ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 14 ความคิดบ้าๆ ของเจ้าเปี๊ยก
เจ้าเปี๊ยกถูกเจียงหลีกอดเอาไว้ในอ้อมแขนแล้วนอนบนเตียงเดียวกัน
หญิงสาวที่มีเสน่ห์ยั่วยวนเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ส่วนเจ้าเปี๊ยกกลับนอนไม่หลับ ปลายจมูกแหลมของมันยังคงวนเวียนกับกลิ่นหอมบนเรือนร่างของนาง
นั่นไม่ใช่กลิ่นหอมฉุน แต่เป็นกลิ่นกายหอมธรรมชาติของหญิงสาว
ท่าทางการนอนหลับของนางสงบนิ่งมาก ไม่แยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆ และขี้แกล้งคนเหมือนตอนที่นางตื่น
แต่ทว่าทุกครั้งที่นางหายใจหน้าอกของนางพองขึ้นและยุบลง
ใบหน้าของเจ้าเปี๊ยกแนบกับก้อนเนื้อนุ่มนิ่มพอดิบพอดี รสสัมผัสเช่นนี้มันช่าง…
ฟืดดด!
เดรัจฉานน้อยสูดเอาไอร้อนในโพรงจมูกกลับเข้าไปอย่างรุนแรง เป็นครั้งแรกที่มันนึกเสียใจว่าทำไมมันถึงเลือกรูปลักษณ์ในปัจจุบันนี้
ดังที่เจียงหลีกล่าวแม้ว่ามันจะกลายเป็นสัตว์ร้ายจริงๆ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เจ้าเปี๊ยกที่ไม่ง่วงนอนเลยสักนิดเบิกตาโต ในส่วนลึกของลูกตาเคลือบใสควบแน่นไอสังหารที่เฉียบคม ทว่าเจตนาฆ่าไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ใครแต่อยู่ที่ตัวเอง
เขาอยากฆ่าตัวเองได้หรือไม่
ในขณะที่คิดเช่นนี้ มันก็ได้ยกกรงเล็บสีชมพูอ่อนโยนขึ้นและชี้ไปที่ตัวมันด้วยเล็บอันแหลมคมของมัน
เพียงแค่มันขยับเข้าใกล้ เล็บที่แหลมคมก็แทงเข้าที่คอของมันอย่างรวดเร็ว
“อื้อ”
เสียงละเมอพึมพำเบาๆ ในความฝันทำให้ความคิดบ้าๆ ของเจ้าเปี๊ยกกลับมา เจียงหลีพลิกตัวเปลี่ยนท่านอนและกอดเจ้าเปี๊ยกเอาไว้ให้แน่นขึ้น
“…” ช่างเป็นการทรมานที่หวานซึ้งและขมขื่นในคราวเดียวกัน
สายตาของเจ้าเปียกเล็งไปที่ร่องน้ำลึกอย่างแม่นยำ
ฟู่วว!
เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไปเลือดสองเส้นพุ่งออกมาจากปลายจมูกสีชมพูของเจ้าเปี๊ยกและสาดลงบนภูเขาสองลูกเท่ากัน
“…” เจ้าเปี๊ยกยกอุ้งเท้าหน้าขึ้นมาปิดจมูกตัวเองแน่น เบิกตากว้างพร้อมกับกลั้นหายใจ
โชคดีที่เจียงหลีเป็นคนหลับลึกจึงไม่รู้สึกถึงผลกระทบและยิ่งไม่รู้ว่าเจ้าเปี๊ยกทำเรื่องชั่วร้ายอะไรไว้
ทำเยี่ยงไรดี
เนื่องจากอุบัติเหตุกะทันหันทำให้สติปัญญาของเจ้าเปี๊ยกลดลง โดยไม่ทันได้คิดมันจึงยื่นอุ้งเท้าอ้วนๆ เพื่อต้องการ ‘ทำลายหลักฐาน’ อุ้งเท้าหน้าสองข้างของมันกำลังเช็ดรอบๆ ตรงไหนสักแห่งบนร่างกายของเจียงหลี
จู่ๆ เจียงหลีที่กำลังหลับฝันก็รู้สึกถึงความผิดปกติที่หน้าอก นางขมวดคิ้วเล็กน้อยและลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง
ในความงุนงง นางเห็นกรงเล็บขนยาวเล็กๆ สองข้างพัวพันอยู่บนหน้าอกของนาง
“…”
เจียงหลีลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว หน็อย! นางถูกสัตว์ลามกที่ไม่รู้เผ่าพันธุ์ลวนลามเข้าให้แล้ว
“เจ้างั่ง! เจ้ากล้าเอาเปรียบราชินีอย่างข้ารึ!”
