ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 125 ดินแดนผนึกมารหรือ
เจียงหลีรู้สึกปวดใจที่พลาดโอกาสไปต่อหน้าต่อตา
ทันใดนั้น นางมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง เตรียมตัวรับโทษจากเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ และเมื่อพูดถึงบทลงโทษ เจียงหลีรู้สึกค่อนข้างตื่นเต้นในใจ เพราะประวัติอันโหดเหี้ยมของเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อยังคงติดตาและเคยประสบด้วยตัวเอง!
ตัวอักษรสีทองเปลี่ยนไปอีกครั้ง ปรากฏข้อความของบทลงโทษ
‘การท้าทายล้มเหลว ปิดผนึกพลังจิตของเจ้าของหนึ่งเดือน เจ้าของจะไม่สามารถใช้พลังจิตเป็นเวลาหนึ่งเดือน’
บัดซบสิ้นดี!
เมื่ออ่านเนื้อหาของบทลงโทษจบ เจียงหลีกระโดดขึ้นทันที
“เสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ!” นางตะโกนด้วยความโกรธ
ยกแขนเสื้อขึ้นแล้วพูดว่า “ออกมาเดี๋ยวนี้! มาคุยกันให้รู้เรื่อง!” มีบทลงโทษเช่นนี้ที่ไหนกัน
“ในเมื่อเจ้าต้องการให้พลังจิตของข้าเพิ่มพูน ทำไมถึงมาปิดผนึกพลังจิตของข้า” เจียงหลีพูดด้วยความโมโห แม้ว่าในการต่อสู้ นางจะอาศัยพลังวิญญาณเป็นหลัก แต่ตอนนี้นางกำลังเรียนรู้วิชาลับของฮวงเสินและพลังควบคุมจิตอยู่ ล้วนเกี่ยวข้องกับพลังจิตทั้งนั้น”
ไม่ให้นางใช้พลังจิต ไม่ใช่ปิดกั้นความแข็งแกร่งของนางไปส่วนหนึ่งหรือ
แม้จะแค่เดือนเดียว แต่…แต่…
‘สามารถฝึกพลังจิต แต่ไม่สามารถใช้พลังจิต’ ตัวอักษรสีทองปรากฏขึ้นอีกครั้ง
แต่ข้อความนี้กลับทำให้เจียงหลียิ่งสิ้นหวัง
เมื่อรู้ว่าใช้หลักเหตุผลกับเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อไม่ได้ เจียงหลีโกรธจนหัวเราะออกมา กัดฟันพูดด้วยดวงตาลุกเป็นไฟ “ช่างเป็นบทลงโทษที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
ได้! เดือนนี้ นางจะปิดประตูอยู่แต่ในตำหนักเย่า ตั้งใจศึกษาทักษะการต่อสู้กับซีไหล!
เจียงหลีโกรธมากจนจะออกจากเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ แต่ก่อนที่จะเดินจากไป นางหันหลังกลับ เบิกตาจ้องมองอย่างดุเดือด และกัดฟันพูดว่า “เสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ ฝากไว้ก่อน! ผลเนี่ยนกั่วนั่น ข้าต้องได้มาครอบครองอย่างแน่นอน!”
หลังจากลั่นประโยคอันดุดันออกมา เจียงหลีหันหลังกลับและเดินออกจากเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ
หลังจากที่นางจากไป โครงร่างเจือจางค่อยๆ ปรากฏบนท้องฟ้าสีเทาของเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ
บนโครงร่างนั้นมีจมูกและตา แต่คลุมเครือ มองไม่ชัดว่าใช่คนหรือไม่ และยิ่งแยกไม่ออกว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่
…
นอกจากเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ เมื่อเจียงหลีลืมตาขึ้นอีกครั้ง ท้องฟ้าข้างนอกก็สว่างสดใสแล้ว
นางบ่นพึมพำและลุกขึ้นจากเตียง สัมผัสพลังจิตอย่างละเอียด
ไม่ใช่แค่ฝันไป แต่คือเรื่องจริง!
