ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 29 มาเพื่อปกป้องเจ้า
อาจจะเป็นความประหลาดใจหรือเหตุผลอื่นก็เป็นได้
ชายมอมแมมครุ่นคิดชั่วครู่ เดินออกจากกองฟางที่พรางตัว มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของถ้ำสวรรค์
…
“สัญลักษณ์สีทอง! สัญลักษณ์สีทองปรากฏแล้วจริงๆ!”
“โอ้สวรรค์ ตกลงวันนี้มีคนตายกี่คนกันแน่ แม้แต่สัญลักษณ์สีทองก็ยังปรากฏเลย”
“สัญลักษณ์สีเงินสอง สัญลักษณ์สีทองหนึ่ง!”
“ให้ความรู้สึกเหมือนแสงสีเงินและแสงสีทองอยู่ในทิศทางเดียวกัน!”
“เร็ว! เร็วเข้า ข้าอยากเห็นว่าใครกันที่เก่งกาจถึงเพียงนี้จนได้สัญลักษณ์สีทองมาครอบครอง!”
“…”
การปรากฏตัวของสัญลักษณ์สีทองกระตุ้นผู้คนในถ้ำสวรรค์เกือบทั้งหมด ไม่ง่ายเลยที่ซู่ซินจะกลับตลาด ซ่อนตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมและพยายามทำลายพลังที่ถูกปิดผนึกไว้ แต่เมื่อได้ยินเสียงเอะอะวุ่นวายในตลาด จึงเดินไปที่หน้าต่างและเปิดหน้าต่างอย่างว้าวุ่นใจ
“สัญลักษณ์สีทอง!” เสียงพูดคุยของผู้คนเดินผ่านไปมาอย่างเร่งรีบลอยเข้าหูซู่ซิน
ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด หลังจากที่นางทราบข่าวถึงการปรากฏตัวของสัญลักษณ์สีทอง ในใจรู้สึกไม่สบายใจมาก ทันใดนั้น การคาดเดาที่น่าหวาดกลัวก็ผุดเข้ามาในใจของนาง
เพล้ง!
นางปัดแจกันบนหน้าต่างโดยไม่ได้ตั้งใจ และแตกลงสู่พื้น
“ไม่! เป็นไปไม่ได้! นางไม่มีทางได้สัญลักษณ์สีทอง ต้องเป็นคนอื่นอย่างแน่นอน ท่ามกลางการปิดล้อมของกลุ่มคนมากมาย นางควรตายไปแล้ว” ซู่ซินส่ายศีรษะ ปฏิเสธการคาดเดาในใจ
หลังจากนั้น นางพยายามสงบสติอารมณ์และใช้ยันต์ธาราทมิฬสัมผัส แต่กลับลืมตากะทันหัน และเปล่งเสียงอันน่ากลัวออกมาจากดวงตา “ทำไมพวกเขาถึงยังไม่ตายเสียที…!”
นางอยากจะออกไปดูให้แน่ใจว่าผู้ได้รับสัญลักษณ์สีทองคือใคร
แต่ทว่า ทันทีที่นางไปถึงประตู กลับก้าวถอยหลัง นางไม่กล้า ไม่กล้าออกไป ไม่กล้าออกจากตลาด ตอนนี้หากนางก้าวออกจากตลาด นางอาจถูกฆ่าได้
ซู่ซินสงบสติอารมณ์ ปลอบตัวเองด้วยใบหน้าที่ดูน่ารังเกียจ “แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ตาย แต่สัญลักษณ์สีทองก็ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับพวกนาง”
…
จิตสังหารได้ลบล้างทุกสิ่งไปหมดแล้ว เมื่อฝุ่น ผงร่วงหล่น ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ ชิงหว่านมองไปยังสถานที่ที่มีกลุ่มคนหลายสิบคนยืนอยู่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามีใครบางคนขุดหลุมลึก
นางตกใจและวิ่งไปดู แต่กลับมองเห็นเพียงเสื้อผ้าขาดๆ ที่ก้นหลุมและคนหลายสิบคนก็ไม่พบร่องรอยใดอีกต่อไป