เจียงหลีตวาดลั่นและตบหัวเจ้าเปี๊ยก ฝ่ามือที่ฉับพลันนี้จับสัตว์ร้ายตัวน้อยไว้ไม่ให้ระวังตัวและกระแทกมันอย่างรุนแรง มันถูกฝ่ามือของผู้หญิงบ้าระห่ำตบจนหงายท้องนอนแบบนเตียง
“เจ้าลามาก ยังไม่ทันโตก็แก่แดดแก่ลมแล้วหรือ ถ้าอยากแก่แดดก็ได้ บอกข้า วันหน้าข้าจะได้ไปหาสัตว์ตัวเมียมาผสมพันธุ์ให้ เจ้าผิดที่อดทนไม่ไหวแล้วลวนลามข้าใช่หรือไม่ ข้าจะบอกให้ ข้าเป็นคนและเจ้าเป็นสัตว์ พวกเรามันต่างกันและเป็นไปไม่ได้!” เจียงหลีผรุสวาท
“…” เจ้าเปี๊ยกนอนอยู่บนเตียงโดยฝังใบหน้าไว้บนผ้าปูที่นอนชักกระตุกด้วยความโกรธจากคำพูดของเจียงหลี หญิงสาวสมควรตายนางนี้นี่ ยังคิดจะหาสัตว์ตัวเมียมาให้ข้าอีกหรือ
เมื่อเจียงหลีด่าจนพอใจแล้ว วันนี้ได้ระบายความอัดอั้นตันใจทั้งหมดออกมา ทันใดนั้นนางก็เห็นเจ้าเปี๊ยกไร้ความเคลื่อนไหวและกระดิกหางก้อนขนของมันเล็กน้อย
ท่าทางน่ารักเช่นนั้นทำให้นางหัวเราะและอารมณ์หดหู่ของนางก็หายไปทั้งหมด
นางยื่นมือไปจับหางของเจ้าเปี๊ยก
!
เมื่อถูกยกหางมันก็เบิกตาโตและมีพายุรุนแรงซ่อนอยู่ในดวงตาของมัน จู่ๆ มันก็รู้สึกว่ามันไม่ควรตามง้อเร็วขนาดนี้!
โชคดีที่เจียงหลีไม่แกล้งมันอีกต่อไปแล้วกอดมันเอาไว้พร้อมทั้งยี่ขนหัวมันจนยุ่งเหยิง
“เอ๊ะ นี่เกิดอะไรขึ้น” ในระหว่างที่ลูบคลำอยู่ เจียงหลีก็พบรอยเลือดที่หน้าอกของนาง
คราบเลือดไม่มาก แต่มันเห็นได้ชัดเมื่ออยู่บนชุดสีขาว
โดยเฉพาะเจียงหลีจำได้ชัดเจนว่าก่อนนางหลับมันไม่มีรอยนี้
เมื่อนึกถึงพฤติกรรมของเจ้าเปี๊ยกก่อนหน้านี้ สีหน้าของเจียงหลีก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน นางอุ้มเจ้าเปี๊ยกขึ้นมาและมองอย่างระมัดระวัง “หลิวหลี เจ้าบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“…” จริงๆ เลย ขอข้ามคำถามนี้ไปได้หรือไม่
เจ้าเปี๊ยกรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อยในใจ
แต่ทว่าเจียงหลีกลับไม่ได้ยินเสียงในใจของมัน ยิ่งอ่านอารมณ์บ้าคลั่งของมันไม่ออก นางวางเจ้าเปี๊ยกบนหน้าตักตรวจดูด้วยมือทั้งสองข้างอย่างระมัดระวังเพื่อหาบาดแผลที่ซ่อนอยู่ในขนหนา
หลังจากนางตรวจบริเวณหลังของมันเรียบร้อยแล้วก็ไม่พบบาดแผล จากนั้นจึงพลิกตัวมันกลับมาเพื่อตรวจดูข้างหน้าของมัน
นิ้วของนางยังกำจัดขนบนหน้าอกของมันอีกด้วย
การกระทำของเจียงหลีทำให้จู่ๆ เจ้าเปี๊ยกก็กระโดดขึ้นอย่างตกใจหนีออกจากเตียงโดยไม่คิดอะไรและซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้อง
“…” เจียงหลีชะงักค้างกะพริบตาปริบๆ แล้วถามอย่างไม่เข้าใจ “หลิวหลี เจ้าตกใจอะไร ข้าแค่ต้องการตรวจดูว่าเจ้าบาดเจ็บตรงไหน”
“…” เจ้าเปี๊ยกมองนางอย่างหวาดกลัว ทั้งยังถอยกลับไปหนึ่งก้าว
