ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 25 ช่างเป็นเป้าโจมตีที่ดีเสียจริง
“เจียงหลี ดูสิ นั่นซู่ซินนี่!” ทันใดนั้น ชิงหว่านดึงนาง และเอ่ยอย่างตกใจ
เจียงหลีเก็บความรู้สึก เงยหน้ามองไปทางนั้น
ที่แท้ หญิงสาวที่ถูกกลุ่มคนล้อมไว้ตรงหน้า จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่ซู่ซิน
“โลกนี้ช่างกลมเสียจริง” เจียงหลียิ้มเยาะ
“นางโดนคนพวกนั้นล้อมไว้แล้ว” ชิงหว่านพูดอย่างไม่เข้าใจ
ที่มุมปากเจียงหลีมีรอยยิ้มปรากฏ มือลูบไปที่ใต้คาง เตือนชิงหว่าน “เจ้าดูระดับการสังหารของนางด้วย”
ชิงหว่านดูอย่างละเอียด เอ่ยอย่างตกใจ “หะ! นางเกือบจะได้สัญลักษณ์สีแดงแล้ว สองวันนี้มานี้ นางฆ่าคนไปเกือบร้อยแล้วหรือ”
เจียงหลีเลิกคิ้ว ยิ้มเหมือนไม่ได้ยิ้มแล้วตอบ “อาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ใช่ เจ้าดูข้า ฆ่าคนเพียงไม่กี่คน ก็ได้สัญลักษณ์สีแดงแล้ว”
ชิงหว่านพูดอย่างไม่แน่ใจ พึมพำออกมาประโยคหนึ่ง “ดูแล้ว ครั้งนี้นางตั้งใจจะเป็นที่หนึ่ง”
“เจ้าควรพูดว่า ตำแหน่งธิดาสวรรค์ นางจะต้องได้ครองถึงจะถูก” เจียงหลีหันกลับมา แก้ไขสิ่งที่นางพูด
ดวงตาของชิงหว่านเบิกกว้าง พยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากนั้น นางพูดขึ้นมาอีกทันที “เช่นนั้น…พวกเราเจอนางแล้ว จะเข้าไปช่วยหรือไม่”
เจียงหลีพิงต้นไม้ใหญ่อย่างขี้เกียจ บนมือของนางอุ้มเจ้าเปี๊ยกที่นอนหลับอย่างสบาย และพูดอย่างเกียจคร้าน “ทำไมต้องไปช่วยด้วย หากนางโดนคนพวกนี้ฆ่าตาย ยิ่งดีไม่ใช่หรือ”
“…” ชิงหว่านยืนตะลึงอยู่กับที่ คิดถึงเรื่องที่ซู่ซินเคยทำกับเจียงหลี ก็ไร้ซึ่งคำพูดตอบกลับนาง
เจียงหลีไม่มีใจยื่นมือเข้าช่วยซู่ซิน ถ้าหากไม่ใช่ว่าอยู่ในถ้ำสวรรค์ ศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันไม่สามารถสังหารกันได้ นางคงลงมือไปแล้ว ตอนนี้ยังคาดหวังจะให้ช่วยนางอีกหรือ
เจียงหลีลูบอุ้งเท้าที่มีขนสีขาวปุกปุยของเจ้าเปี๊ยกและเอ่ยถาม “ตกลงข้าเป็นเจ้านาย หรือเจ้าเป็นเจ้านายกันแน่ นอนหลับทั้งวัน ข้าไปไหนก็ต้องอุ้มเจ้า ปกป้องเจ้า คอยปรนนิบัติเอาใจไปหมดทุกอย่าง! หากรู้แต่แรกว่าเจ้าขี้เกียจเช่นนี้ ตอนนั้นก็ควรทิ้งเจ้าไว้ที่เกาะให้ดูแลตัวเองไป”
“ดูเหมือนนางจะไม่ไหวแล้ว พวกเรามองดูอยู่อย่างนี้ คงไม่ค่อยดีเท่าไรนัก” ชิงหว่านกล่าวอย่างสับสนในใจ
แต่เจียงหลีไม่ลืมตา “เจ้าจะไปก็ไป ข้าไม่ไป” นางอยากอยู่ตรงนี้ มองให้เห็นกับตาตัวเองว่าซู่ซินโดนคนกลุ่มนี้ฆ่าตาย
ชิงหว่านแสยะยิ้ม ก้าวเท้าเดินออกไป แล้วก็ถอยกลับมา
…
ซู่ซินหายใจลึกๆ ดวงตามองไปยังคนที่ล้อมนางไว้ การต่อสู้ในสองวันนี้ พลังวิญญาณของนางเริ่มถดถอย
