ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 127 ช่างเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่จริงๆ
“ข้าไปส่งพวกเจ้าเอง” หลังพบกัน เจียงหลียังไม่ทันได้มีเวลาคุยถึงเรื่องเก่าๆ เสิ่นฉงก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน
“ขอรับ! ท่านรองประมุข”
ทั้งสี่ขานรับพร้อมกัน
หลังเจียงเฮ่าแสดงความเคารพ ยังแอบส่งสายตาไปทางเจียงหลี
คุนอู๋เดินมาด้านหน้า นำของบางอย่างออกมาจากบริเวณหน้าอก เมื่อนำของชิ้นนั้นออกมา เจียงหลีก็รับรู้ได้ถึงคลื นพลังของการเคลื่อนย้ายที่ทรงพลัง
ซีไหลเดินตามมา นำของที่ดูคล้ายกับหยกก็ไม่ใช่ หินไม่เชิงออกมาพร้อมกับคุนอู๋ หลังจากวางไว้บนพื้นก็เกิดแหล ล่งพลังงานขึ้น ทั้งสองจึงถอยออกมายืนอยู่ที่มุมหนึ่ง
“ศิษย์น้องเล็กระวังตัวด้วย”
“พวกข้าจะรอเจ้ากลับมา”
คุนอู๋และซีไหลหันไปยิ้มกับเจียงหลี
ความเป็นห่วงที่ทั้งสองมีให้กับเจียงหลี ทำให้ในแววตาพี่ชายแท้ๆ อย่างเจียงเฮ่านั้นแสดงออกถึงความซาบซึ้งใจ เมื่ อคิดอยู่สักพัก จึงเดินไปด้านหน้า คารวะพวกเขาทั้งสาม แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ “ข้าเจียงเฮ่าขอใช้โอกาสนี ขอบคุณท่านรองประมุขทั้งสามเป็นอย่างมากที่ดูแลอาหลี”
“พวกเราไม่รู้ว่าอาหลีเป็นใคร พวกเรารู้เพียงว่า นางคือศิษย์น้องเล็กของพวกเรา” บนใบหน้าที่สง่างามดุจมารขอ องซีไหล มีรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้น
คุนอู๋ยิ้มเอ่ย “นางคือศิษย์น้องเล็กของพวกเรา พวกเราย่อมต้องดูแลเป็นธรรมดา เจ้าไม่ต้องเอ่ยคำขอบคุณใดๆ”
เสิ่นฉงหัวเราะเบาๆ ถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยคำใด แต่นั้นก็หมายความว่า ตัวเขานั้นคิดเหมือนพวกเขาทั้งสอง
แม้เป็นเช่นนี้ เจียงเฮ่าก็ยังคงแสดงความขอบคุณกับพวกเขาทั้งสาม
เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ เจียงหลีก็หันไปพูดกับเสิ่นฉงและทั้งสามอย่างตั้งใจ “ศิษย์พี่ทั้งสาม ขอบคุณพวกท่าน มาก รอข้ากลับมานะ”
“เข้ามาสิ” ไม่พูดพร่ำทำเพลง เสิ่นฉงก้าวเข้าไปอยู่ภายในพื้นที่พลังที่สร้างไว้แล้ว
เจียงหลีรีบตามเข้าไป พวกคนอื่นๆ ทั้งสี่ก็ต่างตามเข้ามา
ขณะที่กำลังก้าวเข้ามาอยู่ภายใน เจียงหลีก็รับรู้ได้ถึงพลังลมปราณที่ผสานเข้าด้วยกันและพลังของการเคลื่อนย้าย ยที่พร้อมปะทุขึ้นเสมอระหว่างหินที่ถูกจัดวางไว้
“ออกเดินทาง” หลังจากเสิ่งฉงพูดจบ ยกมือขึ้นบัญชาการ ทุกคนที่อยู่ภายในนั้นหายวาบไปจากที่เดิมที่เคยอยู่
