ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 2 เจ้าน่ารักจังเลย!
เจ้าก้อนที่โดนนางดีดเหม่งเอาคืนอย่างรุนแรงก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ราวกับว่ายินยอมให้ถูกดุด่าทุบตี
ท่าทางของมันทำให้เจียงหลีรู้สึกมันเขี้ยว นางส่ายหน้า “เจ้ากัดข้า ทำไมกลายเป็นเจ้าดูน่าสงสาร ทำท่าเหมือนข้ารังแกเจ้าอย่างนั้นแหละ”
ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่ได้รับปฏิกิริยาตอบโตจากเจ้าสัตว์ร้ายตัวน้อยอยู่ดี
เจ้าก้อนขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของนางอย่างสบายใจเฉิบ มันถูกนางโอบกอดเอาไว้และหลับตาเพื่อสั่งสมพลัง ท่าทางราวกับราชาแห่งสวรรค์
“…” เจียงหลีหมดคำจะพูด
จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจผิดหรือเปล่าที่เป็นฝ่ายอุ้มเจ้าเปี๊ยกติดสอยห้อยตามมาด้วย
เฮ้อ!
ตอนแรกนางเพียงแค่หลงใหลในความน่ารักของมัน
เหอะๆ!
แน่นอน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าเปี๊ยกนี่มันช่างน่ารักน่าเอ็นดู ใครพบเห็นก็ยากที่จะถอนสายตาออกจากมัน แล้วก็โดนท่าทางของมันตกได้ง่ายมาก
เพียงแต่ว่า…
“นี่ เจ้าเปี๊ยก ตกลงเจ้าเป็นสัตว์อะไรกันแน่” เจียงหลียกนิ้วช้อนคางมันขึ้นมาแล้วสำรวจใบหน้าของมันอย่างละเอียดเพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้รู้จักสัตว์ประเภทนี้
แต่ว่ายิ่งมองนางก็ยิ่งรู้สึกว่าเจ้าเปี๊ยกนี่น่ารักน่าชังมาก
“เจ้าน่ารักจังเลย!” เจียงหลีอดไม่ได้ จูบที่หน้าผากของสัตว์ร้ายตัวน้อยราวกับถูกจุดน่ารักทิ่มแทงไปที่ในหัวใจของนาง
จุมพิตกะทันหันทำให้เจ้าก้อนขนเบิกตาโตอีกครั้ง ดวงตาที่เหมือนกับเซ่าตี้ไม่มีผิดเพี้ยนจ้องมองนาง จดจำภาพที่นางมีความสุขเอาไว้ในส่วนลึกของดวงตา
“มองอะไร เจ้าแอบดูข้าอาบน้ำแล้วจะไม่ให้จูบสักหน่อยหรือ ข้าจะบอกเจ้าให้ว่านี่คือการเอาคืน!” เจียงหลีจ้องตากลับไป หลังจากเอ่ยจบก็มองท่าทางน่ารักของเจ้าก้อนจึงอดเปลี่ยนคำพูดไม่ได้ “ไม่ นี่ถือว่าเป็นได้แค่ดอกเบี้ยเท่านั้น!”
“…” เจ้าก้อนมองนางที่ทำท่าทำทางมันเขี้ยวอย่างพูดไม่ออก
เจียงเลิกคิ้ว “ทำไม ไม่พอใจรึ ไม่พอใจก็ให้พ่อแม่เจ้ามาหาข้าสิ!” นางก็อยากดูเหมือนกันว่าเกาะร้างแห่งนี้นอกจากนางแล้วยังไม่อยู่บ้าง
น่าเสียดายที่เจ้าก้อนไม่บ้าจี้ตามนาง เพียงแค่มองนางครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาแกล้งหลับต่อราวกับว่ามันมองเห็นไส้เห็นพุงหมดแล้วก็มิปาน
“…” มุมปากของเจียงหลีกระตุกอย่างรุนแรง
ทำไมนางถึงรู้สึกว่าถูกสิ่งมีชีวิตที่มีที่มาไม่ชัดเจนดูถูกสติปัญญาอยู่นะ
หรือเป็นภาพลวง
อืม ต้องเป็นภาพลวงตาแน่ๆ!