เจียงหลีกัดฟันกรามจนเกิดเสียงขึ้น พลังจิตในร่างกายของนางยังคงอยู่ แต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้เลย และทำได้แค่มองเห็น แต่ใช่ไม่ได้
“ศิษย์น้องเล็กตื่นแล้วหรือ” เสียงของคุนอู๋ดังมาจากด้านนอก
เจียงหลีสงบสติอารมณ์ ลุกขึ้นยืนและเหลือบมองกลับไปยังเจ้าเปี๊ยกที่กำลังหลับใหลอยู่ นางยิ้มอย่างเอ็นดู ลดเสียงฝีเท้าและเดินออกไปด้านนอก
หลังจากเดินออกจากตำหนัก เจียงหลีมองเห็นคุนอู๋ผู้งดงามดั่งดอกไม้ยืนรออยู่กลางแสงแดด
พระอาทิตย์สว่างเจิดจ้า ตำหนักสว่างเจิดจ้า และชุดคลุมประจำตำหนักเย่าบนร่างกายของคุนอู๋ก็สว่างเจิดจ้าเช่นเดียวกัน แต่ท่ามกลางความสว่างเจิดจ้านั้น ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาที่เปรียบเสมือนเพชรแพรวพราว โดดเด่นยิ่งนัก
“ศิษย์พี่สาม” เจียงหลียิ้มเรียก
คุนอู๋ยิ้มอย่างสดใส “ท่านผู้เฒ่ามอบหมายงานให้เจ้าทำ”
“งานหรือ” เจียงหลีมองเขาอย่างประหลาดใจ
“ไปกันเถอะ ไปถึงก็รู้เอง” คุนอู๋หันหลังและเดินนำ
ระหว่างทาง เจียงหลียิ่งคิดยิ่งสงสัย อดไม่ได้ที่จะถามคุนอู๋ “งานอะไรหรือ หากศิษย์พี่สามรู้ ช่วยบอกข้าให้รู้ล่วงหน้าหน่อยจะได้หรือไม่”
“ศิษย์น้องเล็กเคยได้ยินชื่อดินแดนผนึกมารไหม” คุนอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม
ดินแดนผนึกมารหรือ
เจียงหลีส่ายศีรษะอย่างซื่อตรง
คุนอู๋ผงะไปครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับ “ข้าลืมไปว่าเจ้าไม่ใช่คนของซีฮวง”
หมายความว่าดินแดนผนึกมารเป็นที่รู้จักของชาวซีฮวงหรือ เจียงหลีคาดเดาในใจ
“ดินแดนผนึกมารกล่าวกันว่าเป็นพื้นที่พิเศษที่ถูกแยกออกโดยบังเอิญเมื่อกลองศิลาจารึกจุติบนโลกมนุษย์…” คุนอู๋แนะนำเจียงหลี
กลองศิลาจารึกอีกแล้ว!
เจียงหลีรู้สึกประหลาดใจ หัวใจเต้นแรงขึ้น
“…ในพื้นที่ว่างเปล่านี้ ปิดผนึกวิญญาณชั่วร้ายที่ทรงพลังไว้จำนวนมาก และยังเป็นสถานที่ทดสอบความสามารถประจำกลุ่มอำนาจระดับกลางและระดับสูงอีกด้วย”
“วิญญาณชั่วร้ายหรือ” เจียงหลีไม่เข้าใจ
ณ ดินแดนซีฮวง กลุ่มอำนาจแต่ละระดับ มีสนามทดลองที่แตกต่างกันออกไป เรื่องนี้เจียงหลีรู้ดีอยู่แล้ว ตั้งแต่ตอนที่ไปถ้ำสวรรค์
ส่วนถ้ำสวรรค์เป็นสถานที่ทดลองประจำของกลุ่มอำนาจระดับต่ำ
“อืม วิญญาณชั่วร้าย” คุนอู๋พยักหน้า อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงของเขายังคงนิ่งสงบ และไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปหลังจากฟังคำพูดที่ดูชั่วร้ายนี้
