ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 121 ยืนหนึ่งในหมื่นบรรพกาล
ทันใดนั้น…
ทุกคนล้วนมองไปยังหนึ่งเดียวในสระสรรพสัตว์
มือของหันเหยากวงที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแอบกำแน่น ดวงตาอันเศร้าหมองมองไปยังร่างอันมีเสน่ห์ในสระน้ำ ทำไม เขาถามตัวเองในใจ
ทุกสิ่งที่เขาสู้สุดชีวิตเพื่อพิสูจน์ นางกลับทำสำเร็จโดยไม่ตั้งใจ!
นางงดงามมาก มากจนทำให้ทุกคนเพ้อฝัน เดิมทีสตรีเช่นนี้ควรได้รับการปกป้องจากสุภาพบุรุษ แต่สำหรับนาง กลับยืนอยู่แนวหน้าราวกับเทพผู้ยิ่งใหญ่กลับชาติมาเกิด คนที่อยากจะเอาชนะ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนแทบเท้านาง
“ศิษย์น้องเล็ก!” เสียงตื่นเต้นของคุนอู๋ดังขึ้น
เสิ่นฉงยิ้ม ดวงตาสว่างไสวราวกับฝนดาวตก
“ฮ่าๆๆ…! ศิษย์น้องเล็กถ้าได้แสดงความสามารถเมื่อใด ก็จะทำให้คนรอบข้างตะลึงมากจริงๆ!” ซีไหลหัวเราะชอบใจอย่างมีความสุข หลังจากพูดจบ เขาก็ไม่ลืมยักคิ้วที่ยั่วยุใส่เจ้าตำหนักเย่ว์ทั้งสาม
อย่างไรก็ตาม เจ้าตำหนักเย่ว์ทั้งสามจะมีเวลาสนใจกับการยั่วยุของเขาได้อย่างไร
พวกเขากำลังตกตะลึงกับภาพลวงตาตรงหน้า ภาพลวงตาของหมู่ดาว ได้เกินความเข้าใจของพวกเขาไปเสียแล้ว
ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น แต่บรรดาศิษย์ของฮวงเสินต่างจ้องมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ทุกคนที่ถูกแสงของหมู่ดาวห้อมล้อมดูเหมือนจะเปล่งประกายกันทุกคน
“งดงามยิ่งนัก!”
“ช่างงดงามมากยิ่งนัก…”
“…”
หลายคนใช้มือจับแสงดาวและต้องการสัมผัสหมู่ดาวนั่น โดยแสงสว่างเหล่านั้นเสมือนจริงนัก และเคลื่อนไหวไปมาท่ามกลางพวกเขา
“โอ้โห งดงามที่สุด!”
ท่ามกลางฝูงชน เหวินเหรินชิ่งชิ่งแบมือทั้งสองข้างรับแสงดาวที่ตกลงมาและเผยรอยยิ้มอันแสนหวาน
ลู่เสวียนหันหน้ากลับไป มองเห็นใบหน้าเล็กๆ ของนางถูกแสงดาวสาดส่องเป็นประกาย ณ เวลานั้น เขาตกอยู่ในภวังค์ของรอยยิ้มอันแสนหวานนั้น
ผู้คนนับไม่ถ้วนลุ่มหลงในภาพลวงตาจนลืมว่าเป็นภาพเสมือนจริง
แต่คนที่สร้างปรากฏการณ์นี้ทั้งหมดกลับไม่รู้สึกตัว และยังคงหมกมุ่นอยู่ในโลกของตัวเอง
เจียงหลีผู้ซึ่งจิตว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ ดูเหมือนจะกลับมายังทะเลดวงดาว และนึกถึงตอนที่นางล่องลอยอยู่กลางทะเลดวงดาวนั่น ภาพลวงตาของดวงดาวเหล่านี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้น แต่เกิดจากความทรงจำของนางเอง ล้วนคือวิวทิวทัศน์อันงดงามที่นางเคยเดินร่อนเร่ในทะเลดวงดาว
ทันใดนั้น ลมปราณจากระยะไกลถึงระยะใกล้ก็ตกลงมาที่ฝั่งของเสิ่นฉงในทันที
ทันทีที่เขาปรากฏตัว พวกเสิ่นฉงทั้งสามรีบเอ่ยขึ้น “ซือจุน!” ส่วนคนอื่นๆ ก็เรียกอย่างนอบน้อม “ท่านประมุข”
หันเหยากวงจ้องไปที่ชายชราด้วยท่าทางที่สับสน ในวันที่ทดสอบเข้าสำนัก เขาเคยถูกชายชราปฏิเสธ
ตำหนักเย่า เดิมทีเขาคิดว่าด้วยชื่อเสียงและพรสวรรค์ของเขา จะสามารถเปิดประตูสู่ตำหนักเย่าได้อย่างแน่นอน แต่เขากลับถูกตบหน้าเสียงดัง
ใช่ เจียงหลีเก่งกว่าเขาในด้านทักษะการต่อสู้ เขายอม!