ชิงหว่านตกใจมาก หันหน้าไปมองเจียงหลี แต่กลับมองเห็นสัญลักษณ์สีทองตรงระหว่างคิ้วของนางที่ส่องแสงแวววาวเป็นพิเศษ
“สัญลักษณ์สีทอง! เจียงหลียินดีด้วย” ชิงหว่านยิ้มอย่างจริงใจ
เจียงหลีมองไปที่นาง “เจ้าพยายามเข้านะ”
“ข้าหรือ” ชิงหว่านผงะ ยกมือขึ้นแตะสัญลักษณ์สีเงินบนหน้าผาก “สัญลักษณ์สีเงินเพียงพอแล้วล่ะ”
เจียงหลีเอามือไขว้หลังและเดินเข้าไปหานางทีละก้าว “เจ้าลืมสิ่งที่ท่านประมุขพูดแล้วหรือ คนที่ฆ่าคนน้อยที่สุด จะตกรอบก่อน ตกรอบหมายถึงอะไร เป็นสิ่งที่เจ้าบอกข้าเอง”
ร่างกายของชิงหว่านสั่นสะท้าน ใบหน้าของนางซีดขาวอย่างรวดเร็ว
“ไม่ว่าเวลาไหนก็ตาม อย่าประมาทคู่ต่อสู้เด็ดขาด” เจียงหลีกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ชิงหว่านเม้มริมฝีปาก ลังเลเล็กน้อยในใจ
ทันใดนั้น นางหันหลังกลับและมองไปด้านหลังด้วยสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก “มีคนมาอีกแล้ว! พวกเราไปกันเถอะ” นางรู้ดีว่าสัญลักษณ์สีเงินและสีทองมีความหมายอย่างไรกับคนอื่นๆ
การต่อสู้ที่เพิ่งจบไป แม้ว่านางจะไม่ได้ฆ่าคนมากมาย แต่นางก็ใช้พลังวิญญาณไปจำนวนมาก
เจียงหลีหรี่ตาและพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ไปกัน” นางเพิ่งปลดปล่อยพลังจิตกวาดไปรอบๆ และพบว่ามีคนไม่น้อยกว่าหนึ่งพันคนมาทางนี้
สองต่อพันหรือ
ใช้น้อยสยบมาก เช่นนี้ไม่ใช่เรื่อง
อย่างไรก็ตาม นางมีสัญลักษณ์สีทองอยู่แล้ว จากนี้ก็ช่วยชิงหว่านเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์สีทองก็พอแล้ว ตอนนี้ยังมีเวลาและไม่จำเป็นต้องสู้สุดตัวอยู่ที่นี่
แน่นอนว่าก่อนที่พวกนางจะจากไป เส้นทางหลบหนีของพวกนางถูกตัดไปจนหมด
“จะทำเช่นไรดี” เสียงของชิงหว่านสั่นสะท้านอย่างแผ่วเบา นางเอนตัวเข้าใกล้เจียงหลีและมองไปยังร่างที่ปรากฏอย่างต่อเนื่อง
ใบหน้าของเจียงหลีเคร่งเครียด สัญลักษณ์สีทองบนคิ้วของนางช่างเป็นอุปสรรคเสียจริง
ภาพเงาของผู้คนรวมตัวจากทั่วสารทิศ ในบรรดาคนเหล่านี้มีทั้งลมปราณแข็งแกร่งและอ่อนแอ แต่พวกนางกลับเป็นเป้าอย่างไม่ต้องสงสัย
“หนีไม่พ้น ก็ทำได้เพียงสู้ขาดใจเท่านั้น” เจียงหลีหรี่ตา มือขวาสั่น และจูเสียได้กลายเป็นแส้ยาว ตกลงสู่มือนาง
ชิงหว่านมองไปที่อาวุธของนางด้วยความประหลาดใจ ดวงตาแนวแน่ “ได้! วันนี้เราจะสู้ไปด้วยกัน”
“เป็นหญิงสาวสองนาง!”
“ฮ่า คาดไม่ถึงจริงๆ”
“หญิงงามทั้งสอง อย่าโทษว่าพวกเราโหดร้ายอำมหิต ใครให้สัญลักษณ์สีเงินและสีทองของพวกเจ้าโดดเด่นเกินไป”
“หยุดพูดพล่าม ลงมือฆ่าเลย!”
“ดูสิว่าใครจะโชคดี! ฆ่าพวกนางได้ เกรงว่าวันนี้จะมีสัญลักษณ์สีทองปรากฏเพิ่มอีกสอง!”
