ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 146 จะทำเยี่ยงไรได้อีก
ทันใดนั้นใบหน้าที่ดุร้ายของวิญญาณชั่วร้ายก็ขยายใหญ่ขึ้น ในสายตาของเจียงหลีและไหวปี้
จู่ๆ ความดุร้ายที่น่าสะพรึงกลัว และเยือกเย็นก็ครอบคลุมมาที่พวกนาง
“ไปเร็ว” เจียงหลีหรี่ตาลง คว้าข้อมือของไหวปี้ ร่ายเวทย์พรางตัวและหายตัวไปในทันที
เมื่อพวกมันปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทั้งสองก็มาถึงใต้ต้นไม้แล้ว และความสยดสยองบนใบหน้าของไหวปี้ยังไม่จางหาย
เมื่อทั้งสองเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่ายอดไม้ที่ยืนอยู่เมื่อครู่นี้เต็มไปด้วยวิญญาณชั่วร้าย วิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้นเหมือนกระแสน้ำ ลงมาตามลำต้นของต้นไม้และรุมเข้าหาพวกนาง
“ทำยังไงดี” ไหวปี้อยู่ในความตื่นตระหนก
มีวิญญาณชั่วร้ายอยู่ทุกทิศทุกทาง ภาพเหตุการณ์ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
“วิ่ง!”
เจียงหลีออกคำสั่งและวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับไหวปี้
อย่างไรเสียก็เป็นหลิงจง ทั้งสองได้ใช้พลังวิญญาณจนสุดขั้ว กลายเป็นลำแสงสองดวงที่หนีให้ไกล วิญญาณชั่วร้ายที่ไม่มีพลังวิญญาณ ไม่ว่าจะเร็วแค่ไหน ก็ยากที่จะเทียบกับพวกม มัน
อย่างไรก็ตาม มีวิญญาณชั่วร้ายมากเกินไป ไม่ว่าพวกนางจะวิ่งอย่างไร ก็ไม่สามารถหนีพ้นพวกมันได้
…
นอกดินแดนผนึกมารแห่งซีฮวงนี้ ป้อมปราการเฟยอวิ๋นที่ทรงพลังที่สุดตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของแว่นแคว้น
ที่นี่บรรพตสูงอันหนาวเหน็บไม่มีที่สิ้นสุด ในหนึ่งปี สองในสามของวันถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาว เป็นสีขาวล้วนทุกหนทุกแห่ง
ป้อมปราการเฟยอวิ๋นอยู่ที่นี่
ระหว่างยอดเขาหิมะและหน้าผา ป้อมปราการเฟยอวิ๋นปรากฏขึ้นท่ามกลางสายลมและหิมะ
สถานที่แห่งนี้อยู่ในที่ที่หนาวเย็นมากและกลุ่มอำนาจที่ยึดที่นี่คือป้อมปราการเฟยอวิ๋น ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรป้อมปราการเฟยอวิ๋นถึงเลือกเปิดสำนักตรงที่แห่งนี้
ในป้อมปราการเฟยอวิ๋น ลูกศิษย์ที่รับผิดชอบส่งศิษย์ของตนไปยังดินแดนผนึกมารได้กลับมาแล้ว และรายงานเรื่องนี้กับเจ้าป้อมปราการรับรู้
“เจ้าหมายถึง มียอดฝีมือของตำหนักเย่าเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนหรือ” เจ้าปราการเฟยอวิ๋นซ่อนตัวอยู่ในม่าน เหลือเพียงเงา ซึ่งทำให้ดูลึกลับอย่างมาก
ระหว่างทั้งสองคน นอกจากม่าน ยังมีเตาไฟ เปลวไฟทำให้ห้องอบอุ่นเหมือนวสันตฤดู โดยไม่ถูกรบกวนจากความหนาวเย็นภายนอกเลย
“ขอรับ เจ้าปราการ” ศิษย์กล่าวด้วยความเคารพ
“เหอะ…” ภายใต้ม่านบางเบา เสียงหัวเราะนั้นช่างดูเย้ยหยันนัก “ดูเหมือนว่าตาเฒ่าจากฮวงเสินนั่นไม่ตายใจสินะ”
ศิษย์พยักหน้า “เจ้าปราการพูดถูก ตั้งแต่เราบีบให้ฮวงเสินลงจากกลุ่มอำนาจระดับสูง พวกเขาก็คิดแต่ว่าจะทำอย่างไร เพื่อเอาตำแหน่งกลับคืนมา!”
