ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 12 นี่ยังเป็นเพียงกลุ่มอำนาจระดับต่ำ
หลังออกมาจากวิหารหลวง สาวใช้ก็พาพวกนางกลับไปห้องโถงด้านข้างที่อาศัยอยู่
แต่เจียงหลีก็ยังเก็บความสงสัยมาเต็มกระบุง นางครุ่นคิดและเมื่อเห็นว่าซู่ซินเดินเข้าห้องไปแล้วนางจึงเดินตามชิงหว่านเข้าไปในห้อง
“เจ้า!” เจียงหลีที่เข้าห้องตามมาทำให้ชิงหว่านตกใจ
“อย่ากลัว ข้าแค่อยากถามอะไรเจ้าเล็กน้อยเท่านั้น” เจียงหลีเป็นฝ่ายเริ่มเอ่ยก่อน
ชิงหว่านค่อยๆ เบาใจลงมาบ้าง แต่สีหน้ายังคงซีดเผือดจนแทบดูไม่ได้
เจียงหลีสำรวจสีหน้าของนางครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ดูเหมือนหลังจากได้ยินคำว่า ‘ยันต์คงคาทมิฬ’ สีหน้าของชิงหว่านถึงได้แย่ลงเช่นนี้
ทั้งปฏิกิริยาของนางเมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่ารู้เรื่องราวตื้นลึกหนาบางเป็นอย่างดี
ชิงหว่านเม้มริมฝีปากส่ายหน้า นางพยายามข่มความตื่นตระหนกในแววตาของนางให้สงบลงแต่กลับทำไม่สำเร็จเท่าใดนัก “เจ้าอยากถามอะไร ข้าก็แค่มาก่อนหน้าเจ้าไม่กี่วันเอง”
ท่าทางแสดงความบริสุทธิ์อย่างร้อนรนของนางทำให้เจียงหลีต้องขยับเข้าไปใกล้หนึ่งก้าวแล้วเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ไม่ต้องวิตกกังวล ข้าไม่ทำให้เจ้าลำบากเดือดร้อนหรอก”
ชิงหว่านกัดริมฝีปากและยังอยู่ในอาการตกอกตกใจ
เมื่อเห็นท่าทางประหม่าของนาง เจียงหลีจึงครุ่นนิดครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มเอ่ยถามจากคำถามที่ง่ายที่สุดก่อน “สำนักพรตเสวียนหมิงยอดเยี่ยมหรือไม่ กลุ่มอำนาจอยู่ในระดับไหนรึ”
ชิงหว่านเงยหน้าขึ้นอย่างตะลึงและมองนางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสำนักพรตเสวียนหมิงสักนิดเลยหรือ”
เจียงหลีส่ายหน้าด้วยความสัตย์จริง
คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องปิดบัง ชิงหว่านค่อยๆ ผ่อนคลายลงบ้าง จากนั้นจึงอธิบายให้นางฟัง “สำนักพรตเสวียนหมิงมีอำนาจอยู่ในอันดับต้นๆ ของกลุ่มอำนาจระดับต่ำทางตอนใต้ของดินแดนซีฮวงและควบคุมทั้งห้าแคว้นเอาไว้”
กลุ่มกลุ่มอำนาจระดับต่ำ!
เจียงหลีตกตะลึง
ตั้งแต่เริ่มเข้ามายังสำนักพรตเสวียน ทุกอย่างที่แสดงออกมาให้เห็นนี้เป็นเพียงกลุ่มอำนาจระดับต่ำเท่านั้น! แค่กลุ่มอำนาจระดับต่ำกลุ่มเดียวยังสามารถควบคุมทรัพยากรของทั้งห้าแคว้นในซีฮวงได้ ทั้งยังมีหลิงหวังนั่งกุมบังเหียนอีกด้วย!
เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอำนาจเหล่านี้ในซีฮวง ราชวงศ์จยาเซียนแห่งหนานฮวงของนางเทียบไม่ติดแม้แต่กลุ่มอำนาจระดับต่ำของซีฮวง!
“นี่ เจ้าเป็นอะไรไปรึเปล่า” เมื่อเห็นเจียงหลีพลันเปลี่ยนสีหน้า ชิงหว่านจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย
เจียงหลีเก็บซ่อนความตกตะลึงไว้ในใจแล้วส่ายหน้า “เปล่า เพียงตกใจเล็กน้อย”
“แม้ว่าสำนักพรตเสวียนหมิงยังเป็นเพียงกลุ่มอำนาจระดับต่ำแต่ความแข็งแกร่งของกลุ่มอำนาจมีความเตรียมพร้อมอยู่ในระดับกลางแล้ว เพียงแค่รองานเลี้ยงเหล่าเซียนในอีกสิบปีให้หลัง หากท้าทายกลุ่มอำนาจระดับกลางสำเร็จก็จะสามารถขึ้นไปแทนที่ได้ ส่วนกลุ่มอำนาจระดับกลางผู้พ่ายแพ้ก็ต้องตกไปอยู่ในกลุ่มอำนาจระดับต่ำเช่นกัน” ชิงหว่านกล่าวอีกครั้ง
“งานเลี้ยงเหล่าเซียนอย่างนั้นหรือ” แลกเปลี่ยนกลุ่มอำนาจ…
จากคำบอกเล่าของชิงหว่านจึงทำให้เจียงหลีได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์หลายประการเลยทีเดียว
ชิงหว่านพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ “แม้กระทั่งงานเลี้ยงของเหล่าเซียนเจ้าก็ยังไม่รู้หรือเนี่ย เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา”
เจียงหลีหัวเราะไม่ออกเสียง “ข้าเคยได้ยินแต่ปาฐกถาเจ้าครองนคร”
ชิงหว่านเบิกตาโตและเอ่ยขึ้นด้วยความตะลึง “นั่นคืองานมหกรรมที่กลุ่มอำนาจระดับกลางจะได้ท้าทายกลุ่มอำนาจระดับสูงนี่นา!”
เจียงหลีเข้าใจแล้วปาฐกถาเจ้าครองนครคือกลุ่มอำนาจระดับกลางท้าทายกลุ่มอำนาจระดับสูง ส่วนงานเลี้ยงเหล่าเซียนคือระดับต่ำท้าทายระดับกลาง
สำหรับกฎกติกานั้น…
ตอนนี้ยังไม่เกี่ยวของกับนาง นางก็ยังไม่ต้องกังวล
“อย่างไรก็ตามกลุ่มอำนาจผู้ชนะห้าอันดับแรกในงานเลี้ยงเหล่าเซียนก็จะสามารถไปท้าทายกลุ่มอำนาจระดับกลางได้ เมื่อท้าทายชนะแล้วก็จะกลายเป็นกลุ่มอำนาจระดับกลาง ส่วนกลุ่มอำนาจระดับกลางผู้พ่ายแพ้ก็ต้องตกไปอยู่ในกลุ่มอำนาจระดับต่ำ และผู้ที่กลายมาเป็นกลุ่มอำนาจระดับกลางก็จะมีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะเข้าร่วมปาฐกถาเจ้าครองนคร เช่นเดียวกัน สามอันดับแรกสามารถท้าทายกลุ่มอำนาจระดับสูงได้” เมื่อชิงหว่านเห็นว่าเจียงหลีไม่ทราบจริงๆ นางจึงอธิบายให้ฟังหนึ่งรอบอย่างละเอียด
