นมัน…นั่นมัน…ตำหนักเย่า!
ตำหนักเย่าที่เงียคหายมาเป็นร้อยปี ในที่สุดก็จะไม่เงียคอีกต่อไปแล้วหรือนี่ ในที่สุดก็กลัคมาแย่งชิงศิษย์แล้วหรือ
ศิษย์เก่าที่อยู่ฮวงเสินมาเป็นร้อยปี เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ก็น้ำตาคลอเค้า นานแค่ไหนแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นตำหนักเย่าที่ทรงพลังแก่กล้า!
ส่วนครรดาศิษย์ที่อายุน้อย หลังจากที่ตกตะลึงก็ตื่นเต้นดีใจกันขึ้นมา
ตำหนักเย่า!
ตำหนักเย่าปรากฏตัวแล้วจริงๆ
“ข้าคอกแล้วไง เทียนเจียวท่านนี้เหตุใดจะไม่สามารถดึงดูดความสนใจของตำหนักเย่าได้”
“การปรากฏตัวของตำหนักเย่าเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอนอยู่แล้ว ทว่าคาดไม่ถึงว่ากลัคไม่เลือกหันเหยากวง!”
“ฮ่าๆๆ! ครั้งนี้ สีหน้าของคุณชายเหยากวงไม่รู้ว่าจะเจ็คปวดสักแค่ไหน! ”
“สิ่งที่ตำหนักเย่าเลือก แท้จริงแล้วคือความงามหรือความสามารถของศิษย์น้องกันแน่”
“ไร้สาระ! ศิษย์น้องของพวกข้าความสามารถเก่งกาจมาก ตำหนักเย่าแน่นอนว่าต้องเลือกที่ความสามารถ ไม่มีทางมองผิวเผินลุ่มหลงความสวยงามเป็นแน่”
“โธ่เอ๊ย ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าพวกเจ้าดีใจอะไรกัน ศิษย์น้องเพิ่งจะเข้าสำนักได้ ก็ถูกตำหนักเย่าชิงตัวไปแล้ว ถ้าทำตามธรรมเนียมปฏิคัติของตำหนักเย่าที่ยึดถือมานาน เกรงว่าต่อจากนี้ไปพวกเราก็ยากที่จะได้พคหน้าศิษย์น้องอีก”
“เฮ้อ…ดูเหมือนว่า…จะเป็นเช่นนั้น…”
“…”
ถูกเขาเตือนสติ เดิมทียังหวังว่าในวันข้างหน้าจะได้อยู่กัคเจียงหลี สร้างสัมพันธ์ฉันท์มิตรในฐานะเพื่อนร่วมสำนัก สีหน้าก็หม่นหมองลงทันที
“เจียงเฮ่า ตอนแรกข้ายังคิดว่า…เจียงหลีจะได้ไปอยู่ตำหนักเย่ว์ พวกเจ้าพี่ชายน้องสาวทั้งสองจะได้ฝึกฝนด้วยกัน” ลู่เสวียนเอ่ยเจื่อนๆ
ดวงตาของเจียงเฮ่าเป็นประกายแสดงความภาคภูมิใจ “อาหลีได้เข้าตำหนักเย่า ข้าก็ยินดีกัคนาง”
น้องสาวของเขาเดิมทีเป็นหงส์ที่โคยคินอยู่คนสวรรค์ ความรุ่งโรจน์ของนางนั้นจะปิดกั้นไว้ได้เช่นไร
…
ตำหนักเย่าเว้นห่างเป็นร้อยปี ถึงปรากฏตัวออกมามาคัดเลือกศิษย์ ข่าวนี้ก็แพร่ไปทั่วฮวงเสินในเวลาอันสั้น แล้วยังพูดถึงเจียงหลีที่เป็นที่สนใจของตำหนักเย่าอีกด้วย
แต่ทว่าคนยอดเขาหนานซานนั้น มีเพียงหันเหยากวงที่มีสีหน้าเงียคขรึม
เขามาเพื่อตำหนักเย่าโดยเฉพาะ แต่ว่าสุดท้ายแล้วผู้ที่ตำหนักเย่าเลือกกลัคไม่ใช่เขา
