ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 129 ฮวาฮวา...เจ้ายอดเยี่ยมมาก
ตู้มมม!
เสียงดัง มาจากทางด้านหน้า
เจียงหลีชะงักไป มองเห็นกลุ่มคนจากป้อมปราการเฟยอวิ๋น ร่นถอยไปอย่างรวดเร็ว
“อาหลี!” เจียงเฮ่ามาถึงข้างกายเจียงหลี รีบถามอย่างรวดเร็ว “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
เจียงหลีส่ายหน้า มองซ้ายมองขวา คนอื่นจากฮวงเสิน ได้มารวมตัวอยู่ข้างนางแล้ว ในเวลานี้ เสิ่นฉงไม่อยู่แล้ว สาย ยตาของไป๋หลี่เฟิ่งที่มองไปทางนาง ดูมีความรู้สึกบางอย่างที่มากขึ้น
ก็ดี เมื่อมองเห็นสายตาเช่นนี้ของเขา เจียงหลีก็มั่นใจว่าไป๋หลี่เฟิ่งจำนางได้
ไม่อย่างนั้น ท่าทีก่อนหน้านี้ที่ดูนิ่งเฉยของเขา ทำให้นางคิดไปว่าตนเองคงจำคนผิดแล้ว
ชิ้งๆๆ!
กลุ่มดาบสังหารสีดำ ถูกแกว่งมาจากด้านหน้า
คนจากป้อมปราการเฟยอวิ๋นทั้งห้า ยืนเรียงกันเป็นแถว แกว่งดาบไม่หยุดเพื่อขวางเอาไว้
“พวกชั่วนี่!” เสียงของกงเสวี่ยฮวา ดังเข้าหูเจียงหลี
เจียงหลีหันไปมอง มองไปกงเสวี่ยฮวากำลังนำคนจากวังเทียนอู่กงมา และยืนอยู่กับคนจากฮวงเสิน
“เจ้ารู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” เจียงหลีเอ่ยถาม
กงเสวี่ยฮวากัดฟันตอบ “ต้องเป็นไอ้พวกชั่วป้อมปราการเฟยอวิ๋นไม่ระวังตัวไปโดนกลไกการเปิดทางเข้าออก”
“พวกเรายังอยู่ด้านนอกหรือ” เจียงเฮ่ามองไปทางเข้าแล้วเอ่ยถาม
“อืม” กงเสวี่ยฮวาพยักหน้าอย่างแรง คิ้วขมวด ดวงตาแสดงออกถึงความเคร่งขรึม
น้อยครั้งมากที่เจียงหลีจะเห็นเขาเป็นเช่นนี้ จึงเอ่ยถาม “มีอะไรแปลกไปหรือ”
“แปลกหรือ นี่มันแปลกไปมาก! หากในเวลาอันสั้นนี้ พวกเรายังเข้าไปในดินแดนผนึกมารไม่ได้ ก็จะหายไปจากช่องทาง งนี้ เข้าไปสู่มิติที่ไม่ชัดเจน แล้วอาจตายได้ หรือไม่ก็อาจจะโดนขังไว้ที่นี่ไปชั่วชีวิต เข้าและออกไปไม่ได้” ” น้ำเสียงของกงเสวี่ยฮวาดูเดือดดาล
เมื่อรู้ถึงความร้ายแรง เจียงหลีและคนอื่นๆ ก็เข้าใจความโกรธของกงเสวี่ยฮวา
“เทพธิดา ท่านดูพวกเขา” หญิงสาวทั้งห้าจากวังเวิ่นฉิงยืนอยู่ด้วยกัน หนึ่งในนั้นเอ่ยกับไหวปี้อย่างเบาเสียง
ไหวปี้หันไปมอง มองไปเห็นคนทั้งห้าจากสำนักหลีหุนจงกำลังจ้องมาด้วยท่าทางอันดุดัน ชิ นางส่งเสียงแสดงความไม่พ พอใจ แล้วเบี่ยงสายตาไปทางอื่น
“เทพธิดา คนพวกจากสำนักหลีหุนจงดูน่าสะอิดสะเอียนมาก โดนพวกมันจ้องมองเช่นนี้ ในใจข้าก็กลัว” อีกคนหนึ่งเอ่ย ยกับไหวปี้อย่างไม่สบายใจ
แววตาของไหวปี้เป็นประกาย มองทางไปเจียงหลีและกงเสวี่ยฮวา แล้วตัดสินใจ “ไป”
นางนำคนจากวังเวินฉิ่ง รีบเดินเข้าไปใกล้กลุ่มของเจียงหลี
เมื่อรับรู้ได้ว่ามีลมปราณใกล้เข้ามา เจียงหลีหันไปมอง มองเห็นไหวปี้พาเหล่าลูกศิษย์จากวังเวิ่นฉิง มาถึงอย่าง ว่องไว เอ่ยปากพูด “ในเมื่อโดนขวางทางเช่นนี้ พวกเราเป็นพันธมิตรวางแผนรับมือด้วยกันดีกว่าไหม”
เจียงหลียังไม่ทันจะได้ตอบกลับ ก็มองไปเห็นกลุ่มคนที่มีแสงสีแดงสวยงามทั้งห้า มาจากระยะไกลแล้วมาหยุดอยู่ข้าง พวกเขา
