ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 18 เจอยักษ์ปักหลั่น
“ดูท่าทางเจ้า ราวกับถือไพ่ชนะอยู่ในมือ” เจียงหลีเก็บซ่อนความเย็นชาในแววตาหรี่ตาพูด
ซู่ซินผู้เย่อหยิ่งสบถเสียงเย็น แสดงออกอย่างชัดเจน
เจียงหลีไม่แยแสแต่ยังคงยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นข้าขอให้เจ้า…รีบประสบความสำเร็จ”
“เจ้าต้องการประจบข้าตอนนี้มันสายเกินไป เราถูกกำหนดให้เป็นคู่แข่งกันไปแล้ว” ซู่ซินหัวเราะเยาะ
เจียงหลีพยักหน้า “ข้าเห็นด้วยกับประโยคนี้”
“เจ้า!” ซู่ซินหน้าเปลี่ยนสี แววตาพลันดำดิ่งลงมา
“พวกเจ้าสองคนต้องไม่เป็นอะไรแน่ ยังมีข้าที่ต่ำว่าอีกนะ” ชิงหว่านหัวเราะขมขื่น นางเป็นคนที่มีระดับการฝึกฝนต่ำที่สุดในสามคน นางเป็นเพียงหลิงจงขั้นที่สาม แม้ไม่มีการเปรียบเทียบนางก็รู้อยู่แก่ใจว่าใครถูกกำจัดก่อน
“อย่าดูแคลนตัวเองทุกอย่างยังไม่เริ่มต้น” เจียงหลีหันสายตาไปปลอบประโลม
“อย่างนางเขาเรียกว่ารู้จักประมาณตน” ซู่ซินเลิกคิ้วด้วยความเย่อหยิ่ง
เจียงหลีขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจนางและพูดกับชิงหว่านต่อว่า “เจ้าบอกว่าในถ้ำสวรรค์มีมากกว่าเราสามคน ฐานฝึกฝนสูงจะมีประโยชน์อะไร ถ้าโชคร้ายก็โดนคนอื่นฆ่าตายอยู่ดี”
“เจียงหลี!” ซู่ซินเผยสีหน้าดุร้าแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหลมคม
“เรียกเสียงดังอะไรขนาดนั้น ข้าได้ยินหรอกน่า” เจียงหลียกนิ้วอุดหู
“เจ้า!” ซู่ซินโกรธจนหน้าซีดอยากฆ่าเจียงหลีแต่ก็อดทนไว้ได้ “เจ้าคอยดูพอถึงถ้ำสวรรค์เมื่อไหร่ข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่”
“ข้ากลัวจังเลย โอยยย!” เจียงหลีกรอกตาขาวให้กับนาง
“เหอะ!” ซู่ซินสบถเสียงเย็น หันหน้ากลับไปโดยไม่สนใจสองคนนั้นอีก
ชิงหว่านกล่าวกับเจียงหลีอย่างซาบซึ้ง “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังปลอบข้า แต่ข้าก็รู้จักประมาณตนดี เดิมทีข้าเคยคิดว่าการเป็นธิดาสวรรค์ของสำนักพรตเสวียนหมิงสามารถเปลี่ยนโชคชะตาของข้าได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเพียงข้าเดินไม่ระวังก็จะตกหน้าผาสูงหมื่นจั้งและแหลกสลายเป็นชิ้นๆ”
“เส้นทางโลกที่มีทางไหนเดินสะดวกบ้าง ต้องการอยู่เหนือกว่าใครก็จำเป็นต้องลำบากกว่าคนธรรมดากี่เท่า คนทั้งโลกเพียงอิจฉาความฉลาดของคนที่อยู่เหนือพวกเขา แต่พวกเขาจะซาบซึ้งในเบื้องหลังของเลือดและหยาดเหงื่อที่เสียไปได้อย่างไร” เจียงหลีพูดอย่างเคร่งขรึม
เมื่อชิงหว่านได้ยินที่เจียงหลีพูดก็พยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
ซู่ซินที่อยู่ด้านข้างหัวเราะเยาะกับคำพูดของเจียงหลี
พวกนางทั้งสามคนออกจากรถม้าด้วยความวิตกกังวลและความคาดหวัง เจียงหลียังคงอุ้มเจ้าเปี๊ยกที่หลับใหลไว้ในอ้อมแขนของนาง