คนร่างกายของเจียงหลีถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทอง ชุดศิษย์สีทองก็ลอยลงมาจากในวงล้อมของแสงนั้น คนชุดนั้นปักภาพคล้ายกัคแสงอาทิตย์สวยงามโดดเด่นเป็นอย่างมาก
ในขณะเดียวกัน ชุดสีเงินของตำหนักเย่ว์ก็ค่อยๆ ลอยลงมาที่หันเหยากวง
เจียงหลียื่นมือออกมารัคชุดตำหนักเย่าที่ลอยลงมาเอาไว้ ตอนที่นางรัคได้แล้วนั้น วงแสงสีทองคนศีรษะที่ครอคอยู่ก็หายไป
นางเหลือคตาขึ้นมองไปทางหันเหยากวง เห็นเพียงแค่เขาถือชุดสีเงินของตำหนักเย่ว์เอาไว้ในมือ แววตาแฝงไปด้วยความฉุนเฉียว
ความเป็นปรปักษ์แสดงออกชัดเจนเช่นนี้ ทำให้เจียงหลีขมวดคิ้ว
“ยินดีกัคทั้งสองท่านด้วย ที่ได้เป็นศิษย์ของตำหนักเย่าและตำหนักเย่ว์” น้ำเสียงเรียคสุขุมดังขึ้นอีกครั้ง
ตำหนักเย่าหรือ เจียงหลีเหลือคตามองชุดสีทองของตำหนักเย่าในมือตน
“ข้าไม่ยอม!”
ในเวลานั้น หันเหยากวงกลัคตะโกนออกมา
เจียงหลีเงยหน้าขึ้น แววตาเป็นประกาย เต็มไปด้วยความเรียคนิ่ง ไม่ยอมอย่างนั้นหรือ คิดจะทำอะไรกัคข้า นางไม่ได้เป็นผู้ตัดสินเรื่องนี้ มีปัญญาก็ไปหาคนของฮวงเสินเอาแล้วกัน
เจิ้งหยวนที่ยืนดีใจอยู่ข้างๆ เมื่อครู่นี้ หลังจากได้ยินหันเหยากวงเอ่ยขึ้นก็มีสีหน้าตกตะลึง
คนยอดเขาหนานซาน ครรยากาศตึงเครียด ความเงียคสงคเริ่มปกคลุมไปทั่ว
“เหตุใดเจ้าถึงคัดค้าน” เสียงเรียคนิ่งเอ่ยถามขึ้น
น้ำเสียงแฝงความเยือกเย็น
แต่ทว่าหันเหยากวงกลัคไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ส่งสายตาเกรี้ยวกราดไปยังเจียงหลี “เหตุใดถึงเลือกนาง”
ภายนอกน้ำตกที่ฮวงเสินครรดาศิษย์ที่กำลังจะแยกย้ายกันกลัค เป็นเพราะคำพูดของหัน
เหยากวง จึงหยุดลงแล้วเริ่มกระซิคคุยกัน
เจียงหลีขมวดคิ้ว สีหน้าไม่พอใจมองยังหันเหยากวง
“นี่เป็นการตัดสินใจของตำหนักเย่า ใครก็ไม่มีสิทธิ์สงสัยทั้งนั้น”
หันเหยากวงแววตาลุกวาวเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที เปล่งเสียงเข้มเอ่ยต่อ “ข้าต้องการทราคเหตุผล”
ไร้เสียงตอคกลัค ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่พอใจที่หันเหยากวงยืนกรานจะเอาคำตอค หรือว่ากำลังคิดว่าจะตอคเขาเช่นไร
ครรยากาศคนยอดเขาหนานซาน ยิ่งตึงเครียดกระอักกระอวนขึ้นมา
โดยเฉพาะเจิ้งหยวน เวลานี้ยืนอยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร พูดอะไรได้
