ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 110 ศิษย์น้องเล็กผู้น่าเกรงขาม!
“ธรรมดา! ธรรมดามากๆ!”
ระหว่างคุนอู๋และซีไหลชิงดีชิงเด่นกันอยู่นั้น เสิ่นฉงกลับเอ่ยอย่างผ่อนคลาย
ความคิดเห็นของเขา ทำให้พวกเขาทั้งสองไม่พอใจขึ้นทันที
ภายใต้การจ้องเขม็งจากคุนอู๋และซีไหล เสิ่นฉงโบกมืออย่างหยิ่งผยอง ทำให้ด้านหน้าของพวกเขาทั้งสี่มีไหสุราวางเต็มไปหมดในทันใด
ดินที่ถูกถมจนแห้งสนิท ไม่รู้ว่าเก็บรักษาสุราชั้นดีไว้กี่ปีแล้ว
เมื่อเจียงหลีมองเห็นสุราเหล่านี้ ดวงตาก็สว่างขึ้น
“หญิงงามควรคู่กับสุราชั้นดี สุราชั้นหนึ่งเหล่านี้เป็นของขวัญต้อนรับศิษย์น้องคนเล็ก สุรานี้กลั่นมาจากผลไม้เซียนหลากหลายชนิดและมีรสหวานสดชื่น โดยมีสรรพคุณช่วยปรับสมดุลร่างกายและบำรุงอวัยวะภายใน” เสิ่นฉงแนะนำ
“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่” เจียงหลียิ้มอย่างงดงามและมิได้เกรงใจต่อเสิ่นฉง
เมื่อมองเห็นเสิ่นฉงได้หน้า คุนอู๋และซีไหลไม่คิดยอมแพ้ จึงแย่งกันเสกของขวัญให้เจียงหลีจนกองเป็นภูเขาเล็กๆ อยู่ตรงหน้านาง
เจียงหลีมองไปที่กองผนึกหินวิญญาณและทักษะการต่อสู้จำนวนหนึ่งที่กองเป็นภูเขาด้วยความประหลาดใจ แน่นอนว่ามีของบางอย่างที่นางก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรรวมอยู่ด้วย ทำให้นางพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“ข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก พวกท่านต้อนรับอบอุ่นเช่นนี้ ข้ารับไว้ไม่ไหวจริงๆ!”
“โธ่ ตำหนักเย่าเราเงียบเหงานานเกินไปแล้ว! เพราะการมาของศิษย์น้องเล็กวันนี้ ถูกชะตากับพวกเรานัก หากเปลี่ยนเป็นอีกคน อาจไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับเจ้า” ซีไหลถอนหายใจกล่าว
“…” เจียงหลีพูดไม่ออก ทันใดนั้น พลันนึกถึงหากเป็นหันเหยากวงมาที่ตำหนักเย่าแทนตนจะเป็นภาพเช่นไร
คุนอู๋ขยับเข้ามาใกล้ และแสดงท่าทางน่าสงสารต่อเจียงหลี “ศิษย์น้องเล็ก ข้าอยากมีน้องสาวมานานแล้ว วันนี้เจ้าช่วยเติมเต็มข้าโดยเรียกข้าว่าพี่ชายได้หรือไม่”
“พวกท่านล้วนเป็นศิษย์พี่ของข้า ไม่นับว่าเป็นพี่ชายหรือ” ปากของเจียงหลีกระตุกอย่างแรง
คุนอู๋ตอบกลับทันที “ไม่เหมือนกัน ศิษย์พี่ไม่ใกล้ชิดเท่าพี่ชาย”
“ข้ามีพี่ชายแท้ๆ อยู่แล้ว” เจียงหลีเอ่ย
ซีไหลร่วมโน้มน้าวว่า “ศิษย์น้องเล็ก พวกเราฝึกฝนกันมาหลายปี เห็นโลกมามาก เจ้าอายุยังน้อย และพวกเรายินดีที่จะให้ความรักและเอ็นดูเจ้า เจ้าคงไม่ใจร้ายจนไม่ช่วยให้ความปรารถนาเล็กๆ ของพวกเราเป็นจริงใช่ไหม”
“…” ทั้งสามขาดความรักขนาดไหนกันนะ
เจียงหลีพูดไม่ออก จ้องมองดวงตาทั้งสามคู่ที่มองนางด้วยความน่าสงสาร ด้วยความจำใจ นางจึงตะโกนเรียก “พี่ชาย” สามครั้ง
เมื่อพวกเขาได้ยินคำนี้ในที่สุด ทั้งสามก็แสดงสีหน้าพึงพอใจในทันที