แต่สำหรับพรสวรรค์ของการรู้แจ้งในศาสตร์ลับยังเหนือกว่าเขาอีกหรือ
“ซือจุนทราบหรือไม่ว่าภาพลวงตาของหมู่ดาวหมายความว่าอะไร” เสิ่นฉงเดินไปหาท่านประมุขและกระซิบถามข้างหู
ดวงตาที่ลุ่มล้ำของท่านประมุขดูดซับแสงดาว โดยมองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เขาตอบด้วยเสียงนิ่งเรียบเพียงว่า “รอดูต่อไป”
รอดูต่อไป!
ดวงตาของเสิ่นฉงหรี่ลง และถอยหลังสองก้าวโดยไม่ถามเพิ่ม
ด้านนอกสระสรรพสัตว์ คนส่วนใหญ่ที่จมอยู่ในภาพลวงตาของดวงดาวนั้น ไม่รู้ว่าท่านประมุขมาถึงแล้ว มีเพียงไม่กี่คนที่สังเกตเห็น แต่พวกเขากลับแอบตกใจในใจ ชั่วครู่ การเคลื่อนไหวของหันเหยากวงดึงดูดเจ้าตำหนักเย่ว์ทั้งสามให้มาปรากฏตัว แต่ตอนนี้ การเคลื่อนไหวของรองประมุขคนใหม่กลับทำให้ท่านประมุขต้องมาปรากฏตัวด้วยตัวเองเลยหรือ!
ภาพลวงตาของดวงดาวฉายภาพเป็นเวลานาน
คนที่อยู่ข้างสระสรรพสัตว์ ไม่มีใครเดินจากไป พวกเขาทั้งหมดยังคงรอกันต่อไป หรือเพราะไม่อยากพลาด หรืออาจรอคอยอะไรบางอย่างอยู่
ทันใดนั้น ภาพลวงตาของดวงดาวก็เริ่มเปลี่ยนไป
ดาวเหล่านั้นหายไปทีละดวง และกลายเป็นแสงดาวที่คล้ายกระแสน้ำวน
“อ่า!”
“เกิดอะไรขึ้น”
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันได้ปลุกทุกคนตื่น และทำให้พวกเขายิ่งประหลาดใจมากขึ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
แสงดาวเหล่านี้ในสายตาทุกคน ประเดี๋ยวแยกตัว ประเดี๋ยวรวมตัว และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทันใดนั้น สิงโตตัวหนึ่งได้ตกลงมาจากแสงดาว มันตกลงมาจากท้องฟ้า ห้อมล้อมไปด้วยแสงดาว อุ้งเท้าหน้าแนบกับพื้นแล้วเชิดหน้าส่งเสียงคำราม
ทุกคนผงะ!
แน่นอนว่ามีอะไรมากกว่านั้น
ด้วยเสียงคำรามของสิงโต สัตว์ดุร้ายนับไม่ถ้วนตกลงมาจากแสงดาวทีละตัว ยึดครองพื้นที่ทั้งหมดของสระสรรพสัตว์ หลายคนถึงกับตะลึง ถึงขั้นที่สัตว์จำนวนไม่น้อยตกลงไปที่ฝูงชน
มีคนสงสัยจึงเอื้อมมือไปจิ้มสัตว์ร้ายที่อยู่ข้างๆ แต่กลับพบว่านิ้วของตนจิ้มทะลุผ่านโดยไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ “แสงดาว! สัตว์ร้ายเหล่านี้แปลงกายมาจากแสงดาว!” เขาอุทานด้วยความประหลาดใจ
เผ่าพันธุ์สัตว์ร้ายค่อยๆ เกิดจากแสงดาว โดยมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และตกลงสู่พื้นดิน แม้ว่าพวกมันจะเป็นเพียงร่างจำลอง แต่เมื่อจำนวนของพวกมันเพิ่มมากขึ้น ผู้คนที่อยู่บริเวณข้างสระสรรพสัตว์จึงรู้สึกกดดันขึ้นมา
“สัตว์เดรัจฉานทั้งหลายเคลื่อนไหวพร้อมกัน!” ดวงตาของท่านประมุขเป็นประกายแพรวพราว
เคร้ง…!