“งานปาฐกถาเจ้าครองนครยังเหลือเวลาสิบกว่าปี จู่ ๆ พวกเขาก็รับศิษย์ใหม่ในเวลานี้” เสียงของเจ้าปราการดูสนใจขึ้นเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าศิษย์ใหม่คนนี้จะโดดเด่น ถูกตรวจสอบแล้ว หรือ”
“ตรวจสอบแล้ว” ศิษย์บอกเรื่องเจียงหลีทันที เช่นเดียวกับที่เจียงหลีคาดเดา ฮวงเสินจะลบความจริงที่ว่านางมาจากหนานฮวง ดังนั้น การสืบสวนของป้อมปราการเฟยอวิ๋น จึงเริ่มต้นจากการป ประเมินการเข้าสำนักของนางเท่านั้น โดยมีเพียงประวัติทั่วไป แต่ไม่มีคำอธิบายโดยละเอียด สำหรับเรื่องราวก่อนหน้านี้ของนาง มีเพียงประโยคเดียว… ‘ซีฮวงต่างฝึกฝนด้วยตนเอง’
“นางบดขยี้หันเหยากวงถึงสองครั้งรึ หันเหยากวงคนนี้ก็ถือว่าเป็นคนมีพรสวรรค์ เป็นเทียนเจียวที่มีชื่อเสียงในซีฮวง แต่เขากลับแพ้หญิงสาวคนหนึ่ง อืม…น่าสนใจ” ในน้ำเสีย ยงของเจ้าปราการ ไม่ชัดเจนว่าอารมณ์ของเขาเป็นอย่างไร
“ส่วนทั้งสามคนจากตำหนักเย่า เกรงว่าพวกเขาจะเลื่อนขั้นเป็นหลิงหวงแล้ว ไม่เช่นนั้นฮวงเสินคงไม่มีทางรับศิษย์ตำหนักเย่าคนใหม่?” ศิษย์คาดเดาอย่างระมัดระวัง
หลังม่าน เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้ ศิษย์ฟังออกว่าเป็นเสียงหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เจ้าปราการของพวกเขาไม่ได้สนใจศิษย์ใหม่ของตำหนักเย่านั้นเลย เช่นนั้น… การตัดสินใจเองของเขานั้น…
ศิษย์ตกใจ และคุกเข่าลงทันที สารภาพด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “เจ้าปราการ ข้าน้อยสมควรตาย! ข้าไม่รู้เจตนาของเจ้าปราการมาก่อน หลังจากดินแดนผนึกมารเปิด ข้าน้อยได้สั่งให้อวิ๋นซู่ไ ไปโดยพลการ ให้หาโอกาสลงมือกับคนของฮวงเสิน โดยเฉพาะศิษย์ใหม่ของตำหนักเย่า ต้องฆ่านางให้ได้”
พูดจบ ก็มองไปยังม่านกั้น ได้มีรังสีโหดเหี้ยมผ่านตาตน
หลังม่าน ไร้การตอบสนองชั่วขณะหนึ่ง
ความเงียบนี้ ทำให้จิตใจศิษย์กังวลมากขึ้น เดิมทีเขาคิดว่ามันถูกต้องที่จะทำเช่นนั้น และกวาดล้างความหวังทั้งหมดของฮวงเสินก่อนที่จะถึงงานปาฐกถาเจ้าครองนคร
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาดังมาจากด้านหลังม่าน
“ถ้าออกคำสั่งไปแล้วก็ช่างเถิด ก็แค่ศิษย์สองสามคนในฮวงเสิน ป้อมปราการเฟยอวิ๋นจะฆ่าก็ย่อมได้”
“ขอบพระคุณที่ไม่โทษข้าน้อย จากนี้ข้าจะไม่ทำอะไรโดยพลการเด็ดขาด” ศิษย์รู้สึกโล่งใจ กล่าวขอบคุณอย่างเร่งรีบ
“ไปได้แล้ว” น้ำเสียงของเจ้าปราการฟังดูเนือยๆ
ศิษย์ไม่กล้าอยู่อีกต่อ ก้มหน้าถอยลงไป