“วิญญาณชั่วร้ายคือกิเลส เกิดเป็นคนย่อมมีกิเลส แต่กิเลสที่สุดโต่งและชั่วร้ายนี้ หลังจากตาย หากมันแข็งแกร่งมากพอ ก็จะถูกดูดเข้าไปในดินแดนผนึกมาร และดำรงอยู่โดยหลุดพ้นจากกฎธรรมชาติ พวกเขาไม่สามารถออกจากดินแดนผนึกมาร และเมื่อพวกเขาออกจากที่นั้น ก็จะสลายหายไปในทันที อย่างไรก็ตาม ณ ดินแดนผนึกมารแห่งนี้ยิ่งมีกิเลสและสุดโต่งมากเท่าใด พวกมันก็ยิ่งแข็งแกร่งและทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น จนสามารถทำร้ายหรือฆ่าคนได้” หลังจากคุนอู๋พูดจบ หันไปมองเจียงหลี
เจียงหลีตะลึงจนอ้าปากค้าง มีสถานที่เช่นนี้ด้วยหรือ “วิญญาณชั่วร้ายในดินแดนผนึกมารเกิดจากกิเลสของคนที่ตายไปแล้วใช่หรือไม่”
“ไม่เสมอไป แต่ส่วนมากเป็นเช่นนี้ บางคนใช้วิธีบางอย่างละซึ่งกิเลส พวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่แค่ถูกตัดกิเลสออกไป สุดท้ายก็เข้าสู่ดินแดนผนึกมาร ดังนั้น บางคนเปลี่ยนกิเลสของดินแดนผนึกมารให้กลายเป็นใจมาร” คุนอู๋อธิบายอย่างละเอียด
เจียงหลีเข้าใจคร่าวๆ แล้วว่าดินแดนผนึกมารคืออะไร
“ทุกๆ สามปี ดินแดนผนึกมารจะเปิดเป็นเวลาสองปี ให้คนที่อยู่ระหว่างหลิงจงขั้นห้าขึ้นไปและต่ำกว่า
หลิงหวังขั้นห้าเข้าไปได้ หลังจากนั้นสองปี จะถูกปิดลงอีกครั้ง และเปิดใหม่อีกสามปี เมื่อถึงเวลานี้ กลุ่มอำนาจทุกกลุ่มจะคัดเลือกศิษย์บางส่วนเข้าไปทดสอบ โดยเป้าหมายของการทดสอบคือเข่นฆ่าวิญญาณชั่วร้าย” คุนอู๋อธิบายต่อ
“เข่นฆ่าวิญญาณชั่วร้าย!” เจียงหลีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
จะฆ่ากิเลสได้อย่างไร
“เจ้าเข้าไปก็จะรู้เอง” เมื่อเห็นความสับสนในดวงตาของนาง คุนอู๋ยิ้มเอ่ย “ช่วงเวลานี้ เจ้าฝึกฝนอยู่แต่ในตำหนักเย่า แต่ถ้าหากอยากก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ก็ต้องฝึกฝนอย่างหนักหน่วง และเพิ่มพูนความสามารถในการต่อสู้ ดังนั้น การเดินทางไปยังดินแดนผนึกมารจึงเป็นโอกาสอันดีในการพัฒนาความสามารถของเจ้า”
“อื้อ” เจียงหลีพยักหน้า
แน่นอนว่านางจะไม่พลาดโอกาสในการหาประสบการณ์ อีกทั้ง นางค่อนข้างประหลาดใจกับดินแดนผนึกมารแห่งนี้ด้วย
“ด้านใน มิใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ แม้ว่าวิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้นจะเป็นเพียงกิเลส แต่มีความทรงจำเดิมอยู่ แต่ละคนล้วนมีประสบการณ์ของการฝึกฝนทั้งนั้น เจ้าจงตั้งใจให้ดี” คุนอู๋กำชับอีกครั้ง
ดวงตาของเจียงหลีเป็นประกาย ไตร่ตรองคำพูดของคุนอู๋อย่างรอบคอบในใจ
“ครั้งนี้ เจ้าจะเป็นผู้นำของศิษย์ในฮวงเสินที่ถูกเลือกและจะเข้าไปพร้อมกัน โดยอาจจะพบเจอกับกลุ่มอำนาจอื่น จึงต้องระวังตัวให้มาก”
“ให้ข้าเป็นผู้นำหรือ” เจียงหลีรู้สึกประหลาดใจมากกับวางแผนเช่นนี้ เพราะนางเพิ่งมาถึงฮวงเสินได้ไม่นาน!
“ไม่น่าแปลกใจหรอก เมื่อมีศิษย์จากตำหนักเย่าเข้าร่วม ผู้นำย่อมเป็นศิษย์จากตำหนักเย่าเท่านั้น” คุนอู๋อธิบายด้วยรอยยิ้ม