หลังจากที่ถูกเจ้าเปี๊ยกดูถูก เจียงหลีก็ไม่แกล้งมันอีก จากนั้นพามันกลับที่พักก่อนหน้านี้แล้วหยิบผลไม้ที่เหลือไปด้วยเพื่อตามหาถ้ำที่นางจำได้
“เจ้าเปี๊ยก เจ้าแน่ใจนะว่าจะตามข้าไปด้วย ไม่กลัวว่าข้าจะเป็นคนไม่ดีที่จับเจ้าฆ่าแล้วย่างกินหรือไร” หลังจากเข้ามาในถ้ำ เจียงหลีก็จัดการก่อกองไฟแล้วทำหน้าดุใส่เจ้าสัตว์ร้ายตัวน้อยภายใต้แสงไฟที่พลิ้วไหว
น่าเบื่อ
เจ้าก้อนขนถูกนางวางไว้ที่ข้างกองไปเมื่อได้ยินนางข่มขู่เข้าจึงทำได้เพียงเงยหน้ามองนางตาปริบๆ แล้วก็หลับตาอีกครั้ง
ตอนนี้มันเหนื่อยจริงๆ ไม่ได้แกล้งหลับแล้ว
ตลอดเส้นทางจากดินแดนอันกว้างใหญ่มายังที่แห่งนี้ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ถึงจะตามนางมาได้ทัน หลีเอ๋อร์ของเขาไม่คิดจะให้เขาพักสักนิดเลยหรืออย่างไร
หลังจากที่ได้พบกันแล้วในที่สุดความคิดที่ตึงเครียดนั้นก็คลายลงและความง่วงเหงาหาวนอนซึ่งไม่ชัดเจนมาก่อนก็ปรากฏขึ้น ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไป
หลีเอ๋อร์ของข้าเป็นสาวแล้ว ด้วยความอ่อนหวานในใจของเขา คราวนี้เจ้าก้อนขนก็หลับไปจริงๆ
“หลับแล้วหรือ” เจียงหลีชะงักแล้วพึมพำออกมา
วุ่นวายมาทั้งวัน นางเล่นละครคนเดียวหรือนี่ เจ้าเปี๊ยกนี่เหมือนกำลังดูข้าเล่นละครอย่างไรอย่างนั้น
“…” การรู้แจ้งอย่างกะทันหันทำให้เจียงหลีอยากหยิกหูแหลมของสัตว์ร้ายตัวน้อยเจ้าเปี๊ยกและขยำมันอย่างรุนแรง จากนั้นนางจึงยื่นมือทั้งสองข้างออกไปสัมผัสเจ้าก้อนขนแผ่วเบา นางกลับทำได้แค่อุ้มมันเข้ามาไว้ในอ้อมกอดของตัวเองอย่างระมัดระวังและอ่อนโยน
ทันใดนั้นก็เข้าสู่บรรยากาศอบอุ่นอ่อนโยน เจ้าก้อนขนที่เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วก็ขยับซุกตัวในอ้อมกอดนางอย่างไม่รู้ตัว
การสัมผัสถูไถบริเวณหน้าอกทำให้เจียงหลีหน้าแดงขึ้นมา นางจึงก่นด่าเสียงต่ำ “เจ้าสัตว์ลามก” โชคดีที่นางหน้าหนาพอถึงแม้จะเผลอไม่เป็นตัวเองครู่หนึ่ง แต่ไม่เพียงเพราะเขินเท่านั้นนางอยากจับเจ้าก้อนขนที่หลับสนิทโยนออกไปข้างนอกด้วย
“หลับแล้วยังมิวายเอาเปรียบข้าอีกนะ รอเจ้าตื่นก่อนเถิด ข้าจะหยิกเจ้าคิดดอกเบี้ยให้หนำใจเลย” เจียงหลียื่นนิ้วออกมาและดีดใบหูสีชมพูที่อ่อนนุ่มของมันเบาๆ
ทุกครั้งที่นางดีดมันทำให้เกิดอาการสั่นเล็กน้อยที่ใบหูแหลม
ปฏิกิริยาเช่นนี้ทำให้เจียงหลียิ้มในดวงตามากขึ้นและยิ่งรู้สึกในใจว่าเจ้าเปี๊ยกนี้น่ารักมาก นางพูดคนเดียว “เพิ่งได้เข้ามาในซีฮวง ข้าก็โชคร้ายที่ต้องพลัดพรากจากท่านอาจารย์หนาน ทั้งยังมาเร่ร่อนที่เกาะเล็กแห่งนี้อีก พอได้เจอเจ้าจะทำให้โชคร้ายของมลายไปกลายเป็นความสงบสุขจะได้หรือไม่”