หลังจากที่เขาจากไป ร่างที่อยู่ข้างหลังม่านก็ขยับ ชายหนุ่มรูปงามราวน้ำแข็งค่อยๆ เดินออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะยังเด็ก แต่ว่า การฝึกฝนมาถึงระดับนี้แล้ว อายุของเขาไม่สามารถวัด ได้จากรูปร่างหน้าตาอีก
ผมของเขาดูแปลกไปเล็กน้อย รากมีสีดำ แต่เมื่อถึงปลายผม มันก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน
เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวน้ำเงิน ทำให้เขามีรูปร่างเพรียวบางจนไร้ที่ติ
แต่ว่า ดวงตาของเขาลึกและมืดมน ไม่โปร่งใสเหมือนน้ำแข็งหรือหิมะ ทำให้ผู้คนรู้สึกเข้าใจยาก
“ฮวงเสินเอ๋ย…” เขายิ้มที่มุมริมฝีปากและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา “คิดไม่ถึงว่าจะอยากถูกขับออกจากกลุ่มอำนาจแห่งซีฮวงมากเพียงนี้”
…
ณ ฮวงเสิน ตำหนักเย่า
เสิ่นฉงยืนอยู่ในห้องโถงอันงดงาม สงบเสงี่ยมรอให้ซือจุนพูด ซีไหลและคุนอู่ไม่อยู่ที่นี่
“ซือจุนที่เคารพ บางทีครั้งนี้เราอาจจะประมาทไป” เสิ่นฉงกล่าวอย่างกังวล
ที่ทางเข้าของดินแดนผนึกมาร มีการแอบดูตัวตนของเจียงหลี ทำให้เขาตื่นตัวในทันใด เปิดเผยเจียงหลีให้ผู้คนก่อนเวลาอันควร อาจทำให้เกิดปัญหากับนาง
ท่านประมุขยิ้มจางๆ แต่จากสีหน้าไม่ได้กังวลอย่างเสิ่นฉง “ฉงเอ๋อร์ ศิษย์น้องสามคนของเจ้ามีความสำเร็จในวันนี้ได้ ใครไม่ผ่านความยากลำบากในชีวิตและความตายมานับไม่ถ้วน ต้องอยู่ ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักบ้าง”
“แต่…” เสิ่นฉงขมวดคิ้ว ความกังวลไม่ลดน้อยลง
ท่านประมุขพยักหน้าช้าๆ “ข้ารู้ เจ้าเป็นห่วงหลีเอ๋อร์ แต่ว่า การจะเป็นผู้โดดเด่น และเป็นผู้นำทัพฮวงเสินของข้า นางต้องผ่านการทดสอบบางอย่าง”
“ข้าเข้าใจสิ่งนี้ แต่ข้าคิดว่ามันเร็วเกินไป” เสิ่นฉงกล่าว
ท่านประมุขส่ายหัวแล้วยิ้ม “แล้วที่เจ้าหมายถึงคือ ก่อนที่นางจะแข็งแกร่ง เราต้องซ่อนนางไว้เพื่อไม่ให้คนรู้ถึงการมีอยู่ของนาง และจงใจฝึกอีกคนหนึ่ง ให้คนนอกเข้าใจผิด ง่ ายต่อการเบี่ยงเบนความสนใจของพวกนั้น”
“…” เสิ่นฉงเม้มปากโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ท่านประมุขพูดอย่างที่เขาคิด
“เจ้าคิดผิด” เสียงของท่านประมุขก็เข้มขึ้นทันใด
เสิ่นฉงเงยหน้าขึ้นและมองเขาอย่างงงงวย ไม่ถูกต้องหรือ เขาคิดผิด? เขาคิดผิดที่หวังว่าฮวงเสินจะกลับคืนสู่อำนาจสูงสุดอีกครั้งหรือ? เขาผิดหรือที่ต้องการปกป้องหัวใจของเจียงห หลี…
ท่านประมุขมองดูความงงงวยในดวงตาของเขา เข้าใจในสิ่งที่เขาคิด ในดวงตาฉายแววผิดหวัง…