เจียงหลีขมวดคิ้วลงมาจากเตียงแล้วย่างกรายเข้ามาหามัน
นางเดินหน้าหนึ่งก้าว เจ้าเปี๊ยกก็ถอยหลังหนึ่งก้าว มันถอยจนมุมแล้วแนบติดกับผนัง ถอยทีละก้าวๆ
คนหนึ่งคนกับสัตว์อีกหนึ่งตัวเกือบจะวนรอบห้อง
เจียงหลีอดรนทนไม่ไหว “เจ้าเป็นบ้าอะไรฮะ! อย่าขยับ ข้าจะตรวจดูบาดแผลเจ้า เจ้าจะหลบทำไม ทั้งทำท่าทางระแวดระวังตัวอีก”
เจ้าเปี๊ยกไม่สามารถพูดได้ตามธรรมชาติ ดังนั้นมันจึงทำได้เพียงมองนางด้วยดวงตาที่วาววับและส่ายหัวช้าๆ
เจียงหลีขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่านางเป็นคนใจดี นางคิดว่าในเมื่อเจ้าเปี๊ยกเต็มใจตามนางมา ทั้งสองนับว่าต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันบนเกาะ แน่นอนนางถือว่าเจ้าเปี๊ยกเป็นสัตว์เลี้ยงของนาง แต่กลับไม่คิดเลยว่าพอนางใจดีแล้วเจ้าเปี๊ยกกลับตั้งแง่รังเกียจเช่นนี้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ แววตาของเจียงหลีก็วูบไหว ใบหน้าเย็นชาแล้วออกคำสั่งกับเจ้าเปี๊ยก “เจ้ามานี่!”
เจ้าเปี๊ยกยังคงไม่ยอมแพ้มันส่ายหัวอีกครั้ง คราวนี้แทนที่จะพาเจียงหลีวนไปรอบห้อง เมื่อเล็งเห็นตำแหน่งของหน้าต่างก็กระโดดออกจากหน้าต่างและหายไปต่อหน้าเจียงหลีทันที
ฉากที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้เจียงหลีตะลึงไปชั่วขณะ
หลังจากได้สติกลับมานางก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตามเจ้าเปี๊ยกที่กระโดดออกไปจากหน้าต่าง
ที่นี่เป็นถึงสำนักพรตเสวียนหมิง โดยมีหลิงหวังนั่งกุมบังเหียนอยู่ ถ้าเกิดเจ้าเปี๊ยกวิ่งพล่านซุกซนจนถูกคนจับได้ต้องโดนจับถลกเนื้อเอ็นหนังแล้วจะทำอย่างไร
ด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้าเปี๊ยก เจียงหลีไม่ได้โกรธที่มันดื้อรั้นเมื่อครู่นี้ อย่างไรก็ตามนางยังไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าเปี๊ยกจึงต่อต้านการเข้าใกล้ของนาง
เจ้าเปี๊ยกวิ่งไปในยามค่ำคืนโดยไม่คำนึงถึงทิศทาง มีเพียงความคิดเดียวในใจของมันที่จะหลบหนีเพราะมันจะไม่มีทางยอมให้เจียงหลีแหวกขนหน้าอกของมันและเห็นรอยฟันที่กำจัดไม่พ้นสักที
“เอ๊ะ สัตว์เดรัจฉานมาจากที่ใดรึ”
“ขนปุกปุย อวบๆ อ้วนๆ ทั้งยังน่ารักอีกด้วย!”
เสียงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้การเคลื่อนไหวของเดรัจฉานน้อยหยุดลงทันที มันไม่สนใจคนเหล่านี้จากนั้นจึงเปลี่ยนเส้นทางและเตรียมตัวจากไป
แต่ทว่ามันยังไม่ทันขยับก็มีเงาร่างสองร่างยืนอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว
เจ้าเปี๊ยกเงยหน้าขึ้นและใบหน้ายียวนทั้งสองสะท้อนอยู่ในดวงตาของหลิวหลี