“เข้าประตูนี้ไปก็จะเป็นถ้ำสวรรค์แล้ว จากนี้อีกสี่สิบเก้าวันข้าอวยพรให้พวกเจ้าโชคดี หลังจากผ่านพ้นสี่สิบเก้าวันแล้วจะมีคนมารอพวกเจ้าออกมาตรงนี้ แน่นอน ก่อนอื่นพวกเจ้าต้องเอาชีวิตรอดให้ถึงตอนนั้น”
มหาปุโรหิตจิปากแล้วหันหลังจากไป
ต่อหน้าพวกนางทั้งสามระหว่างกำแพงหินมีประตูขนาดใหญ่เหมือนปีศาจกำลังเปิดออกอย่างช้าๆ เจียงหลีเหลือบมองด้านหลังของมหาปุโรหิต นางวางแผนไว้ในใจ ในระหว่างที่อยู่ถ้ำสวรรค์นี้ ข้าจะหาโอกาสโกงความตาย ออกไปก่อน หาที่ๆ ปลอดภัยแล้วแก้ปัญหายันต์ธาราทมิฬ
เมื่อทั้งสามคนก้าวเข้าไปในถ้ำทันใดนั้นประตูก็ปิดแน่นสนิท
เจียงหลีรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่เหนือหน้าผากของนางจึงยกมือขึ้นเพื่อสัมผัสมันแต่มันก็ยังเรียบเนียน นางมองไปที่ชิงหว่านกับซู่ซินและมีสัญลักษณ์สีเทาคดเคี้ยวอยู่ที่หน้าผากราวกับงูตัวเล็กๆ
สัญลักษณ์ฆ่าสีเทาไม่ได้กระทบต่อรูปโฉมของพวกนางทั้งสาม แต่ทว่ากลับกลายเป็นตัวจับเวลาสำหรับพวกนางในถ้ำสวรรค์
“เริ่มตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” น้ำเสียงของชิงหว่านสั่นเครือเล็กน้อย
ในขณะนี้ทั้งสามคนยืนอยู่ที่ทางเข้ามองขึ้นไปมีเพียงช่องเปิดแคบๆ ที่ดูเหมือนจะแตกกอกเผยให้เห็นสีของท้องฟ้า
“ไปกันเถอะ” เจียงหลีเอ่ยเสียงเรียบ
นางก้าวขากำลังจะเหยียบลง ร่างหนึ่งแวบขึ้นข้างนางอย่างรวดเร็วและผ่านหน้านาง
แววตาเจียงหลีวูบไหว เมื่อมองซู่ซินที่เดินนำไปก่อนมุมปากของนางก็ยกขึ้น
“นางเดินเร็วมาก!” ชิงหว่านขยับเข้าใกล้เจียงหลีแล้วพูดด้วยความแปลกใจ
“นางอาจจะรีบก็ได้กระมัง” เจียงหลีถามเรื่อยเปื่อย “จริงสิ เมื่อครู่นี้ข้าลืมถาม หากต้องการได้สัญลักษณ์ฆ่าสีทองต้องฆ่ามากกว่าห้าร้อยคนขึ้นไปใช่ไหม”
ชิงหว่านส่ายหน้า “ไม่จำเป็นเสมอไป เช่นถ้าเจ้าฆ่าคนที่มีสัญลักษณ์สีแดง สัญลักษณ์สีแดงของเขาจะถูกเจ้าดูดซับและเพิ่มเข้าไปในผลลัพธ์ก่อนหน้าของเจ้า”
ที่แท้ก็ทำเช่นนี้ได้ด้วย! เจียงหลีก็ตระหนักได้ “แล้วสัญลักษณ์การฆ่านี้มีประโยชน์ไหม หรือมันเป็นแค่บันทึกธรรมดา”
ดูเหมือนชิงหว่านจะไม่ชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นนี้มากนัก นางครุ่นคิดสักพักก็ขมวดคิ้วและส่ายหัว “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องอื่นเกี่ยวกับสัญลักษณ์สังหาร แต่บางทีอาจจะมีข้าที่ไม่รู้อยู่คนเดียว”
“ไม่เป็นไร มีโอกาสค่อยถามก็ได้” เจียงหลียิ้มและไม่สนใจมากเกินไป คำถามนี้เป็นความอยากรู้อยากเห็นล้วนๆ
“จะมีกลุ่มอำนาจระดับกลางหรือหรือกลุ่มอำนาจระดับสูงในถ้ำสวรรค์หรือเปล่า” เจียงหลีพึมพำกับตัวเอง
ชิงหว่านมองไปที่นางด้วยความประหลาดใจ “จะเป็นไปได้อย่างไร”
เจียงหลีหันมามองนาง
ชิงหว่าอธิบายเพิ่มเติม “กลุ่มอำนาจระดับกลางและกลุ่มอำนาจระดับสูงมีสนามฝึกเป็นของตนเอง จะมาสนามฝึกประสบการณ์ของกลุ่มอำนาจระดับต่ำได้อย่างไร สำหรับพวกเขาแล้วนี่ถือเป็นลดสถานะของพวกเขา”
เหอะ!
