ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 13 รู้จักคำว่าอย่าดูสิ่งที่ผิดจริยธรรมหรือไม่
หลังออกมาจากห้องของชิงหว่าน เจียงหลีคิดไว้แล้วว่าจะใช้อำนาจของสำนักพรตเสวียนหมิงช่วยนางสืบข่าวหาที่อยู่ของหนานอู๋เฮิ่น
จากที่รู้จักสำนักพรตเสวียนหมิงในตอนนี้ หากข่าวของหนานอู๋เฮิ่นถูกเปิดเผยออกไป เกรงว่าอาจจะกลายเป็นข้อต่อรองที่ควบคุมนาง
ดังนั้นต้องแน่ใจว่าหนานอู๋เฮิ่นเป็นตายร้ายดีอย่างไร จึงทำได้เพียงค่อยคิดอีกครั้ง
แต่ทว่าเจียงหลีเชื่อมั่นหากหนานอู๋เฮิ่นยังมีชีวิตอยู่ก็คงคิดหาทางตามข่าวนางเช่นกัน
สงสัยจำเป็นต้องหาโอกาสออกไปจากที่นี่ แต่ไอ้ยันต์ธาราทมิฬนี่ เจียงหลีมีสีหน้าเย็นชาแล้วกลับห้องของตนเอง
เจ้าก้อนขนยังคงนอนหลับอุตุอยู่บนผ้าปูที่นอน เจียงหลีเข้าไปดูใกล้แล้วถอยกลับมาไม่ได้ไปรบกวน
นางเดินไปที่นั่งในห้องและนั่งขัดสมาธิพยายามดูว่านางสามารถบังคับยันต์ออกได้หรือไม่
อย่างไรก็ตามพลังวิญญาณของนางได้หายไปเป็นเวลาหลายสัปดาห์และนางไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของยันต์เลย เจียงหลีที่ไม่ท้อใจปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์นกอมตะออกมาและใช้พลังของนกอมตะตรวจสอบร่างกายเพื่อบังคับให้ยันต์ออกมา
การพยายามนี้ใช้เวลาเกือบทั้งวัน เจียงหลีพยายามแล้วพยายามเล่าจนเหงื่อโทรมกาย เสื้อผ้าที่เปลี่ยนผัดมาใหม่เปียกชุ่มแต่ก็ยังคงไม่มีวิธีบังคับยันต์ให้ออกมาได้
ไม่ ไม่ใช่ไม่มีวิธี แต่หาการมีอยู่ของยันต์ไม่ได้ตั้งแต่แรกต่างหาก
เหมือนมันได้หลอมรวมเข้ากับร่างกาย หายไปไม่พบเห็น
หรือว่าต้องตายอีกครั้งถึงจะสามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของยันต์ธาราทมิฬได้ เจียงหลีเก็บวิญญาณยุทธ์นกอมตะแล้วขมวดคิ้วมุ่นจนเป็นปม
ชิงหว่านเล่าว่าเมื่อยันต์ถูกฝังเข้าไปในร่างแล้วก็จะถูกผู้อื่นควบคุม แม้แต่กระทั่งคนที่ฝังยันต์ก็ไร้หนทางถอนออก
หากไม่เอายันต์ธาราทมิฬออก กลัวว่าจะหาโอกาสออกไปได้ยาก เจียงหลีแอบคิดในใจ สีหน้าของนางตอนนี้มืดมนน่ากลัวและไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง
นางไม่เชื่อว่าไม่มีทางแก้ไขยันต์ธาราทมิฬ
เจียงหลีค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาเป็นประกายสะท้องแสงที่คมชัด
ร่างกายเหนียวเหนอะแทบทนไม่ได้ เจียงหลีลงมาจากตั่งแล้วเรียกสาวใช้เพื่อเตรียมอาบน้ำให้นาง
ห้องพักที่ทางสำนักพรตเสวียนหมิงจัดเตรียมไว้สำหรับธิดาสวรรค์ไม่มีห้องอาบน้ำส่วนตัว ดังนั้นจึงมีเพียงถังอาบน้ำเท่านั้นที่วางไว้ในห้องคั่นด้วยฉากกั้นซึ่งแยกพื้นที่สำหรับอาบน้ำและพักผ่อน
สาวใช้ขยับตัวเร็วมากและในไม่ช้าก็เติมน้ำในอ่างและโรยกลีบดอกไม้ลงบนนั้น
“พวกเจ้าออกไปเถอะ” เจียงหลีพิงฉากกั้นแล้วเอ่ยขึ้นกับสาวใช้
