ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 119 วิหคเหินกับสัตว์ร้ายหรือ
“…”
คำพูดของเสิ่นฉง ทำให้เจียงหลีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หลายวันมานี้ที่รู้จักกัน นางรู้สึกดีต่อศิษย์พี่ทั้งสามของนาง พวกเขาใจดีกับนางมาก แน่นอนว่านางทำเป็นไม่รับรู้ไม่ได้
ระหว่างที่เสิ่นฉงพูดกับเจียงหลี หันเหยากวงก็หลับตาลงอีกครั้ง
“ไปเถิด” เจียงหลีก็ไม่ได้ใส่ใจ พูดเร่งเสิ่นฉง
เสิ่นฉงพยักหน้า สถานะอย่างเขา จิตใจจะไม่ถูกยั่วยุให้โกรธได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขาเห็นเจียงหลีมีสีหน้าเรียบนิ่ง กลับรู้สึกประหลาดใจ
ระหว่างทางขึ้นเขา เขาเอ่ยถามขึ้น “เจ้าอายุยังน้อย ยามที่แข่งขันชนะ เหตุใดถึงมีคนมาดูถูกเจ้า แล้วเจ้ายังมีท่าทีนิ่งเฉยล่ะ”
เจียงหลีหันมองพลางขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยขึ้น “คนที่ไม่น่าอิจฉาก็มีแต่พวกคนธรรมดา!”
เสิ่นฉงตะลึง
ทันใดนั้นหัวเราะขึ้นมายกใหญ่ เยี่ยมมาก! เยี่ยมมาก! นับวันเขายิ่งชอบศิษย์น้องเล็กผู้นี้อย่างมาก
หลังจากเจียงหลีสลัดความคิดเรื่องหันเหยากวงออกอย่างรวดเร็ว นางเดินมายังสระน้ำที่มีผู้เฒ่าฉือยืนอยู่ข้างๆ แล้วจึงขอบคุณอย่างมีมารยาทอีกครั้ง
นี่จึงทำให้ผู้เฒ่าฉือมีความทรงจำอันดีต่อรองประมุขน้อยแห่งตำหนักเย่า
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าอยู่ที่นี่จงทำใจให้สบาย ข้าจะรออยู่ที่เชิงเขา” เสิ่นฉงเอ่ยกับเจียงหลีก่อนนางจะลงสระ
เจียงหลีพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นมา “ศิษย์พี่ใหญ่หากท่านมีธุระ ไม่ต้องเฝ้าข้าที่นี่ก็ได้”
“ข้าไม่มีอะไรต้องทำ” เสิ่นฉงส่ายศีรษะ
เจียงหลีนึกขึ้นได้ในใจ เสิ่นฉงต้องเตรียมจู่โจมอาณาเขตหลิงหวงแล้ว เหตุใดถึงดูว่างเช่นนี้ เขาไม่วางใจให้นางอยู่ที่นี่ก็ช่างเถิด เพียงแต่ นางก็ไม่ใช่คนที่เขินอายเช่นนั้น สิ่งที่อยากจะพูดก็พูดไปหมดแล้ว เสิ่นฉงไม่ยินดี นางก็จะไม่บังคับ
ไม่ได้พูดอะไรอีก เจียงหลีก็ลงไปในสระ
หลังจากลงสระแล้ว แววตานางเป็นประกาย เกิดความสงสัยมองไปยังน้ำในสระที่ใสจนเห็นก้นสระ
พวกนี้แท้จริงแล้วไม่ใช่น้ำหรือ!
หลังจากที่นางลงสระ ไม่ได้รู้สึกว่าตนแช่อยู่ในน้ำเลย เพียงแต่มีความรู้สึกเย็น ปกคลุมไปทั่วร่างกาย
น่าประหลาดจริง! เจียงหลีเกิดความสงสัยในใจ แต่ก็ไม่ได้ถามออกไปในตอนนั้น
นางเก็บไว้ในใจ แล้วนั่งขัดสมาธิลงในสระ ให้น้ำในสระท่วมร่างกายครึ่งท่อนล่าง
เวลานี้ผู้เฒ่าฉือและเสิ่นฉงได้เดินออกไปแล้ว นางก็รีบผ่อนคลายอารมณ์ สงบนิ่งพร้อมกับหลับตาทั้งสองข้างลง
ผ่านไปสักพัก ข้างหูของเจียงหลีก็ไม่ได้ยินเสียงใดอีกเลย