ปลายนิ้วขอนางแตะเบาๆ ที่จมูกรูปสามเหลี่ยมสีชมพูของเจ้าก้อนขน การเคลื่อนไหวเบามากและไม่ได้รบกวนสัตว์ร้ายตัวน้อยที่กำลังหลับใหล
เจียงหลีที่ร่างกายสดชื่นกระชับเจ้าก้อนเข้ามาในอ้อมกอด ในที่สุดนางก็มีพลังงานที่จะพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตนสักที
ไม่รู้ว่าหนานอู๋เฮิ่นลอยไปติดที่ใด คงไม่เป็นอะไรหรอกกระมัง แต่ก็หวังว่าจะไม่เป็นอะไรเช่นกัน ความกังวลฉายชัดในแววตาของเจียงหลี
ตอนที่สถานการณ์กำลังโกลาหล นางทำได้เพียงยืนยันว่าหนานอู๋เฮิ่นได้ตกลงไปในทะเลแล้ว แต่ต่อจากนั้นจะเป็นเช่นไรนางเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ไม่ว่าอย่างไร ก่อนที่จะได้เห็นศพของหนานอู๋เฮิ่น นางค่อนข้างเชื่อว่าเขายังมีชีวิตอยู่
ที่แห่งนี้นับว่าอยู่ในอาณาจักรซีฮวงหรือไม่ แล้วเกาะร้างแห่งนี้ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่ซีฮวงเท่าไหร่ เมืองฮวงเสินอยู่ทิศใดของซีฮวง ที่สำคัญคือข้าจะออกจากเกาะแห่งนี้อย่างไร เจียงหลีครุ่นคิดในใจ
นางวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วนแต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้คำตอบ
ช่างมันเถอะ นอนเอาแรงก่อนก็แล้วกัน พรุ่งนี้ตื่นมาค่อยออกสำรวจบนเกาะอีกครั้งแล้วค่อยหาหนทางออกไป ในที่สุดเจียงหลีก็ได้ข้อตัดสินใจ
อีกอย่างเจ้าเปี๊ยกนี่ยังเด็กนักต้องเกิดบนเกาะนี้แน่นอน ซึ่งนั่นก็อธิบายได้ว่าพ่อแม่ของมันต้องอยู่บนเกาะ แต่เกรงว่าบนเกาะแห่งนี้ยังมีสัตว์ร้ายประเภทอื่น วันนี้หลังจากที่ข้ามาถึง ข้าเพียงทำกิจกรรมรอบนอกของเกาะเท่านั้น ในส่วนลึกของเกาะ ข้ากลัวว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่ข้ายังไม่รู้
ข้างกองไฟในถ้ำ เจ้าก้อนขนน่ารักที่เจียงหลีกอดเอาไว้ในอ้อมอกพิงผนังถ้ำดวงตาปิดสนิทแล้วเข้าห้วงนิมิต
นอกเกาะมีคลื่นซัดเข้าหาชายหาดตลอดเวลาและลมทะเลก็พัดแรง ในถ้ำที่ซ่อนอยู่ห่างไกลจากชายฝั่งการบุกรุกของสายลมยามค่ำคืนจึงถูกปิดกั้น
กองไฟนำความอบอุ่นมาสู่หนึ่งคนหนึ่งสัตว์ในถ้ำได้ปัดเป่าความหนาวเย็นบนเกาะที่มืดมิด ซึ่งนำพาความปลอดภัยสบายใจมาสู่พวกเขา
เจียงหลีรู้สึกหลับสนิทโดยไม่รู้สึกแปลกที่แปลกทางเลยสักนิด ไม่รู้เพราะเหตุใด นางมักจะรู้สึกว่าการกอดเจ้าก้อนขนเข้านอนจะทำให้นางนอนหลับได้อย่างสบายใจ
หรือเป็นเพราะว่ามันน่ารัก กอดแล้วนุ่มนิ่มดีใช่หรือไม่
เจียงหลีที่ไม่รู้คำตอบ ในยามหลับฝันก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเผยยิ้มหวาน
ในความฝัน นางลืมตาขึ้นด้วยความงุนงงแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในพระราชวังอันวิจิตรงดงาม แล้วมีชายผู้หนึ่งกอดนางเอาไว้ในอ้อมอก