สาวใช้ถามอย่างสงสัย “ธิดาสวรรค์ ไม่ต้องให้พวกข้าอยู่ปรนนิบัติหรือเจ้าคะ”
เจียงหลีส่ายหน้า “ข้าทำเองได้ เดี๋ยวข้าจะบอกให้พวกเจ้าเข้ามาเก็บกวาดทีหลังเอง”
“เจ้าค่ะ”
สาวใช้ก็ไม่ดื้อรั้นจากนั้นจึงเก็บถังเปล่าออกจากห้องของเจียงหลีไป
หลังจากปิดประตูเจียงหลีก็ถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นแขวนไว้ที่ฉากกั้น จากนั้นก็ก้าวขาเรียวยาวตรงไปที่อ่างอาบน้ำ
การแช่น้ำอุ่นจะช่วยคลายความเมื่อยล้าและผ่อนคลายอารมณ์
เจียงหลียกศีรษะขึ้นพิงขอบอ่างและหลับตาพักผ่อน นางรู้สึกสบายตัวเมื่อถูกน้ำอุ่นล้อมรอบ
ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ในเมื่อเข้ามายังซีฮวงแล้วต้องรีบแก้ไขเรื่องยันต์ธาราทมิฬ ต้องไปให้พ้นจากสำนักพรตเสวียนหมิงเสียก่อนแล้วค่อยไปตามหาที่อยู่ฮวงเสิน ไม่แน่ หนานอู๋เฮิ่นอาจกลับไปถึงฮวงเสินแล้วก็เป็นได้ ในขณะที่หลับตาพักผ่อน เจียงหลีก็มิอาจหยุดความคิดในหัวได้เลย
ไม่รู้ว่าผ่านไปเท่าไหร่ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบหรือแม้แต่เสียงน้ำที่กระเซ็นด้านหลังฉากกั้นก็หายไป
ท้องฟ้ามืดลง แสงเทียนในตำหนักก็สว่างมากยิ่งขึ้น ในฉากกั้นสลัวได้มีเงาสะท้อนอันน่าหลงใหล
เจ้าเดรัจฉานน้อยที่นอนหลับตลอดทั้งวันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา นัยน์ตาสีอ่อนราวกับเคลือบเงาส่องแสงสกาวด้วยตนเอง
สักพักสายตาของมันก็จับจ้องไปที่ฉากกั้นนั้นและถูกเงาร่างยั่วยวนน่าหลงใหลภายใต้ฉากสลัวดึงดูดเข้าไป
เจ้าเดรัจฉานน้อยเบิกตากว้างกะพริบตาปริบๆ จมูกสีชมพูที่ปกคลุมไปด้วยขนปุกปุยขยับเล็กน้อย ร่างกายที่ขดม้วนเป็นก้อนลุกขึ้นนั่งตัวตรงช้าๆ อย่างอดไม่ได้
เงาร่างยั่วเย้าบนฉากกั้นดูเหมือนจะประทับอยู่ใต้ดวงตาของมันและคงอยู่ไม่ไปไหน
แม้กระทั่งการจินตนาการว่าหลังจากเอาฉากกั้นที่บดบังทัศนียภาพออกจะมีการเคลื่อนไหวเช่นไร
ทำไมถึงไม่มีความเคลื่อนไหว มันค่อยๆ ได้สติกลับมาจากความลุ่มหลง เจ้าเปี๊ยกจึงสังเกตเห็นว่าดูเหมือนคนหลังฉากนั้นช่างเงียบเกินไปแล้ว
หัวใจของมันว้าวุ่น จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วปีนลงจากเตียง
และในขณะนั้นเองมีลมกระโชกแรงพัดเข้ามาในห้องโดยดับแสงเทียนที่อยู่ด้านหลังฉากกั้น แสงและเงาในห้องโถงหรี่ลงและร่างที่น่าหลงใหลบนฉากกั้นก็หายไป
เจ้าเปี๊ยกตกตะลึงและมีเสียงน้ำแตกจากการโสตหูของมัน
ร่างของเจ้าก้อนขนสั่นเทิ้มและมันก็ไม่ขยับตัวอีก
ไม่นานนัก เงาร่างยั่วเย้าที่น่าหลงใหลและไม่เป็นรองใครก็มาปรากฏตัวต่อหน้าของมัน
เจียงหลีสวมเพียงเสื้อคลุมรัดรูปและกางเกงขายาวที่บางราวกับปีกจักจั่นแล้วทั้งร่างคลุมด้วยชุดยาวบางอีกชั้น เส้นผมเปียกชื้นกระจายตามตัวของนาง หยดน้ำตกลงมาตามปลายผมทำให้เสื้อคลุมตัวบางยาวของนางเปียกเล็กน้อยและโปร่งใสยิ่งขึ้น