ประสาทสัมผัสทั้งห้าของนางราวกับปิดสนิท ไม่รับรู้โลกภายนอก จิตใจและวิญญาณของนางคล้ายกับแช่อยู่ในสระน้ำที่เย็นฉ่ำ ตัดขาดจากโลกภายนอกทั้งหมด ปล่อยวางลงหมดสิ้น
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า หรือจะกล่าวได้ว่า เจียงหลีนั่งแช่อยู่ในสระน้ำจนลืมวันลืมคืน
หนึ่งวันผ่านไปอย่างเงียบสงบ
เสิ่นฉงรักษาคำพูด เฝ้าอยู่นอกสระสรรพสัตว์ สายตาจดจ้องยังสถานที่ที่เจียงหลีอยู่
วันที่สอง ผ่านไปอีกวัน
สถานที่ที่เจียงหลีอยู่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่แบบนั้น
เข้าวันที่ห้า เวลาผ่านไปรวดเร็วราวกับม้าขาวผ่านช่องแคบ
วันที่หกยามพระอาทิตย์ขึ้นสู่ขอบฟ้า คุนอู๋และซีไหลที่อยู่ในตำหนักเย่าทนไม่ไหว จึงวิ่งมาที่ข้างสระสรรพสัตว์ มารอเจียงหลีพร้อมกับเสิ่นฉง
ท่านรองประมุขทั้งสามของตำหนักเย่ามาปรากฏตัวที่สระสรรพสัตว์รอคอยศิษย์น้องเล็กของพวกเขาพร้อมกันอย่างกะทันหัน กลายเป็นทิวทัศน์สวยงามที่ริมขอบสระสรรพสัตว์
ชั่วครู่ ข่าวแพร่ออกไป ดึงดูดให้ศิษย์จำนวนไม่น้อยในเมืองฮวงเสินรีบมาห้อมล้อมและมุงดู
ข่าวนี้ได้แพร่ไปถึงเจียงเฮ่า ลู่เสวียน เหวินเหรินชิ่งชิ่ง หนานอู๋เฮิ่น เฟิงสิงอวิ๋นคนที่รู้จักคุ้นเคยกับเจียงหลี ทุกคนล้วนมาถึงที่สระสรรพสัตว์กันหมดแล้ว
แสงอาทิตย์ยามพลบค่ำสาดส่องมายังสระสรรพสัตว์ ทำให้ปกคลุมไปด้วยผงทองหนึ่งชั้น
ทันใดนั้น สถานที่แห่งหนึ่งในสระสรรพสัตว์ก็ปรากฏภาพลวงตาขึ้นมา
วิหคโบยบินเจ็ดแปดตัว บินวนรอบศีรษะ บินเป็นวงกลม ขนที่มีสีสันสวยงามนั้น สวยเสมือนจริงเป็นพิเศษ
“นี่! รีบดู ปรากฏภาพลวงตาวิหคเหินขึ้นมาแล้ว! ”
“ภาพลวงตาวิหคเหินนั่นหมายความว่าการฝึกฝนพรสวรรค์ศาสตร์ลับของคนนี้ไม่น้อยเลย!”
“ถูกต้อง ศิษย์ในสำนักทั้งหมดอย่างมากก็เห็นแค่ภาพลวงตาพืชพันธุ์ วันนี้ไม่คาดคิดว่าจะปรากฏภาพลวงตาวิหคเหินได้”
“…”
หลังจากที่ภาพลวงตาวิหคเหินปรากฏขึ้น เสียงร้องด้วยความประหลาดใจจากบรรดาศิษย์ก็ดังขึ้นมา บรรดาศิษย์ที่ยังคงต่อแถวอยู่ คล้ายกับได้รับการกระตุ้นครั้งใหญ่ รู้สึกว่านี่เป็นสัญญาณที่ดี เมื่อถึงพวกเขาไม่แน่ว่าอาจจะมีภาพลวงตาวิหคเหินปรากฏขึ้นได้เช่นกัน
“วิหคเหินหรือ” เสิ่นฉงหรี่ตาทั้งสองข้างลง มุมปากยกขึ้น
“ฮ่าๆ…ดูไปแล้วครั้งนี้เมืองฮวงเสินของพวกเราต้องทำลายสมญานามที่ว่าขาดแคลนยอดฝีมือแล้วล่ะ” ซีไหลก็เอ่ยอย่างยินดี
คุนอู๋ยิ้มเอ่ย “เหตุใดพอศิษย์น้องเล็กเข้าเมืองมา พรสวรรค์ของทุกคนก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยล่ะ”
“ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น” เสิ่นฉงยิ้มเอ่ย
โฮก โฮก!
ในเวลานี้ ทางฝั่งสระสรรพสัตว์ ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามของสัตว์ป่าดังขึ้นมา ทำให้สายตาของผู้คนล้วนถูกดึงดูดให้มองไป
“สวรรค์! นั่นมัน…ภาพลวงตาสัตว์ป่าดุร้ายนี่!”
