ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 141 ไม่ฆ่าทิ้งแล้วจะเก็บไว้ฉลองปีใหม่หรือ
“เจ้า รู้สึกถึงความสิ้นหวังหรือยัง”
จู๋เยี่ยนเงยหน้ามองเจียงหลีที่ถูกพลังมารครอบคลุมไว้ ดวงตาที่เย็นชาจนไร้ที่ตินั้น ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน
สิ้นหวังงั้นรึ!
ใช่! เขากลัวแล้ว ตั้งแต่ฝึกฝนมา เขามิเคยรู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้ตัวเขามากเพียงนี้มาก่อน
พลังปราณที่รุนแรงและพิฆาตเช่นนั้น ทำให้เขาตัวเกร็งไปหมด พลังอันเต็มเปี่ยมของพลังมาร ทำให้เขาไม่มีทางโต้ตอบได้เลย!
บนพื้น ไหวปี้ตื่นเต้นจนมือทั้งสองของนางสั่นเทา
สิ้นหวังหรือไม่
ในตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตา ก่อนหน้านั้นที่นางถูกจู๋เยี่ยนบีบบังคับ ก็สิ้นหวังเหมือนเขาตอนนี้สินะ
สายตาของไหวปี้เคลื่อนไปยังตัวเจียงหลี
รูปร่างที่มีเสน่ห์และสูงส่งนั้น แม้นจะเป็นสตรีเช่นกัน กลับทำให้ผู้คนมีใจปฏิพัทธ์
พลังอันน่ากลัวพุ่งไปยังจู๋เยี่ยนพร้อมกับฝ่ามือปีศาจ เขาเป็นถึงจอมภูตแห่งสำนักหลีหุนจง เป็นระดับหลิงหวังขั้นเริ่มต้น แต่กลับพ่ายแพ้ให้กับระดับหลิงจงคนหนึ่ง
พลังสังหารที่เย็นยะเยือกนั้น กลายเป็นเส้นบางๆ นับไม่ถ้วน และบาดลงบนตัวของเขา
อ๊ากๆๆๆ!
จู๋เยี่ยนส่งเสียงร้อง เสียงของเขาแคร่งขรึมและสิ้นหวัง “เจ้าฆ่าข้า เจ้าก็ต้องตายเช่นกัน!”
เจียงหลีหัวเราะเยาะและโจมตีต่ออย่างไร้เยื่อใย “เจ้าตายไปแล้ว ยังคิดว่าสำนักหลีหุนจงจะแก้แค้นแทนเจ้างั้นหรือ”
“ไว้ชีวิตข้าด้วย! ไว้ชีวิตข้าด้วย! ข้าผิดไปแล้ว!” จู๋เยี่ยนเป็นผู้ที่มองสถานการณ์ออกจริงๆ ในเมื่อขู่อย่างตรงไปตรงมาไม่เป็นผล เขาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนข้อร้องขอไว้ชีวิต
มีแสงหนึ่งผ่านตาไหวปี้ไป
“คำร้องขอของเจ้า ข้าไม่เชื่อ!” เจียงหลีตอบอย่างเย็นชา
โครม!
เสียงหนึ่งดังออกมา ดังจนพื้นดินและท้องฟ้าก็สั่นไหวไปด้วย
จู๋เยี่ยนรู้สึกได้ว่าครั้งนี้ตัวเองต้องตายสถานเดียว ความเกลียดชังก็ปรากฏออกจากดวงตาของเขา
ทันใดนั้นเอง ร่างของเจียงหลีก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา รวดเร็วจนทำให้เขาหรี่ตาลงไปครู่หนึ่ง
พลังมารที่โหดร้ายและรุนแรง หยุดลงกะทันหัน และกักขังร่างของจู๋เยี่ยนที่ใกล้แตกสลายแล้วอยู่ด้านใน และไม่ฆ่าเขาให้ตาย
จู๋เยี่ยนตกใจ หยุดและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าๆๆๆ…เจ้าไม่กล้าฆ่าข้าจริงด้วย!”
มุมปากของเจียงหลียกขึ้นอย่างแปลกประหลาด
นางใช้การเคลื่อนไหวบอกแก่จู๋เยี่ยนว่า นี่เป็นเพียงสิ่งที่เขาคิดไปเองเท่านั้น
ทันใดนั้น เจียงหลีก็ระเบิดความน่ากลัวของพลังมารออกมา มือทั้งสองเต็มไปด้วยแสงไฟของปีศาจ นางยื่นมือออกไปทางจู๋เยี่ยน
จู๋เยี่ยนที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ กลับหวาดกลัวขึ้นมากะทันหัน “เจ้า…เจ้าทำอะไรน่ะ…อ๊ากกก!”