“พวกเจ้าพอได้แล้ว! ในถ้ำสวรรค์ใหญ่เช่นนี้ ทำไมต้องมาก่อกวนข้าด้วย มีฝีมือก็ไปฆ่าพวกที่มีสัญลักษณ์สีแดง สีเงิน สีทองพวกนั้นสิ! ” นางตะโกนใส่คนกลุ่มนั้น
มีคนหัวเราะเยาะ “เจ้าคิดว่าพวกข้าไม่อยากหรือ แต่เสียดาย พวกที่มีสัญลักษณ์สีเงิน สีทองส่วนใหญ่จะซ่อนตัว แต่พวกสัญลักษณ์สีแดงนั้น ตอนนี้ก็มีน้อยลง ส่วนเจ้าตอนนี้เกือบได้สัญลักษณ์สีแดงแล้ว ฆ่าเจ้า แล้วฆ่าคนอีกเล็กน้อย ข้าก็จะได้สัญลักษณ์สีเงินแล้ว”
“ฆ่านางแล้ว ข้าก็จะได้สัญลักษณ์สีแดง”
“…”
“เจ้า! พวกเจ้า! ซู่ซินโมโหอย่างที่สุด ดวงตาของนางราวกับอาบยาพิษ มองไปยังคนกลุ่มนั้น นางคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมายืน ณ จุดนี้”
“ถึงแม้จะฆ่าข้าแล้ว คนที่ฆ่าข้าก็จะตกเป็นเป้าเช่นเดียวกับข้า” ซู่ซินเบี่ยงประเด็น ตะโกนเสียงดัง
นางอยากใช้เรื่องนี้ ทำให้คนพวกนี้หวาดกลัว และไม่กล้าลงมือกับนางง่ายๆ
ถึงอย่างไร ใครฆ่านาง ระดับของสัญลักษณ์นักฆ่าจะเพิ่มขึ้นมาก และกลายเป็นผู้ถูกล่าคนต่อไป
“ยังพอมีความฉลาดอยู่บ้างนะ” คำพูดของซู่ซิน ลอยตามลมเข้าหูเจียงหลี ทำให้นางลืมตาขึ้น สังเกตเรื่องราวตรงหน้าอย่างเย็นชา
“อ่อ นั่นเป็นเรื่องของพวกข้า ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะมาห่วง” อย่างไรก็ตาม ก็มีคนที่ไม่แยแสใดๆ รวมอยู่ด้วย
คนที่ล้อมซู่ซินไว้ ค่อยๆ เข้ามาใกล้นาง ดวงตาไม่สามารถปกปิดความกระหายที่จะสังหารได้ อุณหภูมิบริเวณโดยรอบลดลง
“ข้า…ข้ารู้ว่าคนที่ได้สัญลักษณ์อยู่ที่ไหน! ขอเพียงแค่พวกเจ้าไม่ฆ่าข้า เพื่อตอบแทน ข้าจะพาพวกเจ้าไปหานาง ฆ่านางซะ มันคุ้มค่ากว่าการฆ่าข้าเสียอีก” ซู่ซินตะโกนขึ้นทันที
สีหน้าของเจียงหลีเปลี่ยนไปทันใด ดวงตามีรังสีความเยือกเย็น นางลุกขึ้นยืน เอ่ยกับชิงหว่าน
“ไป!”
ถึงแม้ชิงหว่านจะไม่เข้าใจ แต่ก็รีบตามเจียงหลีเพื่อหลบหนี
ทางด้านนั้น เสียงของซู่ซินดังต่อเนื่องไม่หยุด “ตอนที่ข้าแยกกับนาง นางได้สัญลักษณ์สีแดงแล้ว ไม่แน่ตอนนี้นางอาจจะได้สัญลักษณ์สีเงินแล้วก็เป็นได้ พวกเจ้าคิดดูดีๆ หากนางได้สัญลักษณ์สีเงินแล้ว หากฆ่านางสำเร็จ สัญลักษณ์นักฆ่าของพวกเจ้าจะเปลี่ยนเป็นสีอะไร และสำหรับตัวข้า ที่แม้แต่สัญลักษณ์สีแดงยังไม่ได้มาครอบครอง ฆ่าข้าแล้ว พวกเจ้าจะสูญเสียคนที่เป็นเบาะแสเยี่ยงข้าไป”
คนที่ล้อมนางอยู่ ต่างหยุด
ผ่านไปชั่วครู่ มีคนถามขึ้น “เจ้าพูดจริงหรือ”
ซู่ซินรู้ว่าพวกเขาเริ่มสนใจ “แน่นอน! ถึงอย่างไร ข้าก็อยู่ในกลุ่มพวกเจ้า หากข้าหลอกพวกเจ้า พวกเจ้าก็ฆ่าข้าทิ้งได้ทุกเวลา”
“จริงอย่างที่พูด… เจ้ารีบนำทาง!”