“เมื่อครู่นี้ที่เจ้าบอก งานเลี้ยงเหล่าเซียนในอีกสิบปีให้หลัง” เจียงหลีเอ่ยถาม
ชิงหว่านพยักหน้า
ดวงตาเจียงหลีเป็นประกาย หนานอู๋เฮิ่นเคยเล่าว่าอีกยี่สิบปีกว่าจะถึงงานปาฐกถาเจ้าครองนคร ซึ่งหมายความว่าสิบปีข้างหน้าจะถึงคราวงานเลี้ยงเหล่าเซียนแล้วรอไปอีกสิบปีจึงจะถึงคราวปาฐกถาเจ้าครองนคร
“คราวนี้สำนักพรตเสวียนหมิงทำตามสวรรค์ชี้นำ ซึ่งการคัดเลือกธิดาสวรรค์ก็เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับงานเลี้ยงเหล่าเซียน มีเพียงหลิงจงที่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงเหล่าเซียนได้ ดังนั้นธิดาสวรรค์จึงต้องเป็นตัวแทนของสำนักพรตเสวียนหมิงเพื่อเข้าร่วมงามเลี้ยง” ชิงหว่านกล่าว
“แล้วผู้สังเวยหมายความว่าอย่างไร” ถึงแม้จะคาดเดาในใจไว้อยู่แล้ว แต่เจียงหลีก็ยังถามชิงหว่านเพื่อความแน่ใจ
คำถามนี้ทำให้เกิดความเศร้าในดวงตาของชิงหว่าน ทันใดนั้นนางก็จับมือของเจียงหลีและขอวิงวอน “ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้าแน่นอน หลังจากพ่ายแพ้ก็จะถูกพรากเอาพลังวิญญาณไปให้กับผู้ชนะที่ได้เป็นธิดาสวรรค์ดูดซับ พอถึงครานั้นข้าต้องกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ หากเจ้าชนะแล้วให้ข้าอยู่ข้างเจ้าเป็นสาวใช้ได้หรือไม่”
“…” เจียงหลียิ้มตาหยี
กฎของการแข่งขันมักโหดร้ายเสมอ ระดับการฝึกของชิงหว่านต่ำสุดในสามคน หากจะพูดจากขั้นนี้นางแน่ใจว่าไม่มีโอกาสชนะเลย
“ในเมื่อเจ้ารู้ตัวเองดีว่ามีโอกาสชนะไม่มากแล้วเหตุใดเจ้าถึงมาล่ะ” เจียงหลีถามขึ้น
ชิงหว่านยิ้มขมขื่น “คนที่ถูกเลือกสามารถปฏิเสธได้ด้วยหรือ”
เจียงหลีเลิกคิ้ว นี่ก็คือเรื่องจริง
นางเกือบจะลืมไปแล้วว่ากฎของซีฮวงนั้นโหดร้ายยิ่งกว่า
“หากถูกพรากพลังวิญญาณไปแล้ว ข้าต้องกลายเป็นคนไร้ประโยชน์แน่ๆ ถ้าถูกปล่อยตัวไปก็ทำได้เพียงถูกผู้คนรังแก อยู่ที่สำนักพรตเสวียนหมิงต่อไปหากไม่มีคนปกป้องก็ต้องโดนรังแกเช่นเดิมอยู่ดี” ชิงหว่านพูดด้วยความสิ้นหวัง
“อย่าเพิ่งด่วนสรุป นี่ยังไม่ได้เริ่มเลยนะ” เจียงหลีเอ่ยปลอบ
ถึงอย่างไรนางไม่อยากแย่งตำแหน่งธิดาสวรรค์อะไรทั้งนั้น ถ้ามีโอกาสก็จะหนีไป ขอแค่ชิงหว่านเอาชนะซู่ซินนั่นได้ก็จะมีโอกาสได้เป็นธิดาสวรรค์
“ไม่ต้องปลอบข้าแล้ว” ชิงหว่านฝืนยิ้ม
