ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 123 ตั้งใจฝึกฝน
มุมปากของเจียงหลีกระตุกและพูดกับคนทั้งสาม “ข้าจะออกไปข้างนอกสักครู่” หลังจากออกมาจากสระสรรพสัตว์ นางยังไม่ได้พบพวกเจียงเฮ่าและลู่เสวียนเลย
“วันนี้เจ้าฝึกฝนเสร็จแล้วหรือ” เสิ่นฉงยิ้มอย่างสง่างามเป็นพิเศษ
เอ่อ…
เจียงหลียิ้มอย่างเขินอาย เจ้าเปี๊ยกที่นางอุ้มไว้ในอ้อมแขนลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน และค่อยๆ กวาดสายตามองชายรูปงามทั้งสาม
เขาไม่ได้รู้สึกว่าคนทั้งสามคิดไม่ซื่อกับภรรยาตน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช่ศัตรู
อีกทั้ง…
หลีเอ๋อร์ของเขาต้องใครสักคนคอยกระตุ้น มิเช่นนั้นจะเกียจคร้านเกินไป
เจ้าเปี๊ยกผู้น่ารักที่ค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้ง โดยไม่มีใครสังเกตเห็นว่าส่วนลึกของดวงตาคู่นั้นประกายแสงแห่งความรักและความเอ็นดูขึ้น
“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ามีเรื่องจะหารือกับพี่เจียงเฮ่าสักหน่อย ข้าจะออกไปเพียงประเดี๋ยวเดียวแล้วจะรีบกลับมา” เจียงหลีต่อรอง
แต่เสิ่นฉงกลับส่ายศีรษะ “ไม่ได้ ซือจุนสั่งไว้ว่าให้เจ้าตั้งใจฝึกฝนอยู่ในตำหนักเย่าให้เต็มที่ และให้เราสามคนจับดูเจ้า หากเจ้าต้องการอะไร บอกพวกเราได้”
“ใช่แล้ว! ศิษย์น้องเล็ก เจ้าอยากได้อะไร ฝากบอกอะไร แลกของอะไร บอกพวกเราได้ทั้งนั้น” ซีไหลกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“…” เจียงหลีกัดฟันฉีกยิ้ม “ข้าจะรบกวนศิษย์พี่ทั้งสามได้อย่างไร” นางรู้สึกประหลาดใจจากการได้รับความรักอย่างไม่คาดฝันกับการที่หลิงหวังทั้งสามจะทำตามคำสั่งของนาง
“ศิษย์น้องเล็กต่อให้พรสวรรค์จะมีมากแค่ไหนก็ต้องฝึกฝนให้หนัก!” คุนอู๋พูดอย่างจริงจัง
เจียงหลีพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ข้าแค่จะออกไปข้างนอกประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น มิได้รบกวนการฝึกฝนใดๆ” หากยังไม่จัดเตรียมพวกพี่ชายให้เรียบร้อย นางจะตั้งใจฝึกฝนได้อย่างไร
“หากเจ้ากังวลเรื่องความสะดวกในการฝึกฝนของพี่ชายเจ้าและเพื่อนคนอื่น ก็ไม่ต้องไปด้วยตัวเองหรอก อาจารย์ได้บอกกล่าวกับทางตำหนักว่าการและผู้อาวุโสไว้ล่วงหน้าแล้ว หากไม่ละเมิดกฎของทางสำนัก ท่านทั้งหลายก็จะอำนวยความสะดวกให้ตามที่ต้องการ” ซีไหลยักคิ้วกล่าว
เจียงหลีมองหน้าเขาด้วยความตะลึง และประหลาดใจในใจอย่างมาก ให้เกียรติข้าขนาดนี้เลยหรือ
“เอาล่ะ วันนี้ข้าจะสอนวิธีฝึกศาสตร์ลับ เจ้าเตรียมใจให้พร้อม” เสิ่นฉงพูดกับเจียงหลี
ฝึกศาสตร์ลับ!