ครั้งนี้ นางมองเห็นพวกคนใส่ชุดสีแดงนั้นได้อย่างชัดเจน เป็นเพื่อนเก่าจากซีฮวงจริงๆ… ฉินเทียนอีนั่นเอง
หลังจากราชวงศ์โฮ่วจิ้นล่มสลาย คนผู้นี้ก็หายเข้ากลีบเมฆ หลังจากนางเป็นจักรพรรดินี ก็ได้ยินมาว่าตระกูลฉินส่งต ตัวให้กลุ่มอำนาจบางกลุ่มในซีฮวงเพื่อฝึกฝน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นตำหนักหลีหั่ว
ฉินเทียนอียิ้มให้เจียงอย่างสนิทสนม ถึงแม้ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาก็รู้เวลานี้ ไม่ใช้โอกาสที่จะมารำลึกถึงความหลั ง
“วิถีอิสระแห่งตนไร้ที่สิ้นสุด! ในเมื่อทุกท่านมาล้วนมารวมตัวกัน ปรึกษาหารือแผนรับมือ ไม่อาจขาดสำนักฝัวหมัวไ ได้” นักบวชทั้งห้า จู่ๆ ก็มาร่วมวงด้วย
ในเวลานั้น คนอื่นๆ และเจียงหลีที่ยืนอยู่บริเวณนั้น นับเป็นสองในสามของคนทั้งหมด
“…” เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้ ทำให้เจียงหลีรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ
กงเสวี่ยฮวาเกาศีรษะเอ่ย “ข้าว่าทุกท่าน ที่เข้ามาดินแดนผนึกมาร ก็ต่างมาฝึกฝนกันเอง พวกท่านมารวมตัวกันทำอะ ะไร” เขาชี้ไปที่เจียงหลีและเจียงเฮ่า “ข้ากับเขาทั้งสองรู้จักกันมานานแล้ว มาอยู่ด้วยกัน นับเป็นเรื่องปกติ พว วกท่านทั้งหมดมารวมกันทำไม”
“ข้ากับพวกเขาก็รู้จักกันมาก่อนแล้ว” รอยยิ้มไหวปี้ดูงดงามจนไม่อาจมีใครเทียบได้
ฉินเทียนอีก็พูดขึ้นมา “อืม ล้วนรู้จักกันมาก่อนแล้ว”
“…” มุมปากของกงเสวี่ยฮวาเหยียดออก พูดหยอกกับเจียงหลีที่อยู่ข้างกายเบาๆ “เจ้ารู้จักคนทั่วหล้าจริงๆ!”
“…” เจียงหลีไม่ได้พูดอะไร
เรื่องนี้ นาง…เอ่อ…เป็นเรื่องเหนือความความหมายจริงๆ ล้วนเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย…
“สันติภาพไม่มีที่สิ้นสุด ถึงแม้พวกเราจะไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ตอนนี้ก็มาทำความรู้จักกันได้!” ผู้นำสำนักฝัวหมัว พระมหาอินฮูมุมปากยกขึ้น ปรากฏให้เห็นฟันขาวเรียงตัวสวย
รอยยิ้มที่ดูไร้ซึ่งความอันตราย คล้ายดังพระพุทธรูปที่อยู่ในวัด
กลุ่มอำนาจทั้งเจ็ด ตอนนี้มีห้ากลุ่มที่ร่วมมือกันแล้ว จู๋เยี่ยนจากสำนักหลีหุนจงขมวดคิ้ว มองไปทางกลุ่มป้อมปร ราการเฟยอวิ๋นที่ถูกบังคับให้ถอยร่นไปอีกทางหนึ่ง
“ไป” เข้ายกมือขึ้นนำ ไปยังที่คนจากป้อมปราการเฟยอวิ๋นอยู่
กลุ่มป้อมปราการเฟยอวิ๋นมองเห็นคนจากสำนักหลีหุนจงใกล้เข้ามา ต่างแสดงสีหน้ารังเกียจ
แต่ทว่า จู๋เยี่ยนนั้นไม่สนใจ และเอ่ยกับอวิ๋นซู่ผู้นำของป้อมปราการเฟยอวิ๋น “ข้าสำนักหลีหุนจงมาช่วยเป็นเสริมแ แรงให้เจ้าป้อมปราการเฟยอวิ๋นดีหรือไม่”
อวิ๋นซู่ยิ้มเหยียดหยาม “สำนักหลีหุนจงของเจ้าไม่มีหุ่นเชิด จะมีประโยชน์อะไร”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ”
“นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะดูหมิ่นดูแคลนสำนักหลีหุนจงของพวกเรา!”