จากนั้น พวกเขาทั้งสามก็ตามติดเจียงหลีถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ และบอกว่าจะช่วยเจียงหลีทำความสะอาดตำหนัก ตอนนี้อาจพูดได้ว่าเจียงหลีรู้สึกปวดหัวจากความกระตือรือร้นของศิษย์พี่ทั้งสามไปเสียแล้ว
รอจนฟ้ามืด ถึงจะส่งคนทั้งสามกลับไปได้
หลังจากที่นางทำความสะอาดเสร็จแล้ว นางถึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถามไถ่สถานการณ์ของทั้งพี่ชายของนาง ลู่เสวียน เหวินเหรินชิ่งชิ่งและคนอื่นๆ เลย
เดิมทีนางคิดว่าหลังจากผ่านการสอบเข้าสำนักแล้ว นางจะสามารถพบเจอกับพวกเขา แต่นึกไม่ถึงว่ากลับถูกส่งมาที่ตำหนักเย่าโดยตรงเลย
นางยืนอยู่ในตำหนักและมองไกลออกไป นอกตำหนักที่งดงามมีภูเขาร่ายเรียงยาวสุดลูกหูลูกตา
อาณาบริเวณของฮวงเสินกว้างใหญ่ไพศาล นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเจียงเฮ่าอยู่ที่ไหน หรืออยู่ตำหนักใดกันแน่
“ศิษย์รัก เจ้าคิดถึงใครอยู่หรือ”
ทันใดนั้น เสียงของท่านประมุขปรากฏที่ด้านหลังของเจียงหลี
นางหันหน้ากลับมาอย่างกะทันหันและเห็นภาพแสงไฟสลายไปจากท่านประมุข นี่คือผู้ยิ่งใหญ่! เจียงหลีชื่นชนด้วยความตื่นตะลึงในใจ
“ท่านอาจารย์ที่เคารพ” เจียงหลีเรียก
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเป็นศิษย์มีครูในตลอดทั้งสองภพ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลใด นางถึงเอ่ย ‘ท่านอาจารย์ที่เคารพ’ ออกมาได้อย่างลื่นไหลมาก
“เด็กดี” ท่านประมุขเดินไปข้างหน้าและมองนางด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้ทุกเรื่องที่เจ้าอยู่ที่หนานฮวงหมดแล้ว”
“…” เจียงหลีไม่แปลกใจทำไมท่านประมุขถึงรู้เรื่องทั้งหมด
เพราะสถาบันไป๋หยวนคงส่งข้อมูลทั้งหมดของนางมายังฮวงเสินอย่างแน่นอน
“เด็กดี เจ้ากล้าหาญมาก ผนวกหนานฮวงตั้งแต่อายุยังน้อย และยุติความแตกแยกที่กินเวลานานนับหลายพันปี!” ท่านประมุขพยักหน้ายิ้ม
“ท่านอาจารยกยอข้าเกินไปแล้ว เจียงหลีมิได้ทำเรื่องนี้เพียงคนเดียว ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกคน” เป็นเรื่องยากที่เจียงหลีจะถ่อมตัว
“ไม่เลว เพราะความร่วมมือร่วมใจ” ท่านประมุขเห็นด้วย “แม้ว่าฮวงเสินจะเป็นกลุ่มอำนาจระดับกลาง แต่ที่สามารถรักษารากฐานไว้ได้ก็อาศัยคำว่าความร่วมมือร่วมใจนี่แหละ หากใจไม่ตรงกัน ก็ยากที่จะก้าวไปข้างหน้า หากใจประสานกัน ภูเขาจะสูงเพียงใด ก็ย่อมราบเรียบเหมือนที่ราบ”
เจียงหลีพยักหน้า
ท่านประมุขพูดต่อว่า “เจ้าจงจำไว้ กลุ่มอำนาจใดที่อาศัยคนแข็งแกร่งเพียงคนเดียว เทียบไม่ได้กับทุกคนร่วมมือร่วมใจ ความแข็งแกร่งของกลุ่มอำนาจ ไม่ได้อยู่ที่ว่ามียอดฝีมือกี่คน แต่อยู่ที่คนในสำนักสามัคคีกันหรือไม่”
เจียงหลีไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมท่านประมุขถึงได้พูดเรื่องนี้กับนาง