ทันทีที่เขาพูดจบ มีเสียงระฆังดังขึ้นกลางอากาศ
เมื่อทุกคนแหงนหน้าขึ้น ก็มองเห็นหงส์โผล่ออกมาจากแสงดาวนั่น มันลอยกลางอากาศและส่งเสียงกรีดร้อง ขนยาวลากแสงดาวที่กระจัดกระจายไป และกลายเป็นมวลวิหคนับร้อยตัว
“…”
ขนลุก!
ขนลุกขั้นสุด!
ขนลุกจนผิวตึง!
วิหคและสัตว์ร้ายจำนวนมากปรากฏตัวขึ้น โบยบินอยู่บนท้องฟ้าและวิ่งอยู่บนพื้นดิน ในเวลานี้ ทั้งหมดปรากฏตัวในสระสรรพสัตว์
ใบหน้าทั้งหลายเต็มไปด้วยความประหลาดและตกตะลึง ภาพลวงตาตรงหน้าทำให้สมองของพวกเขาว่างเปล่าและใช้สมองไม่ได้อีกต่อไป
ฮึ่มมม!
ฟิ้ววว!
หัวหน้าของเหล่านกและสัตว์ร้ายทั้งหลายร้องคำรามขึ้นพร้อมกันคล้ายกับเป็นคำสั่ง
มวลวิหคและสัตว์ร้ายทั้งหลายเกิดขึ้นจากแสงดาว แต่ละตัวกำลังเคลื่อนที่ไปหาเจียงหลี โดยปกป้องนางไว้ตรงกลาง ทันใดนั้น เกิดนิมิตขึ้นในสระสรรพสัตว์ สระน้ำที่ว่างเปล่า สระน้ำสีฟ้าจางกลายเป็นปลาหลากชนิดโผล่ขึ้นเหนือน้ำ กระโดดขึ้นไปกลางอากาศ และหยดน้ำที่ตกลงมาราวกับไข่มุก
อ่า!
ภาพลวงตาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ ทำให้ทุกคนตกตะลึง
และภายใต้ความตกใจกับภาพลวงตานั้น พวกเขาอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหลายก้าว
…
เหนือสระสรรพสัตว์ มีนกนับร้อยโบยบินไปมา
ในสระสรรพสัตว์ ปลากระโดดโลดเต้นด้วยความปีติยินดี
ข้างสระสรรพสัตว์ สัตว์ร้ายร้องรำทำเพลง
ขณะที่ทุกคนตกตะลึงกับภาพลวงตาอยู่นั้น เจียงหลีซึ่งนั่งนิ่งและหลับตาอยู่ก็ได้ลืมตาขึ้น
เมื่อทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าสะท้อนเข้ามายังในดวงตาอันสดใสของนาง นางกลับไม่ตกใจเลย ความนิ่งสงบของนาง ทำให้ดวงตาของทุกคู่ลุกวาว และพลังอำนาจที่ไม่สามารอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ฉายออกมาจากร่างกายของนาง
เจียงหลีลุกขึ้นจากสระสรรพสัตว์ น้ำทะเลสีฟ้าจางกลายเป็นประกายแสงไฟตกกระทบที่ร่างกายของนาง
และในขณะนี้เอง ฉากประหลาดได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
สัตว์ร้ายเหล่านั้นคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วก้มศีรษะไปที่เจียงหลีด้วยความเคารพยิ่ง
หงส์โบยบินเหนือศีรษะของเจียงหลีสองครั้ง กระพือปีกและก้มศีรษะให้นางเช่นกัน มัจฉาในสระก็ก้มศีรษะลงทีละตัว…
วิหค สัตว์ร้าย…ขอคารวะ!
นางคือราชา! จอมราชาของโลกที่หาใครเปรียบไม่ได้!
ฉากนี้ช่างซาบซึ้ง ช่างทำให้ตกใจ…บ้าไปแล้ว ฝูงชนต่างอ้าปากค้าง ทุกฉากตรงหน้า ทำให้พวกเขาสูญเสียความสามารถในการอธิบายเป็นคำพูดไปเสียแล้ว