เสียงร้องเจ็บปวด หยุดคำพูดของเขาไว้
มือที่เต็มไปด้วยแสงไฟของพลังมาร ทะลุเขาไปยังเปลือกวิญญาณที่เปิดไว้ของเขา และดึงวิญญาณยุทธ์ที่อยู่ด้านในออกมา
ในขณะที่วิญญาณยุทธ์ถูกดึงออกมานั้น ยังมีเส้นสีทองออกมาด้วย ทำให้จู๋เยี่ยนรู้สึกถึงความเจ็บปวดของเลือดเนื้อที่ถูกแยกออกจากกัน
“เจ้าช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน!” จู๋เยี่ยนอาเจียนเป็นเลือดออกมา เขาเกลียดเจียงหลีเข้าไส้
เมื่อไหวปี้ได้เห็นภาพนั้นด้วยตาตัวเองก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
ความโหดร้ายที่ใจเย็นและเย็นชาของเจียงหลี ทำให้นางรู้สึกกลัวขึ้นมา
“หึ” เจียงหลีหัวเราะอย่างดูถูก เกลียดงั้นรึ เมื่อเทียบกับวิธีการของสำนักหลีหุนจงแล้ว นางก็รู้สึกว่าตัวเองใจดีและเมตตาเกินไป
วิญญาณยุทธ์ที่ถูกเจียงหลีดึงออกมา หน้าตาอัปลักษณ์และเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
นางรู้สึกรังเกียจนัก ไม่อยากที่จะดูมันต่อไป นิ้วมือทั้งห้าบีบเข้าด้วยกัน วิญญาณยุทธ์ตัวนั้นแตกสลายเลยทันที
จู๋เยี่ยนมองตาโต ทำได้เพียงมองดูวิญญาณยุทธ์ของตัวเองถูกเจียงหลีทำลายไป ในที่สุด เขาก็รู้แล้วว่าสตรีนางนี้อยากจะทรมานเขา!
ในขณะที่วิญญาณยุทธ์แตกสลาย ไหวปี้ที่อยู่บนพื้นก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ดวงตาของนางนอกจากกลัวแล้วก็คือกลัว ต้องไม่ทำให้นางโกรธเด็ดขาด! ไม่นานนัก นางก็ได้สติขึ้นมา
แต่เวลานี้ มือของเจียงหลีที่ครอบคลุมไปด้วยพลังมาร ได้ทะลุเข้าไปยังเนตรญาณที่สองของจู๋เยี่ยนแล้ว
ฟู่!
เนตรญาณถูกดึงออกมาอีกครั้ง จู๋เยี่ยนที่สูญเสียพลังที่จะตอบโต้ก็กระอักเลือดอีกครั้งหนึ่ง ดูหม่นหมองและหดหู่
“ฆ่าข้าเถอะ…ฆ่าข้าเสีย…” จู๋เยี่ยนถูกทรมานจนอยู่ก็ไม่ใช่ตายก็มิปาน ทำได้เพียงขอให้จบชีวิตตัวเองเร็วๆ จะได้ไม่ทรมานนัก
แต่เสียดายที่เจียงหลีไม่สนคำร้องขอของเขาเลยแม้แต่น้อย
นางจะยอมใจอ่อนให้กับศัตรูอย่างงั้นหรือ
เมื่อคนของสำนักหลีหุนจง ยื่นมือมาแตะต้องคนจากหนานฮวง เมื่อคนของสำนักหลีหุนจงใช้สตรีเป็นหุ่นเชิดแล้วสังหารและทารุณกรรมอย่างป่าเถื่อน เมื่อนางตัดสินใจกำจัดส่วนหนึ่งของสำนักหลีหุนจงแห่งเมือง งซู่หยา นางก็กลายเป็นศัตรูกับสำนักหลีหุนจงโดยทันที!
อ๊ากกกก!
จู๋เยี่ยนมิเคยทรมานเช่นนี้มาก่อน และมิเคยคาดหวังจะตายเช่นนี้มาก่อนด้วย
วิญญาณยุทธ์ทั้งห้าของเขา ถูกเจียงหลีดึงออกมาทีละตัวๆ และทำลายมันต่อหน้าต่อตาเขา เขารู้สึกว่าตัวเองค่อยๆ กลายเป็นคนไร้ประโยชน์เต็มทีแล้ว!
เปรี๊ยะ!