สำนักหลีหุนจงที่เหลือสี่คน สายตาดำมืด ล้วนพากันกวาดมองไปยังป้อมปราการเฟยอวิ๋น พวกป้อมปราการเฟยอวิ๋นก็ไม่ยอ อมอ่อนข้อให้ หันไปจองเขม็งอย่างดุดัน
“ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะกัน” จู๋เยี่ยนยกมือ ทำให้คนจากสำนักหลีหุนจงเงียบลง เขามองไปอีกทางหนึ่ง ยิ้ม มแล้วเอ่ยกับอวิ๋นซู่ “หรือเจ้าอยากมารวมมือกับพวกเขา”
อวิ๋นซู่เหลือบตาขึ้น สีหน้าคงเดิมมองไปทางฮวงเสิน
ความแค้นระหว่างป้อมปราการเฟยอวิ๋นและฮวงเสิน ยังคงอยู่มาอย่างยาวนาน ไม่อาจลงรอยกันได้ในเร็ววัน แน่นอนว่าเขาไ ไม่มีทางไปรวมมือกับฮวงเสิน แต่ไม่รู้ว่าทำไม กลุ่มอำนาจในครั้งนี้ ล้วนไปห้อมล้อมกับทางฮวงเสิน
หรือว่า เป็นเพราะสตรีรูปงามนางนั้น เขามองไปทางเจียงหลีที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน แล้วแอบคิดในใจ
ณ เวลานั้น ทางฝั่งของเจียงหลี นางพลิกฝ่ามือเก็บเจ้าเปี๊ยกไว้ในอ้อมอก “ตอนนี้สถานการณ์คับขัน มารวมมือกันก่ อน ออกไปได้ค่อยว่ากันอีกที”
เมื่อกงเสวี่ยฮวาได้ยิน ก็รีบดึงเจียงหลีมาไว้อีกข้าง เอ่ยเสียงเบาๆ “ข้ามีวิธีที่ทำให้กลุ่มอำนาจทั้งสองขอ องเราเข้าไปได้ หากคนเยอะ ข้ากลัวว่าอาจรับมือไม่ไหว!”
เมื่อเจียงหลีเห็นสีหน้าลำบากใจของเขา ก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงไม่เต็มใจร่วมมือกับทุกคน
“วิธีอะไร เจ้าพูดให้ข้าฟังซิ” เจียงหลีเอ่ยถาม
กงเสวี่ยฮวากระซิบข้างๆ หูนางอย่างเบาเสียงหลายประโยค ประโยคสุดท้ายที่เอ่ย “ข้ายืนหยัดได้มาสุดเพียงสิบลมหา ายใจ ในสิบลมหายใจ ไม่อาจทำให้คนทั้งหมดเข้าไปได้”
วิธีของกงเสวี่ยฮวาตรงไปตรงมาเป็นอย่างมาก ก็คือใช้พลังวิญญาณของตนเองเกือบหมด เพื่อทำลายฉากกั้นตรงหน้าเพื่อ เข้าไปในดินแดนผนึกมาร แต่เขาคำนวณมาแล้ว หากอาศัยพละกำลังของเขา ก็ยืนหยัดได้เพียงสิบลมหายใจ
ริมฝีปากของเจียงหลียกยิ้ม “เจ้าโง่รึ แค่เจ้าสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่าง แล้วพวกกลุ่มอำนาจอื่นที่เข้าไปไม่ทัน เ เขาก็ทำตามเอง ไม่ต้องให้เจ้ามาห่วงหรอกว่าจะมีเวลามากพอพาทุกคนออกไปหรือไม่”
หลังจากเจียงหลีเตือน กงเสวี่ยฮวากระจ่างในทันที! “ตกลง ทำตามนี้แล้วกัน!” เสียงเงียบลงร่างกายของเขาเหมือนมีแส สงกระจายออกไป ร่างกายระเบิดพลังที่ทรงพลังออกมา ทะลุออกไปทางด้านหน้า
อ๊ากกก! กงเสวี่ยฮวาส่งเสียงคำราม มีแสงสะท้อนออกมาทั่วตัว คาดไม่ถึงว่าจะใช้เพียงมือเปล่าเปิดทางเข้า “รีบไป!”
คนของวังเทียนอู่กง เอ่ยแฝงความนัยไปก่อนแล้ว เมื่อกงเสวี่ยฮวาลงมือ ก็ต่างพากันออกไป คนของฮวงเสิน ก็ทำตา ามการนำของเจียงหลี ไปยังทางเข้าที่เปิดออก…