แค่เวลาเพียงพริบตาเดียว พวกเขาก็มาถึงสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย
กลิ่นของความเค็ม เสียงของคลื่นซัดสาด ทำให้เจียงหลีและทุกคนรู้ถึงสถานที่ที่ตนเองยืนอยู่ เสิ่นฉงพาพวกเขาไปย ยืนอยู่บนโขดหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง ด้านหน้าเป็นท้องทะเลที่ดูกว้างไกลลิบตา
เพียงแต่ว่า น้ำทะเลที่ดูไม่เหมือนเคย เมื่อเทียบกับที่อื่น สีของมันดูเข้มกว่า และมีสีดำแฝงอยู่ไปทั่ว
“ศิษย์พี่ใหญ่ ที่นี่คือดินแดนผนึกมารหรือ” บรรดาลูกศิษย์ทั้งห้า มีเพียงแต่เจียงหลีที่กล้าเอ่ยปากสนทนากับเสิ นฉงอย่างไม่เกรงกลัว
เสิ่นฉงพยักหน้า “ใช่ แต่ก็ไม่เชิง ที่นี่คือทางเข้าของดินแดนผนึกมาร แต่มันยังไม่ถูกเปิด พวกเรารออยู่ตรงนี้ก ก่อน”
เช่นนี้นี่เอง
เจียงหลีเข้าใจแล้ว
“ศิษย์น้องเล็ก สังเกตเห็นที่ศิษย์พี่ทั้งสามของเจ้าจัดวางและสร้างพลังนั้นไหม” จู่ๆ เสิ่นฉงก็หันมาเอ่ยกับเจี ยงหลี แค่เพียงชั่วพริบตาเดียวเขาได้สร้างฉากกำบัง เพื่อที่จะได้ตัดเสียงของเขาสองคนจากโลกภายนอก
แววตาเจียงหลีเป็นประกาย พยักหน้าตอบรับ
“สิ่งของเหล่านั้นที่ใช้จัดวาง ในนั้นล้วนแต่เป็นศาสตร์ลับ และนั่นก็คือศาสตร์ลับประเภทที่สอง ที่แห่งนี้ห่าง งไกลจากฮวงเสินหลายหมื่นลี้ แค่เพียงพลังของข้าคนเดียว ไม่อาจจะเคลื่อนย้ายพวกเจ้าทั้งห้ามาได้ ดังนั้น จึงจำเป็ นต้องให้สองฝ่ายผนึกกำลังกัน และนี่ก็คืออีกหนึ่งวิธีที่ทำให้ศาสตร์ลับเกิดผลอย่างน่าอัศจรรย์ เจ้าจงจำไว้ว่ าศาสตร์ลับของฮวงเสินเรา ถึงแม้จะมีหลายประเภท แต่ก็ไม่ได้แบ่งประเภทกันอย่างเคร่งครัดนัก จะใช้อย่างไร จะผนึกก กำลังกันอย่างไร ทำอย่างไรให้เกิดศักยภาพสูงสุด ทั้งหมดล้วนอยู่ที่ความตระหนักและความเข้าใจของตัวบุคคลนั้น” เส สิ่นฉงเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง
เจียงหลีฟังอย่างตั้งใจ นางเข้าใจว่าเสิ่นฉงจะไม่พลาดทิ้งโอกาสใดๆ ในการให้ความรู้นาง หากเป็นไปได้ พวกเขาทั้ง สามแทบอยากจะให้ศาสตร์ที่ตนเองเรียนมา อัดความรู้เข้าไปในสมองนางให้หมดในคราเดียว
“แล้วก็ หลังจากเข้าไปดินแดนผนึกมาร ความเป็นผู้นำของเจ้ามีไว้เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดค คิด เอาไว้ใช้ในยามที่ขาดผู้นำจากสำนัก ซึ่งหน้าที่หลักของเจ้า ยังคงเป็นการฝึกฝนเพื่อพัฒนาความสามารถของเจ้า ให ห้ฝึกฝนอย่างหนัก เรื่องอื่น ไม่ต้องไปใส่ใจมากนัก” เสิ่นฉงได้เอ่ยเตือนอีกครั้ง
“เจ้าค่ะ” เจียงหลีขานตอบ