ดวงตาของเจียงหลีเป็นประกาย และนางก็เริ่มสนใจขึ้นมาทันที
ทันใดนั้น นางนึกถึงคำพูดของซีไหล จึงถามด้วยความสงสัย “ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รองเคยพูดว่าศาสตร์ลับก็แบ่งออกเป็นสองประเภทเช่นเดียวกัน”
เสิ่นฉงพยักหน้า “วันนี้ข้าจะแนะนำอย่างละเอียด แต่ข้าเชี่ยวชาญในประเภทแรก ส่วนน้องสามถนัดในประเภทที่สอง หลังจากที่ข้าสอนจนเจ้าเข้าใจพื้นฐานแล้ว เขาจะรับช่วงต่อและสอนประเภทที่สองให้กับเจ้า”
“ได้” เจียงหลีพยักหน้าอย่างแรง
หายวันต่อจากนี้ เจียงหลีจะฝึกฝนภายใต้การแนะนำของเสิ่นฉงและเริ่มเรียนรู้ศาสตร์ลับ
ที่เรียกว่าศาสตร์ลับประเภทแรกก็เหมือนกับวันที่เสิ่นฉงแสดงต่อหน้าเจียงหลีในวันนั้น…
“ศาสตร์ลับประเภทแรกแบ่งย่อยออกเป็นหลายประเภท อาทิ เคลื่อนที่ในทันที ภาพลวงตา รวบรวมวัตถุ ส่งเสียง มองจากระยะไกล เป็นต้น” เสิ่นฉงยืนอยู่ตรงหน้าเจียงหลีและอธิบายให้นางฟัง
คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามเขาคือซีไหล
“ต่อไป ข้ากับศิษย์พี่รองของเจ้าจะแสดงให้เจ้าดูว่าจะใช้ศาสตร์ลับในการต่อสู้อย่างไร” หลังจากเสิ่นฉงพูดจบ เขาพยักหน้าให้กับซีไหล
พลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของซีไหล ทำให้ดวงตาที่จับจ้องของเจียงหลีหดตัวลง ช่างเป็นลมปราณที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!
และนี่เป็นผลมาจากการตั้งใจกดดันจากฝั่งซีไหล
แค่เพียงสาธิตให้ดูเท่านั้น ทั้งสองย่อมไม่ได้ออกแรงเต็มที่
ตอนนี้ ซีไหลกำลังเคลื่อนหมัดทั้งสองข้างและกลายเป็นนับกระบวนท่านับหมื่นพัน ปิดผนึกไปทั่วทุกมุม และโจมตีไปที่เสิ่นฉง ส่วนเสิ่นฉงกลับยืนนิ่ง เมื่อการโจมตีเข้ามาประชิด เขาก็หายตัวไปในทันที และเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาก็อยู่ที่ด้านหลังของซีไหลแล้ว
เจียงหลีเบิกตากว้าง
นางกลับสัมผัสไม่ได้ถึงการเคลื่อนไหวของพลังวิญญาณของเสิ่นฉงเลย
คุนอู๋อธิบายข้างๆ นางว่า “เจ้าดูสิ ศิษย์พี่ใหญ่ใช้ศาสตร์ลับเคลื่อนที่ในทันทีและทลายฟ้าสองประเภท”
เจียงหลีอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
หลังจากนั้น เสิ่นฉงหันหลังกลับอย่างสง่างาม นิ้วที่เรียวยาวเคลื่อนไหวอย่างว่องไว และปรากฏกรงขึ้นในทันทีและพุ่งเข้าครอบซีไหล
“นี่คือศาสตร์การรวบรวมวัตถุ” คุนอู๋อธิบายข้างๆ
พลังวิญญาณของซีไหลระเบิด ทำลายกรงจนแตกเป็นเสี่ยงๆ และกระโจนเข้าโจมตีเสิ่นฉงอีกครั้ง
ทันใดนั้น ร่างของเสิ่นฉงกลายเป็นภาพลวงตาประดุจควันและแยกร่างออกมานับไม่ถ้วน โดยเดินรอบๆ ซีไหลอย่างต่อเนื่อง ลมปราณของพวกเขามีลักษณะเดียวกัน ไม่สามารถบอกได้ว่าคนไหนตัวจริง คนไหนคือภาพลวงตา
“ภาพลวงตา แยกร่าง” คุนอู๋พูดขึ้นอีกครั้ง
ซีไหลโจมตีอย่างต่อเนื่อง และการต่อสู้เริ่มรุนแรงขึ้น จนเจียงหลีเองยิ่งดูยิ่งใจจดใจจ่อ
“เคลื่อนย้ายวัตถุ”
พอคุนอู๋พูดจบ ซีไหลก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาของเจียงหลี และเมื่อเขาปรากฏขึ้นอีกครั้งเขาก็ตกลงมาจากกลางอากาศ
ตึง!
