ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 26 ฆ่าฆ่าฆ่า...!
ไม่ต้องให้ชิงหว่านเตือน เจียงหลีก็รู้ดีว่ามีคนไล่ตามมาตลอดทาง
คนพวกนั้นประชิดมากขึ้นเรื่อยๆ และลมปราณก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น เพียงแต่ เมื่อการรับรู้ชัดเจนมากขึ้นเท่าไร รอยยิ้มที่มุมปากของนางก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
เยี่ยมไปเลย! ซู่ซินผู้นี้ความสามารถล้นเหลือ ดึงดูดผู้คนให้มาไล่ล่าได้มากมาย เจียงหลียิ้มเยาะในใจ
“เจียงหลี!” ชิงหว่านเรียกด้วยความกังวล
“ไม่ต้องกังวล เดินต่อไป” เจียงหลีเร่งฝีเท้า อุ้มเจ้าเปี๊ยกและพาชิงหว่านเดินหน้าต่อไป
บรรยากาศที่ตึงเครียดมากขึ้น ทำให้ชิงหว่านได้สติ “พวกเขาไล่ตามพวกเราหรือ” แน่นอนว่านางคิดไม่ออกว่า “ทำไม…”
“ทำไมหรือ ก็เพราะสิ่งนี้อย่างไรเล่า” เจียงหลียกมือขึ้นลบลายดอกไม้ที่ใช้ปกปิดสัญลักษณ์นักฆ่าบนหน้าผากแล้วเผยให้สัญลักษณ์สีแดงเลือด
ชิงหว่านเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “เจ้าหมายความว่าพวกเขาทำเพื่อ…แต่พวกเขารู้ได้อย่างไร”
เจียงหลียิ้มอย่างเย้ายวน แต่ดวงตากลับเย็นชาอย่างน่าหวาดกลัว “เพราะเรามีเพื่อนดีคอยนำทางพวกเขาไง!”
เข้าใจแล้ว!
ในที่สุดชิงหว่านก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเจียงหลีถึงจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ความโกรธพุ่งขึ้นในดวงตาของนาง “ซู่ซินทำเช่นนี้ได้อย่างไร”
“เจ้ายังจะหวังอะไรกับนางได้อีก” เจียงหลียิ้มเยาะ
ทันใดนั้น ชิงหว่านก็หยุดเดินและพูดด้วยความโกรธ “ไม่ได้! ข้าต้องการพูดกับนางให้รู้เรื่อง”
เจียงหลีคว้าตัวนางไว้และพานางบุกป่าฝ่าดงเข้าไป “พูดให้รู้เรื่องอย่างนั้นหรือ อย่าทำตัวไร้เดียงสาหน่อยเลย เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่ใช่การรนหาที่ตายหรือ หากยังไม่อยากตาย ไม่อยากแพ้ก็ตามข้ามาและสู้อย่างสง่าผ่าเผยสักตั้ง”
ชิงหว่านตะลึง
นางคิดอย่างเงียบๆ ว่าเจียงหลีต้องมีแผนการอะไรแน่นอน แต่นางกลับมองไม่ออก
นางค้นพบว่าตนเป็นหนึ่งในธิดาสวรรค์ทั้งสามที่ต้นทุนน้อยที่สุดและโง่เขลาที่สุด การติดตามเจียงหลี ถือว่าเป็นตัวถ่วงของนาง
ด้วยจิตสำนึกเช่นนี้ ชิงหว่านกัดฟันและตัดสินใจ “เจียงหลี เจ้าไปก่อนเถิด ข้าจะถ่วงเวลาให้เจ้าเอง”
ความเร็วของเจียงหลีไม่ได้ลดลง แต่กลับหันหน้ามามองและหัวเราะเยาะ “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้าจะถ่วงเวลาอย่างไร อีกอย่างมียันต์ธาราทมิฬอยู่ เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้มีประโยชน์หรือ”
“…” ชิงหว่านพูดไม่ออก
“เชื่อข้า ฟังคำข้าพอ” เจียงหลีมองนางอย่างลึกซึ้ง
ดวงตาของชิงหว่านสดใสขึ้นทันทีโดยไม่รู้ตัวและพยักหน้าอย่างจริงจัง
เงาของทั้งสองผ่านไปอย่างรวดเร็ว คนไล่ตามก็ไม่ได้ซ่อนตัวอีกต่อไป และไล่ล่าอย่างโจ่งแจ้ง ในที่สุด เจียงหลีและชิงหว่านได้หยุดอยู่บนที่ราบและหันหลังกลับมารอ
“คนอยู่ข้างหน้า ผู้ที่อุ้มสัตว์เดรัจฉานตัวน้อยในอ้อมแขนคือคนที่มีสัญลักษณ์สีแดง” ท่ามกลางฝูงชน ซู่ซินมองเห็นพวกเจียงหลีทั้งสองจากระยะไกล นางหัวเราะเยาะและพูดกับทุกคน แล้วค่อยชะลอฝีเท้า
นางไม่เชื่อว่าคนจำนวนมากเช่นนี้จะไม่สามารถฆ่าพวกเจียงหลีได้!