สิ่งที่ควรพูดก็ได้พูดหมดแล้ว เสิ่นฉงยังไม่ทันขยับตัวฉากกำบังแห่งเสียงก็ได้สลายไปแล้ว วิธีการทั้งหมดนี้ช่า างยอดเยี่ยมยิ่งนัก เจียงเฮ่าและคนอื่นๆ ไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งใดเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
“หลังข้าส่งพวกเจ้าเข้าไปแล้ว ก็จะขอตัวลา หลังจากนี้อีกสองปี ข้าจะกลับมาที่นี่เพื่อรับพวกเจ้า ในดินแดนผนึกม มาร พวกเจ้าต้องดูแลซึ่งกันและกัน หากเผชิญอุปสรรค ก็ขอให้ฟังเจียงหลี” เสิ่นฉงหันกลับมา เพื่อกำชับพวกเขาทั้งสี
แน่นอนว่าพวกเขาทั้งสี่ไม่ได้คัดค้านอะไร
ตัวเจียงเฮ่านั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก ส่วนหันกวงเหยากวงหลังจากปะทะฝีมือกันไปสองครั้ง ยังจะกล้าถือว่าตนเหน นือกว่าคนอื่นได้อีกหรือ ตัวไป๋หลี่เฟิ่งเองเดิมทีก็เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว ในใจเขาคิดอะไรอยู่ ก็ไม่อาจล่วงรู ได้ และในส่วนของฉู่เฟยเยียนทำตัวเย็นชาเสมอมา ร่างกายเขามีกลิ่นอายเหมือนห้ามให้คนเขามายุ่งกับเขา
…
คนจากฮวงเสินทั้งหกคนยืนอยู่บนโขดหินเพื่อรอเวลา
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม มีเสียงนกร้องดังมากจากบนฟ้า มีเงาดำขนาดใหญ่เกิดขึ้นบนฟ้า แผ่คลุมไปที่เจียงหลีและ ะคนอื่นๆ
เงาดำไม่ได้มีเพียงแค่ที่เดียว บริเวณหลายทิศทางจากทะเลก็มีหมอกมืดปรากฏขึ้นค่อยคืบคลาน
นกปี้อวิ๋น เข้ามาใกล้แล้ว เจียงหลีถึงรู้ตัว
เงาดำเหล่านั้น ไม่เพียงแต่กว้างใหญ่ แต่ล้วนแฝงด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ นี่คือสัญลักษณ์การมาถึงของนกปี้อวิ๋น
แสงทะลุผ่านกลุ่มเมฆ นกปี้อวิ๋นบินลงมา ชั่วขณะนั้น ทั้งซ้ายและขวาของกลุ่มคนจากฮวงเสินที่ยืนอยู่บนโขดหินก็ เต็มไปด้วยกลุ่มอำนาจต่างๆ
เจียงหลีใช้สายตานับคร่าวๆ มีคนอยู่ราวห้าสิบคน
หากทุกกลุ่มอำนาจส่งคนมาเข้าร่วมห้าคน หักคนที่ร่วมเดินทางมาด้วย ถ้าอย่างนั้นคนที่เข้าร่วมก็มีเพียงราวหกถึ งเจ็ดกลุ่มอำนาจ เจียงหลีคิดคร่าวๆ ในใจ
“ทุกครั้งที่ดินแดนผนึกมารถูกเปิดออก คนที่จะเข้าไปได้มีเพียงแค่สามสิบห้าคนเท่านั้น แต่ทว่า เมืองซีฮวงนั้น มี กลุ่มอำนาจอยู่มากมาย ดังนั้น ทุกครั้งรายชื่อของกลุ่มที่ได้เข้าไป ต่างก็มาจากกลุ่มอำนาจระดับกลางและสูงสับเป ปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ครั้งนี้กลุ่มอำนาจระดับสูงมีอยู่สามฝ่าย แบ่งออกเป็น วังเทียนอู่กง ตำหนักหลีหั่ว และป้อ อมปราการเฟยอวิ๋น”
กลุ่มอำนาจระดับสูงทั้งเจ็ด ครั้งนี้ก็หมุนเวียนมาไม่ถึงครึ่ง!