“เล่าเรื่องยันต์ธาราทมิฬให้ข้าฟังหน่อยสิ” เจียงหลีหยั่งเชิงถาม
เมื่อเอ่ยถึงยันต์ธาราทมิฬ ชิงหว่านก็เปลี่ยนสีหน้าอีกครั้งแล้วก็ประหม่าขึ้นมา
“เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า” เจียงหลีจับข้อมือของนางแล้วเอ่ยถามเสียงต่ำ
ชิงหว่านขมเม้มริมฝีปากแน่น เลือดฝาดบนใบหน้าค่อยๆ จางหาย ทันใดนั้นนางก็ทิ้งตัวนั่งยองบนพื้น สายตาลอกแลกทำอะไรไม่ถูกแลดูน่าสงสาร “เมื่อถูกฝังยันต์ธาราทมิฬเข้าไปชีวิตของพวกเราก็จะไม่ใช่ของตนเองอีกต่อไปแล้ว”
“หมายความว่าอย่างไร” เจียงหลีสั่นสะท้านในใจ
นางปล่อยข้อมือชิงหว่านแล้วมองนางที่นั่งกอดเข่าลนลานแล้วเจียงหลีก็รู้สึกกระวนกระวายตามนางขึ้นมาบ้าง
“เมื่อฝังยันต์ธาราทมิฬเข้าไปแล้วนอกจากความตายก็ไม่มีวิธีที่สามารถเอาออกได้ ผู้ที่เป็นคนฝังสามารถควบคุมคนที่ถูกฝังยันต์ หากไม่ทำตามก็จะถูกทรมานจนอยากตายก็ตายไม่ได้”
อะไรนะ!
ดวงตาของเจียงหลีเบิกกว้างทันใด และแววตาของนางก็เฉียบคมขึ้นมา
ถูกคนควบคุม!
“ขอแค่ไม่ต่อต้านขัดขืนก็จะรู้สึกเหมือนไม่ได้มียันต์ธาราทมิฬฝังในร่าง แต่พอฝ่าฝืนขึ้นมาก็จะปรากฏอาคมชั่วร้ายอันน่ากลัวย้อนเข้าตัว” ชิงหว่านกล่าวต่อ
สมควรตาย! ไม่นึกเลยว่าจะเลวทรามต่ำช้าเพียงนี้! เจียงหลีด่าในใจด้วยความเคียดแค้น
แค่ได้ยินชื่อว่ายันต์ธาราทมิฬก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ของดี แต่กลับคิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นสิ่งของที่ชั่วร้ายเลวทรามเช่นนี้
“ไม่มีทางเอามันออกจากตัวเลยหรือ” เจียงหลีถามอย่างไม่ท้อใจ
ชิงหว่านส่ายหน้า “นอกจากความตาย ยันต์ธาราทมิฬก็จะสลายไปเนื่องจากเจ้าของร่างตายแล้ว แต่ตายแล้วถึงจะสามารถเอายันต์ธาราทมิฬออกจากร่างได้แล้วมีประโยชน์อะไร”
“คนที่ฝังยันต์ก็ไม่สามารถแก้ไขได้หรือ” เจียงหลีถามอีก
ชิงหว่านส่ายหน้าอีกครั้ง แววตายิ่งมีแต่ความสิ้นหวัง “ไม่มี นี่ก็คือความชั่วร้ายของยันต์ธาราทมิฬ ชีวิตนี้ดูแล้วไม่ว่าอย่างไรก็คงเป็นได้แค่หุ่นเชิดให้คนจับวาง”
“…”
หุ่นเชิดอย่างนั้นหรือ
สีหน้าของเจียงหลีเย็นเยียบ นางไม่ยอมเด็ดขาด! ตอนแรกนางรู้สึกเฉยๆ ต่อสำนักพรตเสวียนหมิง แต่เมื่อถูกฝังยันต์ธาราทมิฬและรู้ถึงความชั่วร้ายของยันต์ธาราทมิฬ นางจึงมีเพียงความเกลียดชังมอบให้สำนักพรตเสวียนหมิง