เจียงหลียิ้มเยาและหัวเราะกับตัวเองว่า คาดไม่ถึงเลยว่ากฎของซีฮวง ไม่เพียงแต่โหดร้ายมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังแบ่งออกเป็นระดับความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจนมากอีกด้วย
ทั้งสองคุยกันในขณะที่กำลังเดิน ไม่นานพวกนางก็เดินออกจากทางเดินด้านหน้า
แต่ทว่าเมื่อเข้ามาเหยียบพื้นหินลูกรัง น้ำเสียงขบขันก็ดังขึ้นมาจากด้านหน้า “ไอ้ยะ ยังมีอีกสองคน วันนี้ช่างโชคดีเหลือเกิน ขวางแม่นางคนงามได้ตั้งสามคน ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลายวันนี้ได้ลาภแล้ว ในถ้ำสวรรค์นี้ฆ่าคนทุกวี่ทุกวัน ยากนักที่จะเห็นสาวงามเช่นนี้ พวกเราสามารถสนุกด้วยกันสักครั้งแล้วค่อยฆ่า”
“เหอๆ คนงามเช่นนี้จะฆ่าตายง่ายๆ ได้เยี่ยงไร ขังเอาไว้แล้วคลายความกระหายให้พวกเรา รอตอนออกไปแล้วค่อยฆ่าก็ไม่สาย” อีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
เจียงหลีและชิงหว่านเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกันและพวกนางก็เห็นว่าซู่ซินที่เดินนำหน้าถูกขวางเอาไว้เช่นกันและมีชายหลายสิบคนในชุดอาภรณ์เหมือนกันยืนขวางปากทาง
สัญลักษณ์สังหารส่วนใหญ่บนหน้าผากของพวกเขาเป็นสีดำอยู่แล้ว มีเพียงคนเดียวที่มีสัญลักษณ์สังหารสีแดงเลือดที่หน้าผากของเขา
“โชคไม่ดี ข้าเจอขยะพวกนี้ตอนที่ข้ามาถึงครั้งแรก!” ลมหายใจของชิงหว่านก็รุนแรงขึ้นและพลังวิญญาณของนางก็ผันผวน ราวกับว่าพร้อมที่จะต่อสู้ทุกเมื่อ
“เจ้ารู้จักพวกเขาหรือ” เจียงหลีกระซิบถาม
ชิงหว่านส่ายหน้า “ข้าไม่รู้จัก แต่ดูจากเสื้อผ้าของพวกเขาแล้วน่าจะเป็นพวกกากเดนของหลิงอวี้จงพวกเขาทำตัวน่ารังเกียจและฝึกฝนวิชาการเก็บเกี่ยวพลังหยินและเติมพลังหยาง ไม่รู้มีสตรีกี่คนได้รับอันตรายพวกเขาเข้าไปในถ้ำสวรรค์ แต่ไม่ได้ไปต่อสู้ แต่กลับมายืนขวางประตูแทน”
หลิงอวี้จง…เก็บเกี่ยวพลังหยินและเติมพลังหยางอย่างนั้นหรือ
เจียงหลีเลิกคิ้วมองไปที่สิบกว่าคนนั้นอีกครั้งและกระซิบว่า “พวกนั้นสมควรโดนฆ่าตายจริงๆ”
“บังอาจ ไอ้เจ้าพวกสวะกากเดนของหลิงอวี้จงบังอาจรังแกข้ารึ แหกตาสุนัขของพวกเจ้าดูให้ดี ข้าเป็นถึงธิดาสวรรค์ของสำนักพรตเสวียนหมิง” ซู่ซินสบประมาทอย่างเย็นชา สีหน้าของนางยังคงหยิ่งผยอง