“ซู่ซิน ศิษย์ร่วมสำนักพบเจอกันและเจ้าพาคนมามากมายเช่นนี้ จะไม่ออกมาเจอหน้ากันหน่อยหรือ”
เมื่อนางกำลังจะหลบหนีขณะที่ทุกคนไม่ได้สนใจ เสียงยั่วยุของเจียงหลีก็ดังขึ้น
หลังของซู่ซินแข็งขึ้นทันที รู้สึกราวกับถูกงูพิษจับจ้อง
“เป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน! ฮ่าๆๆ…หญิงคนนี้ร้ายกาจมาก เพื่อรักษาชีวิตกลับคลายความลับของศิษย์ร่วมสำนัก”
“มีอะไรน่าตื่นเต้น ดูจากเสื้อผ้าของพวกนาง ล้วนเป็นธิดาสวรรค์แห่งสำนักพรตเสวียนหมิงและที่ผ่านมา ธิดาสวรรค์มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น พวกนางทั้งสามน่าจะเป็นคู่แข่งกัน”
“การแข่งขันคือของการแข่งขัน ควรชนะอย่างสมศักดิ์ศรี ใครก็จะได้ไม่ครหา แต่ถ้าหากใช้วิธีสกปรกลับหลังก็น่าขยะแขยงสิ้นดี! ”
“อย่างไรก็ตาม ข้าชอบสาวน้อยผู้ร้ายกาจนางนี้!”
“นี่สิถึงเรียกว่ายอมทำทุกวิถีทางเพื่อตำแหน่งสูง!”
“…”
เสียงเยาะเย้ยของผู้คนดังเข้ามาอย่างท่วมท้น สีหน้าของซู่ซินยิ่งดูแย่ลงไปเรื่อยๆ ซึ่งแม้แต่ใบหน้าของนางเองก็ยังดูน่าเกลียดเข้าไปอีก แย่แล้ว! แย่แล้ว!
ภาพลักษณ์ธิดาสวรรค์ของนาง วันนี้ถูกเจียงหลีทำลายจนหมดสิ้น!
ภายภาคหน้า นางกลายเป็นธิดาสวรรค์เพียงคนเดียวของสำนักพรตเสวียนหมิงนางจะมีสถานะสูงส่งและเป็นที่ชื่นชมของผู้คนแต่นางกลับลบประวัติศาสตร์อันมืดมิดนี้ไปไม่ได้
นังสาระเลว! ดวงตาของซู่ซินเผยจิตสังหารขึ้นและจ้องมองเจียงหลีอย่างแน่วแน่
เจียงหลีหมางเมินต่อสายตาของนาง นางไม่สามารถปล่อยซู่ซินไปอย่างง่ายดาย!
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น ผู้คนหลายร้อยคนได้ล้อมเจียงหลีและชิงหว่านไว้ คนเหล่านี้มีทั้งบุรุษและสตรี สัญลักษณ์บนหน้าผากส่วนใหญ่เป็นสีแดงดำ บางคนมีสีดำจาง และมีสีแดงอยู่บ้าง
คนที่มีสีแดงเหล่านั้นมองมาที่นางอย่างสะดุดตาเป็นพิเศษราวกับจ้องมองเหยื่อก็ไม่ปาน
เจียงหลียิ้มและยิ้มมากจนสรรพสิ่งหลงเสน่ห์
คนเหล่านี้คิดว่านางเป็นลูกพลับที่สุกนิ่มประดุจคนที่อ่อนแออย่างนั้นหรือ เห็นได้ชัดว่าเป็นคู่ต่อสู้ แต่ทุกสายตากลับจับจ้องไปที่นางผู้เดียว
ช่างมันเถอะ นางก็ขี้เกียจกังวลกับเรื่องนั้นแล้ว
ในเมื่อทุกคนต่างต้องการฆ่านาง ก็เริ่มต่อสู้กันเถอะ!