“ไม่ใช่แค่ตัวเดียวนะ…”
“…”
เสียงร้องตกตะลึงดังขึ้นไม่หยุด ณ เมืองฮวงเสิน ไม่เคยปรากฏภาพลวงตาของสัตว์ดุร้ายมานานมากแล้ว
เจียงเฮ่าและพรรคพวกถูกผู้คนเบียดเสียดดันมาทางข้างหน้าอย่างไม่หยุด เหมือนกับว่าทุกคนต่างต้องการจะเห็นชัดๆ ว่า แท้จริงแล้วใครเป็นผู้ทำให้ภาพลวงตาสัตว์ดุร้ายนั้นปรากฎขึ้นมาได้
“ใช่เจียงหลีหรือไม่ ใช่นางหรือไม่” เหวินเหรินชิ่งชิ่งชูคอขึ้นก็ยังมองไม่เห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ทำได้แค่ถามอย่างรีบร้อน”
“ไม่รู้”เจียงเฮ่าส่ายศีรษะ ในใจก็กระวนกระวาย
เวลานี้ ผู้คนข้างสระก็ชุลมุนวุ่นวายกันขึ้นมา
ยิ่งไปกว่านั้น ภาพลวงตาของสัตว์ดุร้ายก็ทำให้ศิษย์พี่จำนวนหนึ่งตกตะลึง ค่อยๆ รีบกรูเข้ามา ต้องการจะเข้ามาดูคนที่ทำให้ภาพลวงตานั้นปรากฏขึ้น
ในสระสรรพสัตว์ ฝูงสัตว์ดุร้ายคำรามอย่างเกรี้ยวกราด
บนครึ่งท้องฟ้า ภาพลวงตาของสัตว์ดุร้ายล้วนเป็นพวกบ้าคลั่ง พวกมันตะเกียกตะกายคำรามอยู่ เคลื่อนไหวอย่างแข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังรบกวนคนที่นั่งสงบนิ่งจำนวนไม่น้อย
“…เจ็ด แปด…สิบเอ็ด…ยี่สิบสอง ยี่สิบสาม…สามสิบสามตัว!” คุนอู๋นับจำนวนภาพลวงตาของสัตว์ดุร้ายอย่างใจเย็น สุดท้ายยิ้มเอ่ย “ถึงแม้จะเทียบกับศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้ ทว่าพรสวรรค์นี้ ในบรรดาศิษย์ที่อยู่มาหลายปีนี้ก็นับว่าดีที่สุดแล้ว”
“เขานี่เอง” ตำแหน่งที่ทั้งสามคนยืน แน่นอนว่าเป็นที่ที่มองเห็นได้ดีที่สุด เสิ่นฉงมองเห็นชัดเจนว่าใครเป็นคนทำให้สัตว์ป่าดุร้ายปรากฏขึ้น
“ใครหรือ” ซีไหลถามอย่างสงสัย
เสิ่นฉงยิ้มเอ่ย “คนที่ไม่ค่อยจะญาติดีกับศิษย์น้องเล็กของพวกเรา”
“หะ?” คุนอู๋สีหน้าเปลี่ยนไป ส่ายศีรษะเอ่ย “ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ดีแล้ว กล้ามาหาเรื่องศิษย์น้องเล็ก ก็ต้องถูกทำโทษจากตำหนักเย่าของพวกเรา อนาคตไม่รุ่งแน่”
“พวกเจ้าห้ามก่อเรื่องนะ ศิษย์น้องเล็กมีความคิดเป็นของตัวเอง” เสิ่นฉงนึกถึงใบหน้าเล็กๆ ของเจียงหลีที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ พลางยิ้มขึ้นมา
โฮก!
“เขานี่เอง! หันเหยากวง”
ในที่สุดผู้คนก็เห็นคนที่อยู่ใต้ภาพลวงตาสัตว์ดุร้ายนั่น
“สมแล้วที่เป็นถึงเทียนเจียว! แม้ตอนสอบเข้าตำหนักความสามารถจะถูกเก็บซ่อนไว้ ทว่ายังคงสามารถทำให้ผู้คนตกตะลึงได้อีกครั้ง
“ไม่คาดคิดว่าหันเหยากวงจะทำให้ภาพลวงตาสัตว์ดุร้ายปรากฏขึ้นได้มากมายเช่นนี้ ไม่รู้ว่าคนที่สามารถสอบเข้าตำหนักเย่าได้จะสามารถเอาชนะเขาได้หรือไม่”
“นี่ ท่านนั้นก็อยู่ในสระสรรพสัตว์เหมือนกันนะ เพียงแต่จนถึงบัดนี้ยังไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ เลย”
“ข้าว่าพวกเรามีอะไรดีๆ ดูแล้วล่ะ”
“…”
การปรากฏตัวของสัตว์ดุร้าย ทำให้ความสนใจในวิหคเหินลดลง
แทบจะไม่มีใครสนใจอีกเลย หลังจากที่ภาพลวงตาวิหคเหินจางหายไป เจิ้งหยวนที่มีสีหน้าตื่นเต้นก็ยืนขึ้นมาจากสระน้ำนั้น เขาก็คือคนที่สอบเข้ามารุ่นเดียวกับหันเหยากวงและเจียงหลี!
มองยังภาพลวงตาสัตว์ดุร้ายอยู่เต็มท้องฟ้า เจิ้งหยวนยิ้มออกมาจากจริงใจ เอ่ยรำพันขึ้นมา “หัน
เหยากวงก็คือหันเหยากวง!”
ทันใดนั้น หันเหยากวงที่อยู่ในสระก็ลืมตาขึ้น แววตาเย่อหยิ่งฉายออกมา เขาลุกขึ้นจากสระน้ำ ภาพลวงตาของสัตว์ดุร้ายยังไม่หายไป แล้วเขาจึงหันกลับไปมองทางยอดเขา…