…
เจียงหลีที่หนีไปในทันใด บนใบหน้ายังคงมีความเยือกเย็น
ทั่วรางกายมีกลิ่นอายความดุดัน ทำให้ชิงหว่านไม่กล้าที่จะส่งเสียงรบกวน
ยืมมือคนอื่นฆ่าคน! ในใจเจียงหลียิ้มอย่างเย็นขา ขณะที่ซู่ซินเปิดปากพูด เจียงหลีก็คิดไว้แล้วว่านางตัดสินใจจะทำอะไร จึงรีบพาชิงหว่านรีบหนีออกมา
ซู่ซินคนนี้คงจะเก็บไว้ไม่ได้แล้ว เจียงหลีครุ่นคิดในใจ
ทันใดนั้น นางหยุดเดิน เพียงนิดเดียวชิงหว่านก็จะชนหลังนางแล้ว
“มีอะไรไรหรือ” ชิงหว่านรีบตั้งตัวยืนให้มั่นคง
เจียงหลีที่มีท่าทีเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ได้ถามขึ้น “ยันต์ธาราทมิฬสามารถเปิดโปงที่ตั้งเราและในระหว่างพวกเราสามคนสามารถรับรู้ได้ถึงยันต์ธาราทมิฬซึ่งกันและกันหรือไม่”
โอ้…
ชิงหว่านรู้สึกงุนงงตอบอย่างไม่แน่ใจ “เหมือนว่าจะได้นะ…ถึงอย่างไรภายในร่างกายของพวกเราต่างมีกลิ่นอายของยันต์ธาราทมิฬ ถ้าหากอยากรับรู้ ก็น่าจะรับรู้ได้”
รอยยิ้มของเจียงหลีปรากฏความโหดร้าย มิน่าล่ะ ตอนซู่ซินพูดประโยคนั้นถึงได้รู้สึกมั่นใจเช่นนี้
“เกรงว่า พวกเราจะเจอกับปัญหาใหญ่แล้ว” เจียงหลีพูดตรงๆ กับชิงหว่าน
“เรื่องใหญ่หรือ” ชิงหว่านไม่เข้าใจ
ริมฝีปากเจียงหลีเหยียดตรง เดิมทีนางตัดสินใจจะแกล้งตายแล้วจากถ้ำสวรรค์ไปแต่ไม่ได้หมายความว่านางจะยินยอมให้คนมาวางแผนฆ่านาง
การกระทำของซู่ซิน ทำให้นางเปลี่ยนความตั้งใจ ในเมื่อซู่ซินอยากจะเล่นเกม นางก็จะเล่นกับซู่ซินสักตั้ง! หากนางไม่โต้กลับ คนคงคิดว่านางเป็นไก่อ่อนกลัวตายเป็นแน่
เจียงหลีหันหลังกลับ มองไปยังชิงหว่านที่ไม่รู้เรื่องราวอะไร และพูดด้วยเสียงหนักแน่น “มีประโยคหนึ่งที่ท่านจอมยุทธ์พูดถูก ในถ้ำสวรรค์ ถ้าเจ้าไม่อยากฆ่าคน ก็จะถูกคนฆ่า แต่ความจริงแล้ว โลกภายนอกก็เป็นเช่นนี้ คนที่ถูกเลือกเป็นธิดาสวรรค์ของสำนักพรตเสวียนหมิง หากเจ้าไม่อยากแพ้ หากเจ้าไม่อยากให้ชะตาชีวิตของเจ้าดูน่าอนาถ ก็ทำได้เพียงพึ่งพาตนเอง”
ชิงหว่านไม่เข้าใจที่เจียงหลีพูด แต่เจียงหลีก็ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม “ไป ไปหาที่ดีๆ แสดงฝีมือกัน หลายวันที่ผ่าน สิ่งที่ควรเห็นก็ได้เห็นแล้ว สิ่งที่ควรรู้ก็ได้รู้แล้ว ตอนนี้ถึงทีของข้าลงมือสังหารผู้คนแล้ว”
“…” ชิงหว่านมองเจียงหลีอย่างตกใจ เหมือนไม่เข้าใจ เรื่องอะไรกันที่ทำให้นางโมโหได้รวดเร็วเพียงนี้
ในใจชิงหว่านเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็เดินตามเจียงหลีไป เงาคนสะท้อนไปยังภูเขาและแม่น้ำภายในถ้ำสวรรค์อย่างต่อเนื่อง
แต่ทว่า เดินได้ไม่นาน นางก็รู้สึกถึงลมปราณที่เข้ามาใกล้ทุกที นางอยากจะเตือนเจียงหลีว่า “มีคนตามมาแล้ว…”