จู๋เยี่ยนที่ถูกทำลายการฝึกฝนขั้นพื้นฐานและเปลือกวิญญาณนั้น ตกลงจากท้องฟ้ากองอยู่หน้าไหวปี้
นางได้สบตาอันสิ้นหวังของจู๋เยี่ยน ดวงตาที่เยือกเย็นและไร้ชีวิตชีวานั้น ราวกับกำลังร้องขอให้นาง ฆ่าเขาเสีย
ไหวปี้หัวเราะอย่างประชด “ก่อนหน้านั้นที่เจ้าบังคับข้าจนเกือบตายนั้น เจ้าได้เหลือความเมตตาไว้ให้ข้าหรือไม่”
จู๋เยี่ยนยิ่งสิ้นหวังมากกว่าเดิม ดวงตาก็เยือกเย็นขึ้นไปอีก
ท่ามกลางอากาศ แสงไฟปีศาจมาบรรจบกันและถูกนำกลับมาโดยเจียงหลี พลังมารที่น่ากลัวนั้น กลับมาเป็นพลังวิญญาณเหมือนเดิม และเคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายของเจียงหลีเงียบๆ
ร่างกายของนาง กลายเป็นลำแสงหนึ่งและพุ่งลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
กรึก!
เสียงกระดูกหักดังขึ้น
ไหวปี้ตกใจจนเบิกตากว้าง มองเจียงหลีที่เหยียบเข้าที่หัวของจู๋เยี่ยนจนคอหักอย่างไม่อยากเชื่อ “เจ้าฆ่าเขาจริงๆ!”
พลังปราณเย็นชาของเจียงหลีหายไป หันมาทางไหวปี้ และมองเข้าไปในตาของนางและกล่าวอย่างนิ่มนวลว่า “ไม่ฆ่าทิ้ง แล้วจะเก็บไว้ทำอะไรหรือ”
“…” ไหวปี้ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป
สายตาของนางมองไปที่ศพของจู๋เยี่ยน สีหน้าสับสนขึ้นมา เป็นเวลานานพอสมควร นางถึงจะพูดออกมาว่า “จู๋เยี่ยนเป็นจอมภูตที่เก่งกาจที่สุดของสำนักหลีหุนจง วันนี้ได้ตายที่ดินแดนผนึกมาร หลังจากนี้ สำน นักหลีหุนจงจะไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่” นางเป็นห่วงเจียงหลีเล็กน้อย
ถึงแม้เจียงหลีจะเป็นศิษย์ของตำหนักเย่าแห่งฮวงเสิน ฐานะก็สูงส่งเช่นกัน แต่ทว่าความชั่วร้ายของสำนักหลีหุนจงนั้น เป็นเหมือนอสรพิษที่ซุกซ่อนอยู่นั้นทำให้ผู้คนหวาดกลัว
“ในประสบการณ์ ทักษะไม่เหมือนคน ตายก็คือตาย หากสำนักหลีหุนจงกล้ามาล้างแค้นแทนเขาล่ะก็ มาหนึ่งคนฆ่าหนึ่งคน มาหนึ่งคู่ก็ฆ่าหนึ่งคู่” เจียงหลีใจเย็นอย่างมาก
พูดจบ นางก็หันไปมองไหวปี้ และหัวเราะออกมาทันที “หรือว่าเจ้ารู้สึกว่า…ระหว่างพวกเรากับสำนักหลีหุนจง ยังมีอะไรต้องเจรจากันอีกรึ”
“…” ไหวปี้หมดคำจะพูดต่อคำพูดของเจียงหลีอีกครั้ง
ใช่สิ ทำลายส่วนหนึ่งของสำนักหลีหุนจง ฆ่าจอมภูตของสำนักหลีหุนจง จะมีอะไรให้เจรจากันอีกล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น มีความจำเป็นต้องเจรจากับสำนักหลีหุนจงด้วยหรือ
เมื่อเข้าใจแล้ว ดวงตาของไหวปี้ก็มีพลังขึ้นมาทันที
นางไม่ได้พูดเรื่องอื่นต่อ เพียงแต่เดินไปข้างหน้า หารือกับเจียงหลีว่าจะทำอย่างไรกับศพของจู๋เยี่ยนดี “ถึงแม้เจ้าจะไม่สนใจอารมณ์ของสำนักหลีหุนจง แต่หากศพยังอยู่ที่นี่ ถูกผู้อื่นเห็นเข้า ก็จะ ะรู้ว่าจู๋
เยี่ยนถูกฆ่าตาย หากความแตกขึ้นมา สำนักหลีหุนจงต้องกลับมาล้างแค้นเป็นสิบเท่าแน่”