อย่างไรก็ตาม ท่านประมุขก็ไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากสนทนากันเบื้องต้น เขากลับพูดตรงๆ ว่า “เจ้าปลดปล่อยเนตรญาณทั้งหมดออกมาให้ข้าดูสิ”
เจียงหลีไม่ลังเล ปลดปล่อยเนตรญาณพร้อมวิญญาณยุทธ์ทั้งหมดทันที
เนตรญาณแรกคือเลี่ยเทียนซื่อ
เนตรญาณที่สองคือเสวียนกังกุย
เนตรญาณที่สามคือนกอมตะ
เนตรญาณที่สี่คือคือวานรกลืนเวหา
เนตรญาณที่ห้าคือ…เนตรญาณที่หกคือ…เนตรญาณที่เจ็ดคือ…เนตรญาณที่แปดคือ…เนตรญาณที่เก้าคือ…
เมื่อเนตรญาณทั้งห้าดวงว่างเปล่า และปรากฏที่ด้านหลังของเจียงหลีทีละดวง แม้แต่คนที่นิ่งสงบอย่างท่านประมุข ปลายนิ้วยังเริ่มสั่นเบาๆ
“เนตรญาณสวรรค์ประทานทั้งเก้า!” เสียงของท่านประมุขสั่นสะเทือนด้วยความตื่นเต้น
เนตรญาณทั้งเก้าในตำนานปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาในวันนี้ จะไม่ให้รู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร และในขณะที่เขายังคงตื่นเต้นอยู่นั่นเอง เขากลับสังเกตเห็นเนตรญาณสีเทาเป็นประกายสวยงามซ่อนอยู่ภายในเนตรญาณทั้งเก้าที่สว่างไสว
“นี่… เป็นไปได้อย่างไร! ” เขาตกใจจนยั้งสติไม่อยู่
เนตรญาณสิบดวงหรือ ซึ่งเนตรญาณทั้งสิบยังไม่เคยปรากฏในตำนานมาก่อนเลย!
แต่ทำไมถึงเป็นสีเทาไปได้ และทำไมถึงมีวิญญาณยุทธ์อยู่ในนั้นได้
“ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไม” เจียงหลีเก็บเนตรญาณทั้งหมดและตอบอย่างไม่ทันได้หายใจ
ท่านประมุขกลับไม่มีข้อสงสัยใดๆ
ในความคิดของเขา แม้แต่เขายังไม่รู้ เจียงหลีที่เป็นเด็กน้อยจะรู้ได้อย่างไร
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ท่านประมุขมองหน้านางอย่างเคร่งขรึมและกำชับว่า “จงจำไว้ อย่าปลดปล่อยเนตรญาณทั้งหมดออกมาอย่างง่ายดายอีก และอย่าให้คนนอกรู้ ข้าจะแนะนำการฝึกฝนให้เจ้าด้วยตัวเอง และไว้ใจพวกเสิ่นฉงทั้งสามได้”
“ข้าต้องการคำชี้แนะจากเนี่ยนซือ” เจียงหลีเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
ท่านอาจารย์สูดหายใจเข้า มองดูนางด้วยความตกใจและพยักหน้าช้าๆ
ทั้งเนตรญาณสวรรค์ประทานทั้งเก้า ทั้งฝึกฝนสามทิศทาง รวมถึงฝึกฝนหลิงเนี่ยนไปด้วย อายุยังน้อยแต่มีไหวพริบสูงและมีประสิทธิภาพการต่อสู้ยอดเยี่ยม ตกลงเขารับอัจฉริยะประเภทไหนมาเป็นศิษย์กันแน่
ณ เวลานี้ เขายังไม่รู้ว่าเจียงหลียังมีพลังควบคุมเจตจำนงรวมอยู่ด้วย และหากไม่จำเป็น เจียงหลีจะไม่หงายไพ่ทั้งหมดในมือออกมาให้ทุกคนเห็น
…
วันที่สอง เจียงหลีไปหาเสิ่นฉงและบอกกับเขาว่าจะออกจากตำหนักเย่าไปพบคนสองสามคน ใครจะไปรู้ว่าเสิ่นฉงต้องการติดตามนางไปด้วย เมื่อซีไหลและคุนอู๋ได้ยินข่าวนี้ ก็รีบตามไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเจียงหลียืนอยู่นอกตำหนักเย่าของฮวงเสิน ตอนนี้มีชายที่เปล่งประกายแสงสีทองและสง่างามยืนอยู่ด้านหลังนางถึงสามคน และล้อมนางไว้ตรงกลาง…