แสงประกายจากดวงตาเจียงหลีนั้นหรี่ลง รับรู้ได้ถึงการแบ่งทรัพยากรของทางซีฮวง นางมองหาวังเทียนอู่กงท่ามกลาง งกลุ่มคนเหล่านั้น ในสุดนางก็เห็นลูกศิษย์ที่สวมชุดของวังเทียนอู่กง
ทันใดนั้น แววตานางเป็นประกายอีกครั้ง มุมปากมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น บรรดากลุ่มคนในวังเทียนอู่กง นางเห็นเงาของกงเ เสวี่ยฮวาปรากฏอยู่
“คนทางด้านนั้นแต่งกายประดุจกลุ่มเพลิง เป็นคนของตำหนักหลีหั่ว” เสิ่นฉงแนะนำให้กับทุกคน
เจียงหลีหันไปมองทางนั้น ดวงตาปรากฏให้เห็นถึงความตกใจเพียงเล็กน้อยโดยฉับพลัน ดูเหมือนว่า…ในกลุ่มคนจากตำหนักห หลีหั่วนั้น จะมองเห็นเงาคนที่เคยรู้จักกันมาก่อน
“เมื่อเข้าไปได้แล้ว พวกเจ้าจะต้องระวังคนจากป้อมปราการเฟยอวิ๋น” จู่ๆ เสิ่นฉงก็กระซิบเตือนพวกเขาทั้งห้า
ป้อมปราการเฟยอวิ๋น!
แสงประกายจากดวงตาเจียงหลีดับลง คนที่ทำให้ฮวงเสินร่วงจากกลุ่มอำนาจระดับสูงก็คือป้อมปราการเฟยอวิ๋น ว่ากันว ว่าป้อมปราการเฟยอวิ๋นนี้ศักยภาพอยู่กลุ่มอำนาจระดับกลางมาตลอด แต่ไม่รู้ว่าอย่างไร ในงานปาฐกถาเจ้าครองนครครั้ งนั้นเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ดึงฮวงเสินจากตำแหน่งกลุ่มอำนาจระดับสูงของทางซีฮวงลงมาในทันใด พูดได้ว่า ระหว่างป้อมปราการเฟยอวิ๋นและฮวงเสิน ยังมีความแค้นเก่าที่ยังคงอยู่!
“ที่เหลือเป็นกลุ่มอำนาจระดับกลาง นอกจากฮวงเสินของเรา ก็มีกลุ่มสำนักฝัวหมัว วังเวิ่นฉิงและสำนักหลีหุนจง” หลังจากที่เสิ่นฉงพูดเตือน ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก และก็แนะนำกลุ่มอำนาจต่างๆ ให้กับพวกเขา
มุมปากเจียงหลียกขึ้นเป็นมุมโค้ง อืม ครั้งนี้มากันพร้อมหน้ากันจริงๆ กลุ่มอำนาจที่นางเคยคบค้าสมาคมด้วยล้วนมา ากันหมด
“ฮ่าๆๆ…ข้าว่าแล้ว ทุกครั้งที่ฮวงเสินปรากฏตัว พวกเขาก็จะมาถึงเป็นคนแรกกลุ่มแรกเสมอ”