ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 126 คนรักใหม่? คนรักเก่า? เข้าใจผิด!
เหอะ!
เจียงหลียิ้มอย่างขมขื่น ที่แท้ศิษย์ของตำหนักเย่ายังมีหน้าที่ข้อนี้ด้วย
“แต่เจ้าอย่ากดดันเกินไป หลังจากเข้าสู่ดินแดนผนึกมารแล้ว คนส่วนใหญ่จะแยกออกจากกัน เมื่อพบเจอศิษย์ร่วมสำนัก ก็ให้ดูแลกันไป” คุนอู๋ปลอบประโลม
เจียงหลียิ้มออกทันที
รอยยิ้มนั้นทำให้ใบหน้าเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ของนางเปล่งประกายขึ้น
คุนอู๋แกล้งหยอกนาง “เจ้านี่ขี้เกียจแค่ไหนเชียว”
เจียงหลีไม่รู้สึกเขินอาย เลิกคิ้วขึ้นตออบว่า “สามารถกระดิกนิ้วสั่งได้จะดีที่สุด! ”
“เจ้านี่นะ!” คุนอู๋ส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา
“ใช่แล้ว ศิษย์พี่สาม เมื่อครบสองปี พวกเราจะออกจากดินแดนผนึกมารเองใช่หรือไม่” เจียงหลีถามอย่างสงสัย
“อืม” คุนอู๋พยักหน้า “แต่ก็มีข้อยกเว้น”
“ข้อยกเว้นหรือ” เจียงหลีหันไปมองหน้าเขา
คุนอู๋อธิบายกับนางว่า “บางครั้งก็เกิดสถานการณ์พิเศษ เมื่อถึงเวลาต้องออก แต่ออกไม่ทัน ก็จะติดอยู่ในนั้นสามปี รอจนกว่าดินแดนผนึกมารจะเปิดอีกครั้ง และออกมาพร้อมกับคนกลุ่มใหม่ที่เข้ามา”
ทันใดนั้น คุนอู๋หยุดเดินและมองหน้านางอย่างจริงจัง “แน่นอนว่าเจ้าต้องมีชีวิตอยู่ให้ถึงตอนนั้นด้วย”
ดวงตาของเจียงหลีหดลง จากคำอธิบายเรียบง่ายของคุนอู๋แต่กลับได้ยินความลับมากมาย
ดินแดนผนึกมารไม่ใช่สถานที่สงบสุขแน่นอน ในเมื่อได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ทดลอง จะต้องแฝงภัยอันตรายไว้มากมาย
สองปี สามปี อีกสองปี เจียงหลีหรี่ตาลง แอบมุ่งมั่นในใจว่าห้ามพลาดเวลาออกจากที่นั้นเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะต้องรอไปอีกห้าปี เมื่อนับๆ ดูแล้ว ต้องติดอยู่ในนั้นถึงเจ็ดปี
เจ็ดปี หากถูกขังในดินแดนผนึกมารนั่นถึงเจ็ดปี ข้างนอกจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้ เจียงหลีแอบคิดในใจ
สิ่งที่คุนอู๋เป็นกังวล เจียงหลีกลับไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
เพราะยังไงซะ นางยังเหลือโอกาสฟื้นคืนชีพจากนกอมตะอีกสองครั้ง คงไม่โชคร้ายและใช้โอกาสทั้งสองในดินแดนผนึกมารหรอกนะ
…
เจียงหลีเดินตามคุนอู๋และพบเจอกับท่านประมุข สิ่งที่ท่านประมุขพูดก็คล้ายคลึงกับที่คุนอู๋เคยพูด
แค่ตอนท้ายได้แจ้งเวลาออกเดินทางเพิ่ม รวมถึงรายชื่อคนที่จะเข้าไปด้วย
เวลาออกเดินทางคือในอีกหนึ่งเดือน
คนที่จะไปที่นั้นด้วยมีจำนวนไม่มาก รวมเจียงหลีด้วยแล้ว มีเพียงห้าคนเท่านั้น
ส่วนใครที่ไปที่นั่นบ้าง ท่านประมุขขออุบไว้ก่อน สำหรับเจียงหลีแล้ว อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ระหว่างออกเดินทาง นางก็จะรู้เอง และในหนึ่งเดือนนี้ ภารกิจในการฝึกฝนของเจียงหลีก็จะหนักหน่วงมากขึ้นกว่าเดิม