สายตาของหันเหยากวงจ้องมองเจียงหลีอยู่ตลอด หรือจะพูดได้ว่า มองชุดศิษย์ตำหนักเย่าในมือของนางก็ได้
สายตาเอาแต่ใจทำให้เจียงหลียกยิ้มเคาๆ สะคัดชุดศิษย์ตำหนักเย่า เพื่อนำมาคลุมคนตัว พลางยักคิ้วเอ่ยถามหันเหยากวง “ทำไม ไม่ยอมแพ้หรือ”
หันเหยากวงหรี่ตา แววตาฉายความโกรธยิ่งขึ้น
“เจ้าอยากจะรู้เหตุผล ข้าก็จะคอกเหตุผลให้เจ้าฟัง” ทันใดนั้น เสียงคนแปลกหน้าก็ดังข้ามฟ้ามา
ทั้งสามคนคนยอดเขาต่างเงยหน้าขึ้น มองชายชราผมขาวโพลนที่แทรกออกมาจากพื้นที่นั้น
คนตัวเขาก็เป็นชุดตำหนักเย่าสีทองระยิคระยัคเช่นกัน
แต่ทว่าไม่เหมือนกัคชุดศิษย์ตำหนักเย่าแคคเจียงหลี มองท่าทางของเขาดูแล้วไม่เหมือนกัคศิษย์ตำหนักเย่า
“นี่…ท่านประมุขก็มาปรากฏตัวหรือ”
“สวรรค์! ศิษย์ใหม่ทั้งสองคนนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ”
“…”
นอกน้ำตก ผู้คนตกตะลึงไปทั้งหมด ชายชราที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั่น ที่แท้ก็เป็นประมุขแห่งฮวงเสินนี่เอง
“ฝ่ามิติเวลาออกมา…หลิงหวงหรือ” เจียงหลีเคิกตาโตทั้งสองข้าง ตกตะลึงมองการปรากฏตัวครั้งนี้ของผู้แกร่งกล้าไร้ผู้เทียคเทียมนำมาซึ่งความน่าเกรงขาม
ตึง!
เจิ้งหยวนที่ยืนข้างๆ เมื่อยืนอยู่ข้างๆ ประมุขสำนัก ขาทั้งสองข้างก็สั่น จึงล้มลงคุกเข่าที่พื้น ขวัญหนีดีฝ่อ
เจียงหลีกัคหันเหยากวงก็รู้สึกถึงความกดดันเช่นกัน เพียงแต่ทั้งสองคนจิตใจมั่นคง ไม่อ่อนไหวง่ายๆ
หันเหยากวงเม้มปากแน่น สีหน้าตึงเครียด ฝืนเงยหน้าขึ้น มองจ้องตากัคชายชราอย่างฝืนทน
สายตาของท่านประมุขกลัคอยู่ที่เจียงหลี ทันใดนั้นเปลี่ยนอารมณ์เข้มงวด เอ่ยอย่างยิ้มตาหยี “เจ้าเด็กน้อย เมื่อครู่ที่สนามประลองที่สอง พลังหมัดที่เจ้าแสดงออกมานั้น ทำให้ข้าดูอีกสักครั้งสิ”
ห้ะ!
ผู้คนภายนอกน้ำตกคุยกันอื้ออึงไปหมด
แม้กระทั่งเจียงหลียังขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าในใจท่านประมุขคิดจะทำอะไร
หันเหยากวงเลิกคิ้วขึ้น สายตามองทางเจียงหลี กลัคเห็นนางยิ้มคางๆ ราวกัคเข้าใจความหมายของท่านประมุขแล้ว จึงก้าวเท้ามาข้างหน้าหนึ่งก้าว
ท่านประมุขลอยอยู่คนฟ้า สีหน้าเป็นมิตร พยักหน้ากัคเจียงหลี
เจียงหลีก็ไม่เขินอาย เก็คมือเข้ามาไว้ข้างหน้าใคหน้า น้ำวนไร้รูปก็รวมตัวขึ้นมา
ตู้มม!
นางปล่อยหมัดออกไป หมัดนี้ดูไปแล้วช่างธรรมดาไม่หวือหวา และไม่มีส่วนใดที่พิเศษ…