“อาศัยความสามารถของตนเอง!”
“…”
คนกลุ่มนี้เห็นว่าพวกเจียงหลีทั้งสองเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับการช่วงชิงอย่างเสรี
จิตสังหารของคนนับพัน รวมเป็นลมขูดกระดูกที่พัดผ่านพงหญ้า
เจ้าเปี๊ยกที่กำลังหลับใหล ขนเรียบสว่างไสวลอยอยู่กลางสายลมหลายหน ทันใดนั้น ค่อยๆ ลืมตาขึ้น และแววตาวาววับคู่นั้นปรากฏความเย็นเยือก
การต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ทันใดนั้น แสงสีเงินได้สว่างวาบและตกกระทบบนไหล่ของเจียงหลี
เจียงหลีรู้สึกเพียงแค่ไหล่หนัก จึงหันศีรษะไปสบตาที่แวววาวของเจ้าเปี๊ยก ดวงตาที่คุ้นเคยทำให้นางยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “ไอ้เจ้าหนอนขี้เกียจ ในที่สุดก็ตื่นสักที แต่กลับตื่นมาไม่ใช่เวลา”
เจ้าเปี๊ยกไม่สนใจนาง แต่กลับมองไปที่คนรอบข้างด้วยสายตาแวววาว ใครก็ตามที่ได้เห็นมัน ต่างรู้สึกถึงความเย็นเยือกที่อธิบายไม่ถูกผุดออกมา
“มีสัตว์เดรัจฉานน้อยอยู่ด้วย”
“ฆ่าให้หมด”
จะฆ่าสัตว์เลี้ยงของนางหรือ
ดวงตาของเจียงหลีเย็นเยือก ยกแส้ยาวในมือขึ้น พลังวิญญาณก็เริ่มเคลื่อนที่ไปรอบๆ
ทันใดนั้น เจ้าเปี๊ยกได้กระโดดลงจากไหล่ ตกลงตรงหน้าของเจียงหลี ยีฟันขู่ใส่ฝูงชนด้วยท่าทางที่ดุร้าย
“หลิวหลี! เจ้ากำลังทำอะไร กลับมาได้ยินไหม” เจียงหลีตกใจ
นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวบนสีหน้าของนางในระหว่างการต่อสู้ทั้งสองครั้ง ก่อนหน้านี้ ถูกปิดล้อมโดยผู้คนมากมาย สีหน้าของนางก็ไม่เคยเปลี่ยน
แต่เดรัจฉานตัวน้อยดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงเรียกของนาง จ้องมองไปที่คนเหล่านั้น และดวงตาค่อยๆ ดุร้าย
“จิจิ๊ดดด!”
เสียงเล็กนุ่มนวลดังออกมาจากปากของเจ้าเปี๊ยก
เจียงหลีผงะไปชั่วขณะ ยืนอยู่กับที่อย่างงุนงง แท้จริงแล้ว…หลิวหลีของนางไม่ใช่สัตว์ใบ้ เพียงแค่เสียงร้องของมันนั้น…
“จิจิ๊ดดด!” เจ้าเปี๊ยกเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและส่งเสียง
บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความเงียบ
หลังจากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น แน่นอนเสียงหัวเราะที่บังอาจนั้น มุ่งเป้าไปที่เสียงร้องที่น่ารักของเดรัจฉานตัวน้อย
ดวงตาของเจียงหลีเย็นชา โบกแส้ยาวในมือของนางไปยังคนที่หัวเราะเสียงดังที่สุด ระหว่างที่ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แส้ยาวรัดคอและยกชายคนนั้นขึ้น บินลอยไปตรงหน้าเจียงหลี
“เจ้าบังอาจหัวเราะเยาะมันหรือ” น้ำเสียงของเจียงหลีเย็นชาเป็นที่สุด นางออกแรงรัดศีรษะของเขาจนขาด โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้นั้นได้ตอบโต้
เสียงหัวเราะหยุดลงกะทันหัน
“จิจิ๊ดดด!” เสียงอ่อนเยาว์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ทันใดนั้น ถ้ำสวรรค์มืดลงทันทีและพลังอันน่ากลัวได้ระเบิดออกมาจากเดรัจฉานตัวน้อยโดยดวงตาของมันเปลี่ยนจากสีเขียวครามเป็น…