เจียงหลีลุกขึ้นยืน ดวงตาเป็นประกายและจับจ้องไปยังคนทั้งสองที่กำลังต่อสู้กันอยู่
“ซ่อนร่าง”
“เสียงหลอก”
“ฉายภาพ”
“แรงโน้มถ่วง”
“…”
เสิ่นฉงและซีไหลยังคงสาธิตต่อไป ส่วนคุนอู๋ก็อธิบายให้เจียงหลีฟังอย่างต่อเนื่อง
เมื่อทั้งสองหยุดการต่อสู้ เจียงหลีก็ได้เห็นศาสตร์ลับที่สามารถนำไปใช้ในการต่อสู้นับร้อยประเภท
เสิ่นฉงเดินไปหาเจียงหลีและพูดในระหว่างที่เดินว่า “แม้ว่าศาสตร์ลับจะไม่ได้อาศัยพลังวิญญาณ แต่ใช้พลังจิตเป็นตัวขับเคลื่อน ในระหว่างการต่อสู้ หากต้องการใช้ศาสตร์ลับ ต้องคำนวณก่อนว่ามีจำนวนพลังจิตเพียงพอต่อการใช้ศาสตร์ลับกี่ประเภท แต่ละศาสตร์ลับมีความแข็งแกร่งและอ่อนแอที่แตกต่างกัน จึงต้องใช้พลังจิตในจำนวนที่แตกต่างกันด้วย อย่างไรก็ตาม ในความคิดของข้า ศาสตร์ลับก็เหมือนทักษะการต่อสู้ ไม่แบ่งว่าประเภทใดแข็งแกร่งหรือว่าอ่อนแอ แต่ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการเลือกใช้”
ทันใดนั้น เสิ่นฉงได้หายตัวไป
ในชั่วพริบตา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แต่กลับมีดอกไม้วิเศษอยู่ในมือของเขา โดยรากยังคงสดใหม่อยู่
“ดอกลำโพง!” ดวงตาของคุนอู๋เป็นประกาย พูดด้วยรอยยิ้ม “ดอกไม้นี่เจริญเติบโตได้เฉพาะบนหน้าผาร้างในดินแดนอันไกลโพ้นเท่านั้น”
ดินแดนอันไกลโพ้น!
ดวงตาของเจียงหลีหดตัวลง แค่เพียงชั่วพริบตา เสิ่นฉงไปถึงดินแดนที่ไกลพ้นแล้วหรือ และได้ไปกลับรอบหนึ่งแล้วด้วยหรือ “ไม่ต้องตื่นเต้น ตอนนี้เจ้ายังทำไม่ได้” เสิ่นฉงจู่โจมอย่างไม่ไว้หน้า
มุมปากของเจียงหลีกระตุกเล็กน้อย
เสิ่นฉงยื่นดอกไม้ให้กับเจียงหลีและอธิบายอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้าแค่อยากจะบอกให้เจ้ารู้ไว้ว่าการเคลื่อนที่ในทันทีจากทางไกลและทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ แม้จะเป็นข้าที่ขาข้างหนึ่งก้าวเข้าสู่หลิงหวงแล้วก็ตาม ก็ฝืนทำได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
จากนั้นโดยไม่รอให้เจียงหลีเอื้อมมือไปหยิบดอกไม้นั่น ดอกลำโพงในมือของเขา กลีบดอกสดใหม่คล้ายสีเลือดกลับแยกออกจากก้านเอง ล่องลอยกลางอากาศ และกลายเป็นกลีบดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมาประดุจหยาดฝนโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า
“ศาสตร์ลับที่ทำให้หัวใจมนุษย์สับสนเช่นนี้ ข้ากลับสามารถใช้มันได้หลายหมื่นครั้งในหนึ่งวัน” หลังจากเสิ่นฉงพูดจบ ดอกลำโพงในมือก็ตกลงสู่พื้นและกลีบดอกไม้ประดุจฝนโปรยปรายได้หายไปในทันที
“อันที่จริง ที่เรียกว่าศาสตร์ลับ ก็คือการรับรู้ของสรรพสิ่งบนโลกของเจ้า พูดง่ายๆ ก็คือกฎนั่นเอง ดังนั้นเจ้าต้องรู้กฎ เข้าใจกฎ และสุดท้ายควบคุมกฎนั้น ศาสตร์ลับก็คือหลังจากควบคุมกฎได้แล้ว ให้ใช้ช่องโหว่ในกฎมาอุดรอยรั่วในสิ่งที่ตนบรรลุไม่ได้ พูดอย่างจริงจังคือ ศาสตร์ลับเป็นเพียงหนทางเล็กๆ หลังจากควบคุมกฎได้นั่นเอง” คำพูดนี้ เสิ่นฉงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างมาก
เจียงหลีกะพริบตา ไตร่ตรองความหมายในคำพูดของเขา