เสิ่นฉงจัดเตรียมหนังสือศาสตร์ลับไว้หลายเล่ม เพื่อนางจะได้ไม่ลืมที่จะฝึกฝนในขณะที่อยู่ในดินแดนผนึกมาร เมื่อถึงสิ้นเดือน ในที่สุดพลังจิตของเจียงหลีที่ถูกปิดผนึกโดยเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ และที่ทำให้นางประหลาดใจคือ หนึ่งเดือนมานี้ แม้ว่านางจะไม่สามารถใช้พลังจิต แต่พลังจิตของนางก็พุ่งสูงขึ้นมาก จนในที่สุด นางสามารถท้าทายอีกครั้งและทะลวงผ่านอาณาเขตเล็กๆ ได้สำเร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด และได้รับผลเนี่ยนกั่วสามเม็ดเป็นรางวัลจากเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ หลังจากกินมันแล้ว ระดับการฝึกฝนเนี่ยนซือของนางพุ่งสู่เนี่ยนจงขั้นสาม
ครบกำหนดหนึ่งเดือน วันนี้เป็นวันที่เจียงหลีออกเดินทาง
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าจะเดินทางแล้ว แต่กลับสามารถฝึกฝนศาสตร์ลับประเภทที่สองได้แล้ว” คุนอู๋รู้สึกหดหู่เล็กน้อย
สำหรับเรื่องนี้ เจียงหลีรู้สึกทำตัวไม่ถูกอย่างมาก
“เอา รับไป” คุนอู๋ยื่นม้วนหนังสือให้กับเจียงหลี
เจียงหลีมือหนึ่งอุ้มเจ้าเปี๊ยก อีกมือหนึ่งรับมันไว้ แล้วถามด้วยความสงสัย “นี่อะไร”
“นี่คือศาสตร์ลับเบื้องต้น หากเจ้าอยู่ในดินแดนผนึกมารแล้วมีเวลาว่างก็เปิดอ่านไปก่อน เมื่อเจ้าออกมา ข้าคอยสอนเจ้าอย่างละเอียด” คุนอู๋เอ่ย
เจียงหลีรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก นำม้วนหนังสือเข้าไปในกระเป๋าวิเศษอย่างไม่เกรงใจ
เสิ่นฉงและซีไหลกำชับอยู่ชั่วครู่ พวกเขาทั้งสามถึงจะส่งเจียงหลีออกจากตำหนักเย่าด้วยกันและเดินหน้าไปสมทบกับคนอื่นที่ห้องโถง
เมื่อเจียงหลีมาถึง มีคนสี่คนยืนรอยู่นอกห้องโถง
เมื่อเหลือบมองพวกเขาทั้งสี่ เจียงหลีถึงกับผงะ
ในสี่คนนั้น มีคนคุ้นเคยถึงสามคน!
พี่ใหญ่เจียงเฮ่าไม่ต้องพูดถึง เจียงหลีใช้พลังจิตส่องดูก็รู้แล้ว การเดินทางในครั้งนี้เจียงเฮ่าเป็นผู้ที่มีระดับการฝึกฝนสูงสุด หลิงหวังขั้นสอง!
ถูกลิขิตให้เป็นหลิงหวง ความสามารถมิใช่เล่นๆ!
นอกจากเจียงเฮ่าแล้ว เพื่อนเก่าของเจียงหลีก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน
ไป๋หลี่เฟิ่ง! ดวงตาของเจียงหลีเป็นประกายจางๆ โดยจำร่างนั้นได้ราวกับทะเลทรายกว้างใหญ่กลุ่มควันพวยพุ่ง
นกนับร้อยเผชิญหน้ากับหงส์ ไป๋หลี่เฟิ่ง!
หลังจากจากกันที่หนานฮวง กลับได้พบเจอกันในวันนี้ ในตอนนั้น ทั้งสองยังท้าประลองบนสังเวียนกันอยู่เลย และนางยังจำไฟในดวงตาของไป๋หลี่เฟิ่งได้ดี
เจียงหลีรู้ว่าไป๋หลี่เฟิ่งก็อยู่ที่ฮวงเสินตั้งแต่แรกแล้ว
เพียงแต่ ทั้งสองไม่ได้ไปมาหาสู่กันมาก จึงไม่ได้เริ่มออกตัวถามไถ่เรื่องราวของเขามากนัก
คาดไม่ถึงว่าเขาจะอยู่ในรายชื่อที่ได้ไปยังดินแดนผนึกมารด้วย สิ่งนี้ทำให้นางประหลาดใจไม่น้อย
ทันทีที่มองเห็นคนรู้จัก จิตวิญญาณของเจียงหลีก็ตกตะลึง ปรากฏความทรงจำของการมาที่โลกนี้เป็นครั้งแรกในใจ แล้วก็ถูกเจ้าเปี๊ยกในอ้อมแขนเกาหลังมืออย่างแรงโดยไม่ทันตั้งตัว
แคว่ก...!