นางพิงฉากกั้นอย่างอ้อยอิ่ง ใบหน้างดงามยั่วเย้าทำให้คนหวั่นไหวใจสั่น เผยให้เห็นเรียวขายาวกลมกลึง เกรงว่าต่อให้นางไม่ต้องทำอะไรก็มีเสน่ห์ที่ยั่วยวนผู้คนได้
“หลิวหลี เจ้าเข้าใจคำว่าอย่าดูสิ่งที่ผิดจริยธรรมหมายถึงอะไรหรือไม่” เจียงหลีหรี่ตามองเจ้าเปี๊ยกที่ยืนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
“…” แสงในดวงตาของเจ้าเปี๊ยกมืดลง แน่นอนว่ามันจะไม่ตอบโต้ใดๆ กลับไปเด็ดขาด
เพียงแต่ในส่วนลึกของดวงตาเคลือบเงาของมันนั้นกลับลุกโชนด้วยเปลวไฟเร่าร้อน หญิงสาวที่สมควรตายคนนี้นี่ ไม่รู้รึไงว่านางดูเย้ายวนแค่ไหนหลังอาบน้ำเสร็จ
เมื่อไม่ได้รับปฏิกิริยาตอบรับจากเจ้าเปี๊ยก เจียงหลีจึงหันไปสนใจเช็ดผมเปียกของตนต่อ จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใคร่สนใจนัก “ช่างเถอะ ถึงอย่างไรเจ้าก็พูดไม่ได้ เป็นสัตว์บ้าใบ้”
!
แววตาเจ้าเปี๊ยกเป็นประกายวูบไหว มันสัมผัสได้ถึงอารมณ์มัวหมองของเจียงหลี
เกิดเรื่องอะไรขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้นมันเกิดขึ้นในช่วงระหว่างที่มันหลับและฝึกบำเพ็ญ
มันอยากจะเอ่ยคำพูด เพียงแต่ตอนนี้มันยังอ่อนแออยู่มากจนปริปากพูดไม่ได้ มันจึงทำได้เพียงส่งเสียงร้องที่เจียงหลีฟังไม่รู้เรื่องออกมา
อีกทั้งแม้กระทั่งมันยังรังเกียจเดียดฉันท์น้ำเสียงของตัวเอง มันจะส่งเสียงต่อหน้าเจียงหลีได้อย่างไร
เจียงหลีไม่สนใจใยดีมันอีก จากนั้นหยิบผ้าเช็ดหน้าที่แห้งแล้วเช็ดผมที่เปียกปอน
เจ้าเปี๊ยกมองไปที่นางเงียบๆ สมองของมันพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
มันรู้สึกโทษตัวเองว่าทำไมถึงนอนกินบ้านกินเมืองขนาดนั้น แต่ทว่านี่มันไม่ใช่เรื่องที่มันสามารถควบคุมได้ตั้งแรก การฝึกบำเพ็ญของเผ่านี้ก็ต้องอาศัยการนอนหลับ อีกทั้งยิ่งเด็กอายุน้อยก็ยิ่งต้องการเวลานอนมาก
ก่อนหน้านี้มันอยู่กับเจียงหลีบนเกาะน้อยทั้งวัน มันได้ดึงพลังจิตวิญญาณออกมาสนับสนุนมันตลอดเวลาไปแล้ว ฉะนั้นตอนนี้มันถึงได้ง่วงนอนตลอดทั้งวัน
“หลิวหลี เรานอนกันเถอะ” หลังจากเจียงหลีเช็ดผมแห้งแล้วก็เดินมายังข้างเตียง จากนั้นอุ้มเจ้าเปี๊ยกขึ้นมานอนด้วยกัน
เจ้าเปียกนอนบดเบียดในอ้อมกอดของนางและมันได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของนางลอยมาเตะจมูกจึงทำให้จิตใจของมันตกอยู่ในห้วงภวังค์
ทันใดนั้นมันก็ได้ยินเสียงเจียงหลีพูดขึ้น “หลิวหลี เจ้าเป็นตัวผู้ ข้านอนกอดเจ้าเยี่ยงนี้แล้วไม่สะดวกใจรึเปล่า ต่อให้เจ้าเป็นตัวผู้แต่ถึงยังไงก็ทำอะไรข้าไม่ได้อยู่ดี! ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“…” เดรัจฉานน้อยบางตัวรู้สึกเหมือนตัวเองหน้าม้าน