“ทุกท่าน ข้าเข้าใจเจตนาของทุกท่าน เรื่องนี้ก็ให้ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน ความเป็นความตายให้ฟ้าลิขิต” เจียงหลียิ้มเอ่ย
คำพูดนี้ของนาง ได้ใจจากทุกคนไปไม่น้อย
คำพูดค่อนข้างตรงไปตรงมาว่า “กล้าหาญนัก! เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมสำนัก ช่างดีกว่ามากเหลือเกิน พวกเราชอบคนตรงๆ เช่นนี้”
“จริงด้วย! แข็งแกร่งและเป็นสาวงามที่หายาก”
“น่าเสียดาย น่าเสียดาย ถ้าเจ้าไม่ได้เข้ามาในถ้ำสวรรค์ แต่พบกันด้านนอก ข้าจะยกยอเจ้าประดุจเทพธิดา”
“…”
คนเหล่านี้ผลัดกันพูดไปมา แต่กลับทำให้ซู่ซินโกรธมากขึ้น
ชิงหว่านกล่าวด้วยความโกรธ “ซู่ซิน เจ้ากล้าทำเรื่องเช่นนี้ รอออกจากที่นี่ก่อน ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อท่านประมุข!”
ซู่ซินแสยะยิ้มและพูดอย่างดูถูก “จะฟ้องหรือ ปัญญาอ่อน! เจ้าต้องรอดชีวิตออกไปให้ได้ก่อน”
“เจ้า!” ดวงตาของชิงหว่านแดงก่ำด้วยความโกรธ
“ทุกท่าน พูดคุยกันก่อนเถิด สามารถปิดผนึกพลังวิญญาณของหญิงผู้นี้แล้วมอบให้ข้าได้หรือไม่” เจียงหลีพูดอย่างมีเลศนัยกะทันหัน ท่ามกลางคนกลุ่มนี้ มีหลายคนที่มีพื้นฐานการฝึกฝนอยู่เหนือซู่ซิน จะปิดผนึกพลังวิญญาณของนาง ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก”
“ทำไมหรือ อยากทรมานนางก่อนตายใช่ไหม” ใครบางคนหัวเราะขึ้น
สำหรับซู่ซิน พวกเขาไม่ได้เห็นอกเห็นใจเลย
ซึ่งแม้แต่เจียงหลีเอง พวกเขาก็มิได้เห็นอกเห็นใจ เพียงแค่ชื่นชมด้วยเท่านั้น
เจียงหลียิ้มโดยไม่อธิบาย “นางใช้ชีวิตข้าเข้าแลก ข้าก็ต้องการดอกเบี้ยสักหน่อย”
“เจียงหลี เจ้าอยากตายงั้นรึ!” ซู่ซินพูดด้วยเสียงโกรธแค้น
นางไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป นางต้องฉวยโอกาสหลบหนี แต่ทันทีที่นางขยับตัวก็ถูกดึงกลับมา และพลังวิญญาณของนางถูกปิดผนึกอย่างรวดเร็ว พวกนั้นโยนนางไปที่แทบเท้าของเจียงหลี
ซู่ซินนอนลงกับพื้นด้วยความตื่นตระหนก เงยหน้าขึ้นมองเจียงหลีด้วยความหวาดกลัว ในเวลานี้พลังวิญญาณของนางถูกปิดกั้น หากเจียงหลีโหดเหี้ยมและฆ่านางจริงๆ เล่า
หลังจากนั้น เจียงหลีก้มศีรษะลงและมองไปที่นางด้วยยิ้มอันสดใส “ไสหัวไป หวังว่าเจ้าจะมีชีวิตรอดออกจากที่นี่นะ อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ”
ห้ะ?
ซู่ซินตะลึง เจียงหลีไม่ได้ฆ่านางจริงๆ หรือ ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เฉียบแหลมทันที นางไม่สนใจว่าทำไมเจียงหลีถึงไม่ฆ่านาง ไม่หนีไปตอนนี้จะไปตอนไหน
ซู่ซินลุกขึ้น วิ่งออกไปอย่างล้มลุกคลุกคลาน
เมื่อเฝ้ามองนางเดินจากไป เจียงหลีมองยังผู้คนที่จับจ้องมองมาและพูดว่า “เริ่มเถอะ…!”