เจียงหลีเจ็บปวดมาก และตื่นจากความทรงจำนั้น แล้วหันไปมองเจ้าเปี๊ยกผู้หนักแน่นที่จู่ๆ ก็อารมณ์เสีย
นางมองไปที่หลังมือ พบคราบเลือดสามจุดปรากฏขึ้นต่อหน้า
วันหลังจะถอดเล็บของเจ้าออกให้หมด! เจียงหลีแอบคิดในใจ
เมื่อละสายตาออกจากไป๋หลี่เฟิ่ง ยังมีอีกคนที่รู้จัก นั่นก็คือหันเหยากวงที่สอบเข้าสำนักมาพร้อมกับนาง
ทั้งสองก่อนหน้านี้เคยเจอกันที่สนามสอบเข้าสำนัก ต่อมาปะทะฝีมือกันที่สระสรรพสัตว์ และตอนนี้กำลังจะเข้าสู่ดินแดนผนึกมารด้วยกัน
เอิ่ม… นี่มันชะตากรรมแบบไหนกันเนี่ย!
เจียงหลีนิ่งเงียบอีกครั้ง กลับต้องแลกมากับคราบเลือดอีกสามจุดบนหลังมือของนาง
เจียงหลีจ้องไปที่เจ้าเปี๊ยกอย่างดุร้าย แต่ในแววตาของหลิวหลี กลับพบร่องรอยของความเย็นชา
เอ่อ…
นี่มันอะไรกัน
เจียงหลีแปลกใจเล็กน้อย ทำไมเจ้าเปี๊ยกแสนน่ารักของนางถึงจ้องมองด้วยแววตาเย็นชาเช่นนี้ นี่เหมือน... สามีที่ถูกสวมเขากำลังมองดูภรรยาที่กำลังปีนต้นงิ้วอยู่ก็ไม่ปาน
“…” เจียงหลีไม่เข้าใจ
หัวใจของนางที่มีต่อลู่เจี้ย ฟ้าดินเป็นพยาน! นางไม่มีทางปีนต้นงิ้วเป็นแน่! หึ!
เจียงหลีไม่สนใจปฏิกิริยาที่แปลกไปของเจ้าเปี๊ยก แต่กลับมุ่งความสนใจไปที่คนสุดท้าย ผู้หญิงคนนี้งดงามและดูสง่ามาก โดยที่ไม่รู้จักนางมาก่อน แต่เสื้อคลุมประจำตำหนักเย่ว์บนร่างกายของนางเป็นเครื่องยืนยันว่านางเป็นคนของตำหนักเย่ว์
ไม่เพียงแต่นางเท่านั้น ไป๋หลี่เฟิ่งก็สวมชุดคลุมประจำตำหนักเย่ว์เช่นกัน โดยคนทั้งห้า ยกเว้นเจียงหลี ล้วนมาจากตำหนักเย่ว์ทั้งหมด
“ไปกันแค่นี้หรือ” นางถามคำถามที่ทำให้เจียงหลีสับสนมากว่าหนึ่งเดือนอีกครั้ง
สำหรับฮวงเสินแล้ว คนที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่ได้มีแค่นี้แน่นอน แล้วทำไมถึงส่งไปแค่นี้เล่า
“จำนวนคนที่จะเข้าสู่ดินแดนผนึกมารในแต่ละรอบมีจำนวนจำกัด เมื่อแบ่งกันแล้ว คนของแต่ละกลุ่มอำนาจจึงมีไม่มาก” ซีไหลอธิบายข้างหูเจียงหลีเบาๆ
“เจียงเฮ่า หันเหยากวง ฉู่เฟยเยียน ไป๋หลี่เฟิ่ง” เสิ่นฉงเอ่ยชื่อพวกเขา
แต่ในความเป็นจริง เจียงหลีรู้จักทุกคนยกเว้นฉู่เฟยเยียน
ส่วนเจียงหลี เขาไม่ต้องแนะนำ เพราะเสื้อคลุมประจำตำหนักเย่าบนร่างกายของนางแสดงสถานะไว้ชัดเจนแล้ว